นางในฝัน.........3

กระทู้สนทนา


บทที่ 1
https://pantip.com/topic/40150327

บทที่ 2
https://pantip.com/topic/40163477

..........

ความเดิมตอนที่แล้ว

               ถ้าจะมีใครมาเห็นเราสองคนในเวลานี้ ก็คงทำให้เกิดอาการงงงัน พอสมควร ฝ่ายชายเขียนกระดานไปสลับกับการลบไป ในขณะฝ่ายหญิงพยักหน้า ผงกศีรษะ ผายมือบ้าง ซึ่งไม่ใช่วิสัยของคนปกติธรรมดาจะพึงกระทำกัน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะครับ พวกเราไม่มีใครถนัดการอ่านริมฝีปากกันเสียด้วย วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด เพราะถือว่าได้ใกล้ชิดกับนางอันเป็นที่รักมากเป็นพิเศษ  ผมชวนเธอคุยเรื่องสัพเพเหระ สลับกับการถามข้อมูลเกี่ยวกับเธอไปเรื่อย 
             ยังครับยัง...ผมยังไม่กล้าบอกความในใจ ความรักจะเลือกโอกาสและเวลาที่เหมาะสมของมันเอง   ขณะที่การสื่อสารกำลังสนุกสดชื่น มีเสียงรถวิ่งมาแต่ไกล ผมจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงรถตำรวจพวกนั้นแน่นอน
             ไอ้พวกมารหัวใจ ทะลึ่งมาทำไม...

........................................

 
             ทันทีที่ได้ยินเสียงรถ ดรีมก็รีบผละออกจากรั้วบ้านทันที เธอวิ่งหายเข้าไปในตัวบ้าน ปิดประตูอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน  รถตำรวจคันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าบ้าน วันนี้พวกเขามาหลายคน เสียงพูดคุยกันบางอย่าง ทำนองว่าให้มีตรวจตราแบบละเอียดรอบคอบ  มันจะอะไรกันนักกันหนา เจ้าพวกบ้า ทั้งเมืองมีบ้านมากมายหลายหลังนับไม่ถ้วน เจาะจงอะไรที่บ้านของผม

             พวกตำรวจคนหนึ่งเดินตรงมา รูปร่างหน้าตาของตำรวจดูคล้ายกันหมดทุกคน จนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร

             “กำลังยืนคุยกับใครอยู่เหรอครับ”  เขาถามพลางจ้องหน้า ดวงตาว่างเปล่าไร้อารมณ์ 

             “ก็ยืนคุยกับคุณตำรวจอยู่นี่ ยังไงละครับ”

             “ผมหมายถึงเมื่อครู่”  เขาเปลี่ยนคำถาม ไม่มีสีหน้าหงุดหงิด 

             “คุณตำรวจเห็นหรือครับ ว่าผมคุยกับใคร”

             คำตอบกวนบาทา ทำให้นายตำรวจนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าจะบุกเข้ามาในบ้านแต่ประการใด ผมเองก็ได้แต่นึกประหลาดใจ ที่ตัวเองสามารถพูดคุยสื่อสารกับพวกตำรวจชนิดไม่มีปัญหา แต่กับดรีม การสื่อสารด้วยเสียงกลับทำไม่ได้ น่าจะมีบางอย่างผิดปกติ

             ขณะกำลังยืนนิ่งคิด นายตำรวจคนหนึ่งเดินตรงไปขยับประตูรั้วหน้าบ้านของดรีมทดสอบ แล้วกระชากประตูรั้วเปิดผางออก จากนั้นพวกตำรวจสองนายก็เดินเข้าไป พร้อมอาวุธปืนครบมือ ผมใจหายวาบ พวกเขาทำท่าทางเหมือนกำลังพากันล้อมจับอาชญากรตัวเอ้   ดรีมเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา เธอไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างแน่นอน

             จะมากเกินไปแล้ว ผู้หญิงนะเฟ้ย...ผมคำรามในใจ แต่จะทำอะไรได้ ขืนออกไปสู้กับตำรวจ มีแต่ตายกับตาย   ความพลุ่งพล่าน ทำให้มือที่จับลูกกรงประตู เผลอออกแรงดันโดยไม่รู้ตัว ประตูรั้วเปิดออก!

             ความตื่นเต้นปะทุครืน ประตูรั้วเปิดอย่างไม่น่าเป็นไปได้ครั้งแรก พวกตำรวจไม่ทันได้หันมามอง เพราะมัวแต่สนใจบ้านหลังตรงกันข้าม ผมพยายามสลัดความคิดสับสนออกจากจิตใจ รีบเปิดประตูเข้าอย่างแผ่วเบา  ไม่ให้เกิดเสียงดัง คิดว่าจะต้องเก็บ ‘ความก้าวหน้า’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่มีจำเป็นต้องรีบร้อนออกจากบ้าน  มือกำลูกกรงแน่น ให้แน่ใจว่ามันยังไม่ได้หลุดหายไปไหน ขณะนั้นเอง พวกตำรวจได้พากันเข้าหายเข้าไปในบ้านของดรีมจนหมด

             ดรีมโผล่บริเวณหน้าต่าง สีหน้ามีแวววิตกอย่างสังเกตได้ชัด  คาดว่าเวลานี้พวกตำรวจอาจกำลังสำรวจตรวจอยู่ชั้นล่าง  ผมคิดอย่างรวดเร็ว ใต้หน้าต่างมีกันสาดยื่นยาว ถ้าดรีมจะปีนลงมา คงไม่ยาก ผมทำสัญญาณมือเป็นเชิงบอกว่า ให้เธอรีบปีนออกทางหน้าต่างโดยด่วน

             หญิงสาวก็ไม่ได้ลังเลเหมือนกัน ยกเท้าปีนหน้าต่างแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน  มือเกาะกันสาดแน่น ยังไม่ได้กระโดดลงมาตรง ๆ  ทำให้ความเสี่ยงในการบาดเจ็บลดลง  แสดงว่าเธอมีไหวพริบเป็นอย่างดี พอได้ระยะความสูง จังหวะเหมาะสม ดรีมก็ปล่อยมือ ร่างร่วงลงมา หญิงสาวล้มกลิ้งไปบนพื้น แต่เป็นการล้มแบบมีทักษะหลักการ เพื่อลดแรงกระแทกมากกว่าจะเสียหลัก จากนั้นรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หยุดนิ่งหันหน้ามามอง ผมทำสัญญาณให้เธอวิ่งเข้ามา

             ดรีมหันมองประตูบ้านให้แน่ใจ จากนั้นวิ่งผ่านสนามหญ้า ผ่านรั้วหน้าบ้าน ข้ามถนน  พอดรีมวิ่งเข้ามาในเขตบ้าน ผมรีบเปิดประตูรั้วโดยไม่ลังเล  พากันวิ่งเข้าไปในบ้านทันที  มีเสียงเอะอะดังตามหลัง แต่ไม่มีเวลาหันไปมอง รีบกดล็อกประตู เปิดฝ้าม่านหน้าต่าง มองออกไป เห็นพวกตำรวจสองนายยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน หลังจากนั้นตำรวจอีกสองนายตามมาสมทบ พวกเขาเริ่มเดินไปมา พากันตะโกนบอกให้เปิดประตู แต่ไม่ได้มีทีท่าจะบุกเข้ามา

             หันไปมองทางดรีม เห็นว่าเธอกำลังเฝ้ามองออกไปจากหน้าต่างเช่นกัน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมตามพวงแก้มเนียน ทำให้รู้ว่าเธอเองก็ต้องตื่นเต้น กับการหลบรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

             หลังจากพากันตะโกนให้เปิดประตู ประมาณสองสามนาที พวกตำรวจก็ยอมแพ้ พากันกลับเข้าไปในรถขับจากไปโดยสงบ  คงรู้ว่าไม่มีใครอัญเชิญเข้าในบ้านแน่ ผมรู้สึกทั้งโล่งใจและงุนงง ประตูหน้าบ้านถึงจะปิด แต่ไม่ได้มีกุญแจล็อกเอาไว้ ถ้าใครสักคนจะเอื้อมมือเข้ามาถอดกลอน ก็คงทำได้ไม่ยาก หรือแม้แต่จะลงทุนปีนข้ามรั้วเข้ามา ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ พวกตำรวจ  นอกจากจะมีอะไรสักอย่างขัดขวาง ทำให้ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

             อย่างไรก็ตาม ลางสังหรณ์บอกว่าพวกเขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ภายในวันนี้ ยังมีเวลาหายใจหายคอ ผมกับดรีมหันหน้ามองกัน แล้วยิ้มโล่งอก  เธอยังคงอยู่ในชุดกระโปรงยาวชุดลูกไม้ แบบที่ผมวาดภาพของเธอครั้งแรก คิดหนักใจว่าเห็นดรีมสวมชุดนี้เสมอ น่าจะเปลี่ยนชุดอื่นบ้าง แต่จะเอาชุดผู้หญิงที่ไหนมาเปลี่ยนให้

             “ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะคะ”   เธอพูดเสียงใส ผมยืนตะลึง หูไม่ฝาดไปเองอย่างแน่นอน เราสามารถสื่อสารกันได้เป็นปกติ 

             “ดรีม ผมได้ยินเสียงคุณ”  ผมเผลอร้องเสียงดังด้วยความดีใจ จ้องหน้าเธอราวกำลังมองสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ความปิติยินดีวิ่งพล่านเต็มความรู้สึก ไม่ต้องเขียนกระดานคุยกันอีกแล้ว!

