ถ้าพิจารณาให้ละเอียด
การไม่จ่ายปันผล ทำให้แบงค์มีเงินกองทุนเพิ่มมากขึ้น
แบงค์ไม่ได้ขาดเงินฝาก แม้ดอกเบี้ยเงินฝากจะต่ำมาก แต่ก็มีคนไปฝากเงินมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้น ก็สามารถทำให้ปล่อยสินเชื่อได้ เพิ่มขึ้น (leverage) ได้ 5-8 เท่าตัวของเงินกองทุน
ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับเงินปันผลที่ไม่ได้จ่ายไป
จึงเป็นไปตามที่ กรรมการผู้จัดการ IMF หรือ BOT ที่บอกว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการและผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะยาว
การประกาศห้ามจ่ายปันผลระหว่างการก็เหมือนเป็นการการันตีอีกประการหนึ่งว่า ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ของธนาคารพาณิชย์ ยังคงมีกำไรที่ดี
ต่างกับบริษัทใหญ่หลายๆ แห่ง เช่น ปตท โรงกลั่นต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มขาดทุน แต่ยังคงมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล บริษัทเหล่านี้ถือเป็นบูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์ และน่าจะมีความต้องการสินเชื่ออีกเป็นจำนวนมาก ถ้าสินเชื่อบริษัทพวกนี้เติบโตสัดส่วน NPL ย่อมลดลง
เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์คลี่คลายลง ทรัพย์สินของธนาคารจะมีมากขึ้น
จริงๆแล้ว อาจพูดได้เลยว่า ยิ่ง NPL เยอะ ธนาคารพาณิชย์ยิ่งจะรวยขึ้น ถ้าหากธนาคารมีสภาพคล่องมากเพียงพอ เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และมักจะถูกตีมูลค่าต่ำกว่าวงเงินสินเชื่อเสมอ รวมถึงเวลาตีมีมูลค่าตอนชำระหนี้ ก็มักถูกตีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง โดยหลักทรัพย์ค้ำประกันส่วนใหญ่เป็นที่ดินและบ้าน ที่ดินมักมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดั้งนั้นขอแค่ธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องกำไรจะเติบโตขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป
ถ้าพิจารณาให้ดี แบงค์ ไม่จ่ายปันผล ส่งผลดีมากกว่าที่หลายๆ คนคิดไว้ เป็นจริงตาม IMF และ BOT บอก
การไม่จ่ายปันผล ทำให้แบงค์มีเงินกองทุนเพิ่มมากขึ้น
แบงค์ไม่ได้ขาดเงินฝาก แม้ดอกเบี้ยเงินฝากจะต่ำมาก แต่ก็มีคนไปฝากเงินมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้น ก็สามารถทำให้ปล่อยสินเชื่อได้ เพิ่มขึ้น (leverage) ได้ 5-8 เท่าตัวของเงินกองทุน
ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับเงินปันผลที่ไม่ได้จ่ายไป
จึงเป็นไปตามที่ กรรมการผู้จัดการ IMF หรือ BOT ที่บอกว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการและผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะยาว
การประกาศห้ามจ่ายปันผลระหว่างการก็เหมือนเป็นการการันตีอีกประการหนึ่งว่า ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ของธนาคารพาณิชย์ ยังคงมีกำไรที่ดี
ต่างกับบริษัทใหญ่หลายๆ แห่ง เช่น ปตท โรงกลั่นต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มขาดทุน แต่ยังคงมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล บริษัทเหล่านี้ถือเป็นบูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์ และน่าจะมีความต้องการสินเชื่ออีกเป็นจำนวนมาก ถ้าสินเชื่อบริษัทพวกนี้เติบโตสัดส่วน NPL ย่อมลดลง
เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์คลี่คลายลง ทรัพย์สินของธนาคารจะมีมากขึ้น
จริงๆแล้ว อาจพูดได้เลยว่า ยิ่ง NPL เยอะ ธนาคารพาณิชย์ยิ่งจะรวยขึ้น ถ้าหากธนาคารมีสภาพคล่องมากเพียงพอ เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และมักจะถูกตีมูลค่าต่ำกว่าวงเงินสินเชื่อเสมอ รวมถึงเวลาตีมีมูลค่าตอนชำระหนี้ ก็มักถูกตีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง โดยหลักทรัพย์ค้ำประกันส่วนใหญ่เป็นที่ดินและบ้าน ที่ดินมักมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดั้งนั้นขอแค่ธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องกำไรจะเติบโตขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป