"ธรรมชาติจะยังคงความงดงามอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมัน"
“ฝนโปรยโรยอ่อน ตะวันรอน วิหคจรคืนสู่รัง ฉากแห่งภูผา มาบดบัง ฟังหริ่งบรรเลง เสียงเพลงกล่อมไพร ในยามเย็น”
สถานที่ใดกันที่มนุษย์จะสามารถเรียงร้อยบทเพลง ด้วยถ้อยคำอันงดงามเช่นนี้ได้ ได้ยินได้ฟังครั้งใด คนเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูง
ควันรถ และมลพิษ !! ก็ได้แต่เพียงจินตนาการตามถึงฉากของชีวิตอันงดงามเช่นนั้น
ในท่ามกลางผู้คนนับแสนที่ต่างก้มหน้าสาละวนอยู่กับชีวิตของตนเอง อย่างเร่งรีบและรีบเร่ง...เรากำลังรีบจะไปที่ใดกัน
ท่ามกลางสายฝนความผันเปลี่ยนของฤดูกาล รอนแรม กรีนซีซั่น ขอชวน เพื่อนๆทุกคนไปเดินดอมดม กลิ่นไอดิน ในยาม ฟ้าหลังฝน และหมู่มวลดอกไม้ ณ อุทยานแห่งชาติ เจ้าของรางวัล 1 ใน 9 แห่งสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทย
บนเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ที่นี่คือ “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว”
ในกลางฤดูฝนจนถึงปลายฝนต้นหนาว ถือเป็นช่วงพีคที่พลพรรคนักเดินป่าทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ มือใหม่มือเก่า ต่างตีตูดตบเท้า ขึ้นสู่ภูสอยดาว ภูสวยนามเพราะพริ้งในอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ กันอย่างไม่ขาดสาย บนเส้นทางเดินป่าขึ้นสู่ลานสน อันเป็นจุดกางเต็นท์พักแรม ด้วยระยะทางกว่า 7 กม. ล้วนต้องใช้ความมานะอดทนทั้งกายและใจพอสมควร แต่ทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าเหนื่อย เมื่อได้มายืนอยู่ท่ามกลางสายหมอกอ้อยอิ่งที่โปรยปกคลุมทิวสน ล้อมรอบไปด้วยทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อนหวาน บานสะพรั่งสุดสายตา รวมถึงความงดงามของน้ำตกสายทิพย์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์บนลานสน และผาชมอาทิตย์อัสดงที่สวยงามจนยากจะลืมเลือน ถ้าใครโชคดีในค่ำคืนที่ฟ้าใสหมู่ดาวนับล้านจะเปล่งประกายแสงละลานตาไปทั่วท้องนภา เหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม อันเป็นที่มาของชื่อ“ภูสอยดาว”
หากใครที่คิดว่าอาจจะเดินไม่ไหว ไม่เคยใช้ชีวิตนอนเต็นท์ เปียกฝน หาบน้ำจากลำธารไปเข้าส้วม ล้างหน้า แปรงฟันกลางป่า ไม่ต้องกลัวครับ!! เพราะรับรองว่าจะได้ประสบการณ์เช่นนี้กลับไปทุกคน เอิ๊ก ผมปวดเนื้อปวดตัวไปหลายวัน แถมตุ่มใสๆจากตัวคุ่น !! นักเลงจิ๋วเจ้าถิ่น เป็นของฝากของชำร่วยไว้ดูต่างหน้าอีก แต่เชื่อมั้ยว่าถึงลำบากลำบนขนาดนั้น แต่ก็ไม่เคยมีใครเข็ด
ส่วนใหญ่จะพบเจอแบ็คแพ็คคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น นี่ล่ะที่เค้าเรียกว่า “หลงป่า” จริงๆนะ

"ภูเขาไม่ว่าจะสูงจะลำบากเท่าไหร่ ยากที่สุดก็ตอนก้าวออกจากบ้านนี่ล่ะ ถ้าคิดจะไปแล้วยากแค่ไหนก็ไปถึง"
แรงบันดาลใจดีๆหาไม่ยากหรอก หากชอบความเงียบสงบก็พยายามหลีกเลี่ยงวันศุกร์-อาทิตย์ จะได้ไม่ไปเบียดกับทัวร์คณะใหญ่ๆที่ขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ตั้งแต่เดือน สค-ตค ผมเองก็เคยขึ้นไปเจอคนเยอะๆมาแล้วคับเพื่อนๆเยอะก็สนุกดี มองไปทางไหนก็มีแต่เต็นท์ ผู้คนเดินกันขวักไขว่เต็มลานสน TT รอบนี้ไปกับแฟนสองคน ผมเลือกขึ้นวันอาทิตย์ลงวันอังคารแทน ขอบอกว่าสุดติ่งกระดิ่งคุ่น !! 55
เพราะทั้งลานสนมันมีอยู่เต็นท์เดียวจริงๆ ใครชอบธรรมชาติเงียบๆ ความสวยคูณสอง ก็ลองมาวันธรรมดาดูนะ
ใครไม่มีรถมาเอง ที่นี่ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ล่ะจุดเชื่อมต่อมีรถสาธารณะให้บริการทุกช่วง ไปตามเวลาที่กำหนดยังไงก็ไม่พลาด เก็บประสบการณ์การเดินทางง่ายๆในประเทศ ลองดูครับ จุดเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เวลารถจะสัมพันธ์กัน ขอให้เรารู้ตารางเวลาเป็นใช้ได้
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คร่าวๆก็ประมาณนี้ล่ะกัน ถ้ามีคนหารค่าเหมารถเพิ่ม ก็จะยิ่งถูกลงอีก ค่าอาหารด้วย
จริงๆแล้วถ้ามาถึงตลาดในอำเภอชาติตระการจะมีสองแถวประจำทางวิ่งไปภูสอยดาวด้วย แต่เรื่องเวลาไม่แน่นอน ยิ่งติดเงื่อนไขที่ว่าต้องไปให้ถึงตีนภูสอยดาวก่อนบ่ายสอง เพราะม่ะงั้นต้องรอขึ้นเช้าอีกวัน ผมตัดสินใจเหมาไปเลยดีกว่า บอกแล้วว่าถ้ามาหลายคนก็หารคนล่ะไม่กี่บาทอยู่ดี ไปกลับ 2000 บาท ตอนแรกคิดว่าแพงนะ แต่พอได้นั่งไปถึงรู้ว่าราคานี้แหละโคดเหมาะสมแร้ว
วิวสองข้างทางช่วงหน้าฝน ดูแล้วสดชื่น สบายตา
มาถึงก็ติดต่อชำระค่าบำรุงอุทยานฯ เช่าเต็นท์ กับอุปกรณ์เครื่องนอนได้ที่ทำการอุทยานฯ เค้ามีให้ครบไม่ต้องหอบมาแล้ว เดี๋ยวก็จ้างลูกหาบ หาบขึ้นไป อันไหนไม่ไหวจ้างหอบไปโล้ด อย่าฝืน !! งานนี้ต้องประเมินกำลังตัวเองครับ
ของพร้อม คนพร้อม น้ำพร้อม หนมพร้อม ก็ออกเดินทางเองได้เลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง
ไม่ต้องรีบเดิน ใช้เวลาอิ่มเอมกับธรรมชาติรอบๆตัวดีกว่า
มาถึงเนินแรก ก็ได้เหงื่อมาเยอะแล้วนะ
ถึงตรงนี้ก็โบกไม้ โบกมือลาญาติโยมที่มาส่งได้แล้วนะ บ๊าย บาย
จุดหมายมันเป็นเพียงสิ่งสมมุติ เรื่องราวระหว่างทางน่าจดจำกว่าเยอะ
หรือแท้จริงแล้วเรื่องราวระหว่างทาง เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้จุดหมายน่าจดจำ
เริ่มออกเดินประมาณ 11 โมงเช้า ตอนนี้บ่ายโมงแล้ว
