[SR] Koko Japanese Restaurant l โอมากาเสะ คอร์สพรีเมียม 20 คำ 2,199++ บาท [จงกินนี่]

สวัสดีอีกครั้งครับ .... กลัมาอีกครั้งกับกระทู้ที่อยากให้เกิดขึ้นมานานแล้ว คือจงมีโอกาสได้ไปทานที่ร้าน Koko Japanese Restaurant  ถึงแม้จะเป็นการได้รับเชิญไปทานจากทางร้าน แต่ร้านนี้เป็นร้านที่จดไว้ในลิสต์ว่าอยากจะไปลองชิมอยู่แล้ว เพราะเป็นโอมากาเสะที่ราคาดีงามมาก ๆ คอร์สแพงที่สุดอยู่ที่ 2,199 ++ บาท เท่านั้น และเริ่มต้นเพียง 1,499++ บาท (ราคาเดือนสิงหาคม 2563) ซึ่งก็ถือว่าเอื้อมถึงได้สบาย ๆ ไม่เจ็บตัวมากนัก แต่ขอแอบกระซิบไว้ตั้งแต่หัวกระทู้เลยครับว่า ดีงามเกินราคามาก ๆ สำหรับที่นี่ 

   และถึงแม้ว่าจะเป็นกระทู้ SR แต่ออกตัวไว้ก่อนเลยครับว่า จงเข้าไปนั่งและใช้บริการพร้อม ๆ กับลูกค้าปกติท่านอื่น ๆ เลยครับ ไม่ได้มีอาหาร หรือการบริการอะไรที่พิเศษกว่าลูกค้าท่านอื่น ๆ ฉะนั้นขอให้มั่นใจเลยว่า ภาพที่ได้เห็นและสิ่งที่จะบรรยายออกไปนั้นเป็นความเป็นจริงที่ลูกค้าจะได้รับเฉกเช่นเดียวกัน 

----------------------------------
ข้อมูลร้าน
----------------------------------
  ร้าน Koko Japanese Restaurant ตั้งอยู่ในอาคาร หะรินธร ซอยสาทร 4 ร้านจะอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารจอดรถ  ด้านหลังตัวตึกหาไม่ยากครับเลี้ยวรถเข้าไปด้านหลังตึกยังก็ต้องผ่าน ที่จอดรถก็สามารถจอดที่อาคารนี้ได้เลย จอดได้ฟรี 3 ชั่วโมง ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 40 บาท ซึ่งจงโดนไปเรียบร้อยเพราะมัวแต่นั่งเม้าส์กับเชฟนานไปหน่อยนึง


ทางร้านจะมี อยู่ 3 คอร์ส 3 ราคา ต่างกันที่จำนวนคำครับ ซึ่งคอร์สที่แพง ๆ จะมีคำที่มีวัตถุดิบตัวแพง ๆ อย่างอูนิ โอโทโร่ อยู่ ซึ่งมาทั้งที่แนะนำจัดคอร์ส 20 คำไปเลย ไม่งั้นได้นั่งมองเชฟปั้นตาปริบ ๆ แน่นนอน ซึ่ง 3 คอร์สที่ว่า มีดังนี้
1. Silver Course: 1,499++ (14 คำ)  
2. Gold Course: 1,799++ (17 คำ)  
3. Premium Course: 2,199++ (20 คำ) 

*** โปรโมชั่นช่วงนี้ คือ จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ลดไปเลย 200 บาท/คน (คุ้มขนาดนี้จองไปเถอะ) ***

และ Omakase เปิดบริการทุกวัน วันละ 4 รอบ  
12:00┃15:00┃17:00 ┃19:00

ส่วนในรีวิวนี้จงมาทานในคอร์ส Premium Course: 2,199++ (20 คำ) เวลา 19.00 น.

มาถึงก็ประมาณ 18.50 ลูกค้ารอบ 17.00 น. ก็กำลังทยอยกลับ ภายในร้านตกแต่ด้วยงานไม้สไตล์ญี่ปุ่นมองสบายตา มีโต๊ะแบบบาร์ยาวนั่งไปประมาณ 15 ท่าน และยังมีโต๊ะแบบปกติด้วยเพราะเค้ามีบริการแบบอะลาคาร์ทด้วย

พอเริ่มนั่งโต๊ะเชฟก็เริ่มอธิบายว่าคอร์สวันนี้จะมีอะไรบ้าง ซึ่งจะมี ของเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ ซูชิปลาเนื้อขาว และไล่ระดับไปปลาที่มีรสชาติมากขึ้น มีสลับของย่างและของทอดบ้างเป็นระยะ ถือว่าเรียงลำดับได้สนุกดีครับ ร้านนี้จะเป็นโอมากาเสะที่ผสมกับความไคเซกิ หรือที่เป็นสำรับชั้นสูงของญี่ปุ่น ทำให้ไม่เบื่อซูชิจนเกินไป และเมนูซูชิที่นี่จะเป็นแนวครีเอทนิด ๆ มีลูกเล่นพอสมควรเลย ส่วนเมนูปลาจะเปลี่ยนทุก ๆ 15 วันตามฤดูกาล แต่พวกของที่เป็นเรียบน้ำย่อยกับของทานเล่นจะไม่เปลี่ยน ลองติดตามดู IG เป็นระยะก็ได้ครับว่าช่วงไหนน่าทานบ้าง 

