คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่ว่าจะยุคนี้หรือสมัยโบราณก็สามารถเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ครับ ยุคโรมันเป็นตัวอย่างที่ดีเลย จักรพรรดิโรมันต้องการเพิ่มจำนวนเหรียญเดนาริอุส ที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยายตัวของจักรวรรดิ เพื่อนำไปจ่ายเงินเดือนให้กับทหารประจำการ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยจากจีนและอินเดีย ซึ่งต้องใช้เฉพาะเดนาริอุสที่เป็นเหรียญทอง แต่แหล่งแร่ทองคำ ทองแดงและเงินมีจำกัด แทนที่จะเน้นการค้าเพื่อนำเงินมาซื้อทองคำ โรมันกลับเลือกวิธีลดส่วนผสมของโลหะหลักของเหรียญแต่ละประเภท มันเริ่มขึ้นในสมัยจักรพรรดิเนโร และลดลงมาเรื่อยๆ อำนาจการซื้อของโรมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหรียญเดนาริอุสถูกผลิตขึ้นมามหาศาล ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงขึ้นในสมัยจักรพรรดิไดโอเครเชี่ยน พระองค์ต้องใช้เวลากว่า 20 ปีเพื่อปฏิรูปเงินตราและแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ
จีนก็เหมือนกันครับ ราชวงศ์หยวนออกตั๋วเงิน ชื่อว่า Jiaochao มากมายมหาศาล เพื่อใช้จ่ายในจักรวรรดิจนเกิดภาวะเงินเฟ้อ จนต่อมาราชวงศ์หมิงยกเลิกการใช้มันไปเลย แล้วหันกลับมาใช้เหรียญทองแดง
จีนก็เหมือนกันครับ ราชวงศ์หยวนออกตั๋วเงิน ชื่อว่า Jiaochao มากมายมหาศาล เพื่อใช้จ่ายในจักรวรรดิจนเกิดภาวะเงินเฟ้อ จนต่อมาราชวงศ์หมิงยกเลิกการใช้มันไปเลย แล้วหันกลับมาใช้เหรียญทองแดง
แสดงความคิดเห็น
สมัยก่อน คำว่า พระคลังไม่มีเงินเหลือ แล้วทำไมไม่ผลิตออกมาเยอะๆ?
อำนาจอยู่ที่กษัตริย์หรือขุนนาง สามารถผลิตสิ่งที่แทนสื่อกลางในการ
แลกเปลี่ยนได้ไม่จำกัดจำนวน ไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีจำนวนมาก ก็สามารถ
ผลิตแล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังมีปัญหา
พระคลังเหลือน้อยหรือไม่มี หรือว่ามีเรื่องของเงินเฟ้อ ความไม่มั่นใจ
ในมูลค่าของเงิน (money) ขอบคุณครับ