ถึงตรงนี้ บอกได้คำเดียวว่า "เหนื่อย"
แต่ความสวยกับความสุขมันแรงกว่าความเหนื่อย
ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ โมเม้นลำบากก่อนถึงจะพบเจอความสบาย จริงๆแล้วมันมักมาคู่กัน
"เราไม่ได้พิชิตอะไรทั้งนั้นแหละ แต่เราชนะใจเราได้ นี่ล่ะสำคัญสุด"
จากที่ทำการอุทยานฯ จนถึง ลานสนภูสอยดาว รวมระยะประมาณ 7 กม. เดินแบบไม่รีบ พักบ้าง ถ่ายรูปบ้าง
ใช้เวลาไปทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.ครึ่ง ตอนนี้เวลาบ่าย 2 โมงกว่า พอขึ้นมาถึงปุ๊บ หมอกฝนก็ออกมาต้อนรับ
อีกอย่างที่ต้องเตรียมพร้อมเสมอ คือเสื้อกันฝน เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวหมอกลง ตลอดทั้งวัน นี่คือเสน่ห์ของป่าฝน
พี่ๆลูกหาบมาถึงก่อนนานแล้ว อยากกางเต็นท์ตรงไหนก็บอกเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ เดี๋ยวเค้าจัดการให้ วันนี้ทั้งลานสนไร้เงานักท่องเที่ยว เวลาเลือกทำเลกางเต็นท์ก็เช็คเรื่องทางน้ำไหลให้ดีนะครับ เรื่องนี้สำคัญมาก !! มองดูบนหัวด้วยว่ามีกิ่งไม้ใหญ่ที่มันน่าจะตกใส่หัวรึป่าว อ้อ เรื่องรังมดด้วยครับ ม่ะงั้นสนุกแน่
เต็นท์กางเสร็จเรียบร้อย เซาะร่องทำทางน้ำไหลเสร็จแล้ว ฝนก็หยุดแล้ว ได้เวลาออกเที่ยว
ในวันที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เราจะได้ยินเพียง เสียงลม เสียงสัตว์ต่างๆ เสียงเพลงแห่งขุนเขา อ่อ !! เสียงฝนตกด้วยยยย
ไฮไลท์บนภูสอยดาวต้องยกให้เค้าเลย "ทุ่งดอกหงอนนาค" ขึ้นอยู่ทั่วทั้งขุนเขา เดินไปทางไหนก็เจอ
แดดออกอีกแล้ว
เห็น she อย่างนี้ อึด ทึก ทน นะ
เมืองไทยมีธรรมชาติงดงามขนาดไหน ไม่ต้องจินตนาการให้เสียเวลา
เดินข้ามลำธารมาทางด้านทิศตะวันออกของจุดกางเต็นท์ จะมองเห็นยอดภูสอยดาว โอกาสหน้าถ้ายังไหวคงได้ขึ้น
เผลอแฟร่บเดียว หมอกมาอีกแระ
เรี่ยวแรงยังเหลือก็เดินกันต่อไป เห็นธรรมชาติแล้วลืมเหนื่อย
ผมว่าที่นี่น่าจะเป็นป่าสนที่สวยที่สุดในประเทศ
เดินขึ้นมาแค่ 7 โล แต่เดินเที่ยวบนนี้นี่สิอีกกี่สิบโล ไม่บ่นสักคำ
อีกเรื่องที่สำคัญไม่ควรมองข้ามคือ "แหล่งน้ำ" และ "ห้องน้ำ"หากกางเต็นท์ไกลเกิน 2 สิ่งนี้ อาจไปไม่ทันข้าศึกบุก
เช็คระยะเผื่อไว้หน่อยก็ดี ปวดท้องค่ำๆมืดๆจะได้ไม่เดินหลง
แหล่งน้ำกิน น้ำใช้บนภูสอยดาวช่วงหน้าฝนบริบูรณ์ดี เวลาใช้น้ำต้องไปเช่าถังน้ำที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ มาตักที่ลำธารไปใช้ แปลงฟัน ล้างจาน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เรียกว่าถังสาระพัดประโยชน์ (ดีที่ทางอุทยานทำห้องน้ำไว้ให้นะ ม่ะงั้นคงต้องแยกย้ายกันตามโคนต้นสน)