พอเชฟอธิบายเสร็จก็สอบถามว่าลูกค้าคนไหนแพ้ หรือไม่ทานอะไรบ้างก็จะเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบตัวอื่นแทนให้ซึ่งก็ศักดิ์ศรีใกล้เคียงกันเลย

นั่งปุ๊บก็เจอ บรรดาอาวุธ ที่ถูกห่ออย่างเรียบร้อย แต่การจะกินซูชิให้อร่อยที่สุดส่วนตัวจะชอบใช้มือครับ แล้วหยิบเข้าปากโดยเอาตัวปลาเข้าที่ลิ้นจะได้ฟีลมากขึ้น

ก่อนเริ่มคอรส์พนักงานก็มาถามว่าต้องการจะดื่มอะไร ผมเลือกชาเขียวเย็นไปครับ ราคา 60 บาทเป็นแบบรีฟิล เครื่องดื่มอื่น ๆ ราคาก็ไม่แพงนัก

ชาเขียวรสชาติบาง ๆ ไม่เข้มเกินเหตุดื่มได้เพลินเลยครับเหมาะกับมื้อเย็นดีนัก

เริ่มคำแรกด้วย ไข่ตุ๋นเนื้อปู เนื้อไข่ตุ๋นละเอียดมาก นุ่มดีมากกลิ่นน้ำซุปในนั้นหอมเนื้อปูดีครับ

จากนั้นเชฟก็นำวัตถุดิบสำหรับวันนี้มาโชว์ สายตาไม่หลุดจากอูนิเลยสักนิด อยากจะได้ทั้งถาดนั้น 

ถัดมา คำที่ 2  เป็นผักนึ่งจะมีผักกาดขาวพันกับแครอทต้นหอม ท็อปด้วยอะโวคาโด อูนิ และไข่ปลาแซลมอน แล้วราดน้ำสลัดงาญี่ปุ่น ที่เป็นน้ำสลัดที่อร่อยมาก มีความเปรี้ยวหวานหอมนม ๆ กินแล้วสดชื่นมาก

คำที่ 3
เริ่มเข้าสู่เมนูปลา เป็นปลาฮามาจิ จะมีอยู่ 2 ชิ้น 2 สไตล์ ตัวโฟม ๆ นั้น เป็นโฟมที่ตีกับทรัพเฟิลออย มีกลิ่นหอมชัดเจนมาก  คำแรกกินกับอิคุระและคาเวียร์ ส่วนคำที่สองจะเป็นวาซาบิดอง และเชฟให้ห่อกับใบโอบะไปด้วย คำสองที่อร่อยมากชอบสุด ๆ ใบโอบะนี่หอมกว่าที่เคยกิน ๆ มาเยอะเลยแหละ

คำที่ 4
เป็นซูชิคำแรก เชฟเลือกปลาฮิราเมะที่เป็นปลาเนื้อขาว คำนี้เชฟตั้งใจใช้ความเปรี้ยวของมะนาว และเกลือฮิมาลายันให้เค็มแทนโซยุเพื่อเปิดต่อมรับรส 

ด้านบนเชฟจะท็อป ส่วนของเอนกาวะ หรือพุงของปลาฮิราเมะ มาเพิ่มเท็กเจอร์ด้วย  ข้าวของที่นี่รสชาติถูกใจมาก ๆ จะมีความเปรี้ยวและหวาน น้ำหนักมือปั้นก็กำลังดี ไม่แน่นแข็งเกินไปด้วย

คำที่ 5
ปลามาได คำนี้เริ่มทำให้รู้สึกว่ารักเชฟเลย ซูชิที่นี่พอเริ่มคำที่สองก็เริ่มรู้แล้วว่าเชฟตั้งใจทำซูชิให้มีความแตกต่าง ซึ่งไม่ใช่สไตล์เอโดะดั้งเดิมที่ใช้แค่ข้าวและปลา ส่วนคำนี้เป็นปลามาได ซึ่งเซฟท็อปด้วยปลาโอแห้งที่มีกลิ่นหอมมากกกกกกกกก และยังมีผลบ๊วยที่หมักกับมิรินกับสาเก เป็นการครีเอทที่เข้ากันดีกับตัวปลามาไดมาก ส่วนปลามาไดเชฟก็เอาไปเอจจิ้งจนมันออกรสชาติดีมากมีความแห้งส่วนตัวจะชอบมาก 

คำที่ 6   ปลาฮิรามาสะ คำนี้เชฟเอาไปเอจจิ้งเช่นเดียวกัน ชอบตัวต้นหอมด้านบนคือส่งรสชาติปลามาก ๆ 