             “ดรีมก็ได้ยินเสียงคุณค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วยิ้ม  ยืนตัวตรง สายตามองสำรวจไปรอบห้องนั่งเล่น ใบหน้ากระจ่างสดใสจากแสงแดดที่สาดส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา  นางในฝันที่เป็นจริง ดูเธองดงามเหลือเกิน

             “เหมือนบ้านหลังโน้นเลยค่ะ” เธอพยักหน้า หันไปมองบ้านฝั่งตรงกันข้าม ‘บ้านหลังโน้น’ คือบ้านที่เธอวิ่งหลบออกมานั่นเอง คงไม่แปลกหรอกที่บ้านจะเหมือนกันทุกหลัง  เหตุการณ์ฉิวเฉียดเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องดี ผมนึกขอบคุณตำรวจพวกนั้น อย่างน้อยก็ทำให้ความฝันเป็นจริงมากขึ้น  การสามารถสื่อสารกับดรีมได้ ทำให้หัวใจพองโตด้วยความปลาบปลื้ม ความพยายามของผม ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นางในฝันปรากฏตัวให้เห็น  มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน พูดคุยกันได้ ยังจะมีอะไรวิเศษมากไปกว่านี้ 

              ดรีมเดินสำรวจบ้านด้วยท่าทางคุ้นเคย พอขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งมีห้องนอนสองห้อง เธอเดินเข้าไปยังห้องหนึ่ง ราวกับหมายตาเอาไว้ก่อนหน้า เปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบชุดแต่งกายออกมาโชว์ให้เห็น

             ชุดผู้หญิง... เข้ามาอยู่ในตู้ได้อย่างไร ผมได้แต่อึ้งด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเดิมทีห้องก็เป็นเพียงห้องว่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานอะไร ในตู้เสื้อผ้าก็ไม่เคยมีชุด หรือสิ่งของอะไรอยู่ข้างใน  แต่ที่เห็นเวลานี้คือ ด้านล่างของตู้มีผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หมอนข้าง อะไรต่อมิอะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย แถมด้วยตุ๊กตาแมวตัวใหญ่อีกตัว ยืนยิ้มต้อนรับเจ้าของห้อง

             แน่นอนว่าผมไม่ได้แสดงความแปลกใจอะไรมากนัก เพราะเรียนรู้นานว่า ความผิดปกติของที่นี่ มีมาก จนกลายเป็น ‘ความธรรมดา’ ไปเสียแล้ว ต่อให้คิดซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่รอบ ก็คงหาคำตอบไม่ได้

             “คุณนอนห้องนี้นะครับ” ผมตัดสินใจยกห้องให้เธอเสียเลย ดรีมยิ้มอย่างดีใจ แล้วเธอก็ชวนผมกลับลงไปชั้นล่าง ตรงไปยังห้องครัว ท่าทางเหมือนเธอกำลังหิว  ห้องครัวไม่ได้มีอาหารมานาน ผมไม่เคยหิว การทำครัวจึงไม่จำเป็น พอหญิงสาวเปิดตู้เย็นหลังใหญ่ ก็ต้องตะลึง  ในตู้เย็น เต็มไปด้วยอาหารสดคาว วัตถุดิบต่าง ๆ จำนวนมากมายปรากฏให้เห็นราวกับเนรมิต  นี่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เอาเถอะ ช่างมัน! ความรู้สึกที่ขาดหายไปนานแสนนานก็เริ่มเกิดขึ้น  ผมรู้สึกว่ากำลังหิว 

              เป็นความหิวครั้งแรกในรอบหลายปี สิ่งของในตู้เย็นจะมาได้ยังไงก็ช่าง เดี๋ยวจะกินให้เรียบ ดูสิว่าจะมีปัญญาโผล่ออกมาได้แค่ไหน ใครว่าของฟรีไม่มีในโลก

             แม้ว่าจะไม่เข้าใจ มึนงงสงสัย หลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาในชีวิตพร้อมกับการมาของหญิงสาวในฝัน ที่แสนมหัศจรรย์ แต่ในเมื่อสิ่งที่ปรากฏเป็นเรื่องดี ไม่ได้เลวร้าย จึงไม่ได้คิดหาสาเหตุอะไรให้มากเรื่องหลายความ ช่างหัวมัน... อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

             แล้วช่วงบ่ายของวันนั้น ผมก็ได้นั่งโต๊ะ กินข้าวปลาอาหารจากฝีมือของ นางในฝันอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติที่ขาดหายไปแสนนาน กลับมาอีกครั้ง  ความเผ็ด เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ของอาหาร ซาบซ่านอิ่มอาบในแต่ละคำ จนทำให้เผลอตัว หลุดปากเอ่ยชมแม่ครัวจำเป็นหลายครั้ง  

             หลังจากอาหารมื้อแรกในรอบหลายปีผ่านไป เราก็นั่งพูดคุยกันด้วยเรื่องราวสัพเพเหระ เท่าที่ความทรงจำยังหลงเหลือ ความโดดเดี่ยวอ้างว้างชนิดเจียนบ้าหายไป เมื่อมีนางในฝันเป็นเพื่อน ครีมเองก็มีอาการความทรงจำขาดหายเหมือนกัน เธอจำเรื่องราวของตัวเองแทบไม่ได้  เราพูดคุยกันอย่างถูกคอสนุกสนาน การได้พูดคุย ได้เห็นหน้า นางอันเป็นที่รัก ทำให้รู้สึกราวอยู่บนสรวงสรรค์ 

             คนเราเกิดมา เพื่อที่จะรัก และถูกรัก ใช่... ผมเชื่อแบบนี้  แม้ความรักจะนำไปสู่ความเจ็บปวดและผิดหวัง มันก็คุ้มค่ากับการลงทุน ตราบใดที่เราไม่ได้หลุดพ้น หัวใจที่เจ็บช้ำเพราะความรัก อย่างน้อยก็ทำให้รับรู้ว่าตัวเองยังมีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ หัวใจที่ไร้รัก แม้จะไม่พบการผิดหวังสูญเสีย ก็คงอ้างว้างเยือกเย็นจืดชืดอย่างน่าใจหาย

             เรื่องความทรงจำที่ลบเลือน ไม่เป็นไร... สามารถสร้างใหม่ได้ เราทั้งสองต่างปลอบใจกัน สิ่งที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป จำอะไรไม่ได้ ไม่เห็นเป็นไร สิ่งที่รออยู่ในอนาคต สำคัญมากกว่า  หลังจากนั้น พวกเราก็พากันเลือกเปิดเพลงฟังอย่างสนุกสนาน  ดรีมท่าทางตื่นเต้นดีใจในการฟังเพลงมากกว่าผมหลายเท่า เหมือนไม่ได้ฟังเพลงมานานแสนนาน ในขณะที่ผมทนฟังจนเบื่อ แต่พอมีนางในฝัน มานั่งฟังเพลงด้วย แม้แต่เพลงไม่เคยชอบ ยังกลายเป็นเพลงไพเราะขึ้นมาได้ เวลาแห่งความสุขโดยแท้จริง ผมตั้งใจจะบันทึกความทรงจำของช่วงเวลานี้ไว้ตลอดชีวิต ต่อให้วันหน้าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นก็ตาม จะไม่มีใครมาขโมยความทรงจำงดงามไปได้  

             ดรีมร้องเพลงได้ หลายเพลงเธอร้องคลอตาม นั่นอาจเป็นผลจากความทรงจำหลงเหลือ เธอให้สัญญาว่า อีกสักหน่อยจะร้องให้ฟัง แบบไม่ต้องอาศัยเนื้อร้องจากเพลง ผมยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงด้วยความดีใจ

             เมื่อถึงเวลานอน เราต่างแยกย้ายกันเข้านอน ห้องนอนของดรีมอยู่ด้านในสุด ส่วนห้องนอนของผมอยู่โซนหน้าบ้าน เป็นตำแหน่งเหมาะสมในการมองตรวจตราหน้าบ้าน แต่ก็รู้ว่าพวกตำรวจจะไม่มาในเวลากลางคืน  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเอง คงประมาณการหยั่งรู้ หรืออะไรทำนองนั้น 

             เป็นคืนแรกที่เข้านอนอย่างสุขใจ เพราะรู้ว่านางในฝันอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ไม่ได้รู้สึกเงียบเหงาอ้างว้างอีกต่อไป

             ผมฝันถึงชายแปลกหน้าอีกครั้ง 




.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่