ผาชมอาทิตย์อัสดง ถึงอยู่ไม่ไกลจุดกางเต็นท์ แต่ก็ควรทำธุระให้เสร็จก่อนไป เพราะกลับมาอาจจะมืด จนหาอาหาร หรือเข้าห้องน้ำลำบากกว่าเดิม
ในชีวิตคน จะมีสักกี่วันกัน ที่เราจะได้อยู่กับช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้
[CR] ชีวิตจะสวยงามแค่ไหนอยู่ที่เราเลือกใช้มัน กับการเดินทางสู่ "อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว"
สถานที่ใดกันที่มนุษย์จะสามารถเรียงร้อยบทเพลง ด้วยถ้อยคำอันงดงามเช่นนี้ได้ ได้ยินได้ฟังครั้งใด คนเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูง
ควันรถ และมลพิษ !! ก็ได้แต่เพียงจินตนาการตามถึงฉากของชีวิตอันงดงามเช่นนั้น
ท่ามกลางสายฝนความผันเปลี่ยนของฤดูกาล รอนแรม กรีนซีซั่น ขอชวน เพื่อนๆทุกคนไปเดินดอมดม กลิ่นไอดิน ในยาม ฟ้าหลังฝน และหมู่มวลดอกไม้ ณ อุทยานแห่งชาติ เจ้าของรางวัล 1 ใน 9 แห่งสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทย
บนเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ที่นี่คือ “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว”
ส่วนใหญ่จะพบเจอแบ็คแพ็คคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น นี่ล่ะที่เค้าเรียกว่า “หลงป่า” จริงๆนะ
แรงบันดาลใจดีๆหาไม่ยากหรอก หากชอบความเงียบสงบก็พยายามหลีกเลี่ยงวันศุกร์-อาทิตย์ จะได้ไม่ไปเบียดกับทัวร์คณะใหญ่ๆที่ขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ตั้งแต่เดือน สค-ตค ผมเองก็เคยขึ้นไปเจอคนเยอะๆมาแล้วคับเพื่อนๆเยอะก็สนุกดี มองไปทางไหนก็มีแต่เต็นท์ ผู้คนเดินกันขวักไขว่เต็มลานสน TT รอบนี้ไปกับแฟนสองคน ผมเลือกขึ้นวันอาทิตย์ลงวันอังคารแทน ขอบอกว่าสุดติ่งกระดิ่งคุ่น !! 55
เพราะทั้งลานสนมันมีอยู่เต็นท์เดียวจริงๆ ใครชอบธรรมชาติเงียบๆ ความสวยคูณสอง ก็ลองมาวันธรรมดาดูนะ
ใครไม่มีรถมาเอง ที่นี่ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ล่ะจุดเชื่อมต่อมีรถสาธารณะให้บริการทุกช่วง ไปตามเวลาที่กำหนดยังไงก็ไม่พลาด เก็บประสบการณ์การเดินทางง่ายๆในประเทศ ลองดูครับ จุดเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เวลารถจะสัมพันธ์กัน ขอให้เรารู้ตารางเวลาเป็นใช้ได้
เริ่มออกเดินประมาณ 11 โมงเช้า ตอนนี้บ่ายโมงแล้ว
ถึงตรงนี้ บอกได้คำเดียวว่า "เหนื่อย"
แต่ความสวยกับความสุขมันแรงกว่าความเหนื่อย
ใช้เวลาไปทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.ครึ่ง ตอนนี้เวลาบ่าย 2 โมงกว่า พอขึ้นมาถึงปุ๊บ หมอกฝนก็ออกมาต้อนรับ
เช็คระยะเผื่อไว้หน่อยก็ดี ปวดท้องค่ำๆมืดๆจะได้ไม่เดินหลง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น