คำที่ 7 
ข้าวคลุกคานิมิโสะ กับอามะเอบิ หรือกุ้งหวาน กุ้งหวาน 2 ตัวนี้คือหวานเบอร์สุดมาก หวานเกินกุ้งเลย  เชฟจะมาฉีดสเปรย์ทองคำให้ด้วย เพิ่มความหรูและสวยงาม
 

คำที่ 8
โฮตาเตะย่าง คำนี้น่าจะพีคอันดับต้น ๆ ของคืนนี้เลย โฮตาเตะอวบและหวานมาก เชฟเอามาย่างบนถ่านไม้โอ๊ค และดูแลอย่างดี ค่อย ๆ ทาซอสต่าง ๆ ลงไป 

พอใกล้สุกก็โหมไฟแรงขึ้น

เอามาโรยผงสาหร่าย และข้าวพองญี่ปุ่น และมีข้าวคลุกอูนิและซอสสาหร่ายอยู่ด้านใต้ คำนี้อร่อยดิ้นพล่านเลย หวานมาก พูดไม่ถูกอยากให้มาชิม

อร่อยมากจนต้องขอสั่งเพิ่มพิเศษ แล้วราคา เพิ่มแค่คำละ 200 บาท เลยจัดคนละคำกับคุณแฟน คำนี้จะเปลี่ยนท็อปปิ้งเป็นคัสตาร์ด ซึ่งจะออกหวานนิด ๆ ตัดกับความเค็มของโฮตาเตะได้ดี

คำที่ 9
หลบหน่อยพระเอกจะเดิน คำนี้คงจะพีคที่สุดของคืนนี้เลย อูนิ ช่วงนี้เชฟบอกว่าเป็นช่วงของสายพันธ์มุราซากิ ซึ่งก็ดีเลย เพราะส่วนตัวเคยกินแต่สายพันธ์บาฟุน  อูนิที่ร้านใช้จะเป็นเกรดประมูล เชฟบอกราคาว่าประมาณ 7,500 บาทต่อกล่อง
 
นั่งดูเชฟปั้นก็ตั้งใจปั้นในใบโอบะ เชพบอกว่าจะช่วยดึงรสชาติได้ดี และลดความคาวได้ด้วย

พอชิมแล้วบอกเลยว่าหันมารักมุราซากิแบบหมดใจ เพราะมีความหอมหวานชัดเจนมาก  ๆ อุณหภูมิที่เชฟใช้ก็กำลังดีมาก  ๆ เหมือนเชฟขยี้รัว ๆ 2 คำ ติด ๆ ที่พีคมาก ใครอยากเพิ่มเพิ่มได้ คำละ 400 บาท แอบถามเชฟมาให้แล้วครับ

คำที่ 10 
คำนี้เหมือนเป็นการให้พักผ่อน ซดน้ำเพลิน ๆ เป็นเต้าหู้ที่มีความละเอียดมาก น้ำซุปเนื้อปูซูไว กลิ่นอูมามิลงไปอยู่ในน้ำซุปชัดเจนมาก ซดจนหมดถ้วยเลยแหละ

คำที่ 11
คำนี้เป็นคำที่ลงไปดิ้นที่สุดละ เป็นโอโทโร่ที่ท็อปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำสด ๆ ที่เชฟขูดไม่ยั้งเลย โอโทโร่เชฟเอาไปสึเกะในน้ำซอสก่อนเอามาซับออก และเอามาอะบูรินิดนึงไม่ถึงกับสุกมาก ตัวปลารสชาติดีมาก  เนื้อหวานเจี๊ยบเลย

เผาไฟนิด ๆ พอสะดุ้ง

ทรัฟเฟิลสด ๆ ขูดไม่ยั้ง

เจอคำนี้ตายตาหลับแล้ว อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก

คำที่ 12
เส้นมันยามาอิโมะ คำนี้เหมือนให้พักผ่อนหลังหวดมาแบบหนักหน่วง ตัวเส้นจะมีความนุ่ม ท็อปด้วยอูนิ อิคุระ และเมนไทโกะ มีความมัน ๆ นัว ๆ 

คำที่ 13
พิซซ่าฟรัวกราส์ คำนี้รู้สึกผิดมาก ๆ ที่สบประมาทไว้ เพราะหน้าตามันไม่น่ากิน แต่กัดเข้าไปคือรักมาก ฟรัวกราส์ย่างมาจนแห้ง แต่ไม่แข็งนะ กินกับแป้งทอดกรอบ ราดซอสหวาน ๆ แล้วก็มีมะเขือเทศเพิ่มความหวาน กินคำนี้เข้าไปคือยิ้มเลยอะมันละมุนมาก

คำที่ 14 
ปลาไหลเทมปุระ ปลาไหลเอามาย่างก่อนเอามาทอดแบบเทมปุระ แปลกดีครับ เนื้อนุ่มดีมาก  ไม่ค่อยได้เจอปลาไหลทอด ราดด้วยซอสคาบายากิ และโรยด้วยไข่ออนเซนอบแห้ง 

ของคุณแฟนไม่กินปลาไหลได้ขาปูซูไวมาแทน 
ชื่อสินค้า:   koko japanese restaurant
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่