‘8 ซีอีโอแบงก์’ เตือนตั้งการ์ดสูง ชี้เศรษฐกิจชะลอต่อ 2-3ไตรมาส ’ส่งออกแผ่ว-หนี้ถ่วงกำลังซื้อ‘

KEY POINTS
8 ซีอีโอแบงก์ ประสานเสียงเตือน เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ลากยาวถึงปีหน้าชะลอตัวต่อเนื่อง

แนะตั้งการ์ดรับความเสี่ยง จากความไม่แน่นอน ทั้งในและต่างประเทศ

ธนาคารพาณิชน์เร่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เน้นประคองพอร์ต มากกว่าการเร่งการเติบโต

เร่งบริหารคุณภาพสินทรัพย์ คุมหนี้เสีย ปล่อยกู้อย่างรอบคอบ 

พร้อมตั้งสำรองพิเศษเพิ่ม รองรับปัจจัยไม่แน่นอน ที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย


ธนาคารพาณิชย์ไทย” เลือกเดินเกมธุรกิจด้วย “ความรอบคอบ” เน้นบริหารความเสี่ยงและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ คุมต้นทุนการดำเนินงานธุรกิจ หรือการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่าง “ระมัดระวัง” ต่อเนื่อง
ควบคู่การตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม เพื่อรองรับความความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นระยะข้างหน้า และมองภาพหลังจากนี้จะเป็น “การประคองและปรับตัว” มากกว่า “การเร่งขยายตัว”

เดินหน้าคุมพอร์ตสินเชื่อ-บริหารสินทรัพย์
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากการเร่งส่งออกหมดลง 
ขณะเดียวกันยังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างทั้งความเปราะบางที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ การขาดความสามารถการแข่งขันในโลกใหม่ และความท้าทายของภาครัฐ ซึ่งล้วนกดดันการเติบโตของประเทศระยะยาว

ดังนั้น ธนาคารเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ รับมือความไม่แน่นอน
โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูงและรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยร่วมสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืนผ่านมาตรการ อาทิ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” 
นอกจากนั้น ธนาคารเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อสำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการปรับตัวเพื่อให้สอดรับพลวัตโลก ตลอดจนสนับสนุนกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง (New S-Curve) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ

แบงก์กรุงเทพ” เน้นระวังดำเนินธุรกิจ
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ทั้งความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก มาตรการภาษีของสหรัฐ และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างภายใน

ล้วนเป็นปัจจัยกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุนเอกชน ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจระยะต่อไปเปราะบาง
ดังนั้น การดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงเร็วจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก การเชื่อมโยงการค้าและห่วงโซ่อุปทานโลก การเปลี่ยนนโยบายและกฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อม และความก้าวหน้ารวดเร็วของเทคโนโลยีและนวัตกรรม สะท้อนให้เห็นพลวัตโลกที่ทำให้องค์กรทุกขนาดต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในบริบทนี้

ธนาคารกรุงเทพมุ่งให้คำปรึกษาและดูแลลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม รวมถึงสนับสนุนธุรกิจให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปต่างประเทศผ่านการดำเนินกลยุทธ์ Regionalization 

ตลอดจนส่งเสริมนโยบายของภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย เช่น สนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้ให้ฟื้นตัวได้ระยะยาว 
ขณะเดียวกันธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และมุ่งมั่นให้บริการทางการเงินที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
กสิกรไทย” รับมือเศรษฐกิจโตต่ำ
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราต่ำกว่าช่วงที่ผ่านมา

โดยปัจจัยสำคัญยังคงมาจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ 
ขณะที่ บรรยากาศการลงทุนภาคเอกชนที่ยังซบเซา รวมถึงโจทย์ท้าทายของภาคการท่องเที่ยวจากภาวะการแข่งขัน และประเด็นความเชื่อมั่น ซึ่งทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวหลักยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 

นอกจากนี้ เม็ดเงินของมาตรการกระตุ้นภาครัฐมีจำกัด และผลของมาตรการอาจเกิดขึ้นได้เพียงบางส่วนภายในปีนี้ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความไม่แน่นอนและความท้าทายหลายด้านต่อเนื่องในปี 2569
ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ

ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) ต่อเนื่อง 
เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ทั้งผู้ฝากเงิน ผู้ลงทุน ลูกค้าบุคคล ลูกค้าธุรกิจ และส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้ผู้ถือหุ้น
ตลอดจนสนับสนุนภาครัฐเต็มที่ในการดูแลช่วยเหลือลูกค้า ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

เอสซีบีเอกซ์” ตั้งสำรองพิเศษ 1.4 พันล้าน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) กล่าวว่า ภายใต้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายหลากหลายด้าน
แต่ SCBX ยังเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกในการปรับโครงสร้างธุรกิจต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ผ่านการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานอย่างลึกซึ้ง ด้วยพลังของ AI และนวัตกรรม 

สำหรับการนำเทคโนโลยีมาช่วยออกแบบกระบวนการใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการลดค่าใช้จ่ายเฉพาะจุดหรือการปิดสาขา แต่เป็นการปรับวิธีการดำเนินงานทั้งระบบ เพื่อให้ต้นทุนการให้บริการลดลงยั่งยืน ควบคู่การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินนโยบายบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินระยะยาว และพร้อมมีบทบาทเชิงรุกสนับสนุนภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้ฟื้นตัวและเติบโตได้มั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้บริษัทตั้งสำรองพิเศษอีก 1,400 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต

“ทีทีบี” มุ่งบริหารต้นทุน-เพิ่มสำรองต่อเนื่อง
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า แม้ผลการดำเนินงานธนาคารที่ออกมาภาพรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดัน ด้านรายได้จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายขาลง รวมทั้งการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า 

ทั้งนี้ ธนาคารเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน รวมทั้งการจัดการต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ อย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารรักษาแนวโน้มผลการดำเนินงานควบคู่การมีกันชนป้องกันความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ทีทีบีจึงพิจารณาตั้งสำรองฯ พิเศษหรือ Management Overlay เพิ่มเติมต่อเนื่องส่งผลให้ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ โดยรวมยังคงอยู่ระดับสูงเมื่อเทียบภาวะปกติ สะท้อนจากต้นทุนความเสี่ยงในรอบ 9 เดือนสูงขึ้นหากเทียบก่อนโควิด-19 

การดำเนินการดังกล่าวตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและความมุ่งปกป้องมูลค่าของผู้ถือหุ้นจากความเสี่ยงเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ทีทีบีเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบควบคู่การเปลี่ยนแปลงองค์กร เพื่อสร้างแหล่งรายได้ในรูปแบบใหม่ ปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนให้มีประสิทธิภาพขึ้น และมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในการเป็น Humanized Digital Banking และเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการแก้หนี้

กรุงศรีฯ” ชี้แรงกดดันเศรษฐกิจสูงขึ้น
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2568 เผชิญแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของนโยบายทางการค้าของสหรัฐ

รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังเปราะบาง และอุปสงค์ในประเทศอ่อนแรง ภายใต้สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่ท้าทายส่งผลให้ความต้องการเงินให้สินเชื่อลดลง กรุงศรียังเดินหน้ายุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาวเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน

กรุงศรีมุ่งดำเนินตามกลยุทธ์สำคัญสำหรับปีนี้ โดยเน้นบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินรัดกุมต่อเนื่องเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบระมัดระวัง 

นอกจากนี้เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาวในการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงการสร้างโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและ SME

“ทิสโก้” ตั้งสำรองระดับสูงตามแผน
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (กลุ่มทิสโก้) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีอ่อนแรงต่อเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐที่อาจกระทบการส่งออกและเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ

รวมถึงการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวต่ำกว่าคาด หนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพสูงล้วนเป็นแรงกดดันต่อการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ธนาคารยังตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตระดับสูงตามแผนที่วางไว้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจควบคู่กับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ผลประกอบการรวม สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) ในระดับ 16.6%

ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงปกคลุมเศรษฐกิจ กลุ่มทิสโก้ยึดมั่นในแนวทางการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมปรับตัวและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดูแลลูกค้าอย่างเหมาะสมทุกสถานการณ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการที่ปรึกษาทางการเงินครบวงจรภายใต้บทบาท “Your Trusted Financial Advisor” ที่พร้อมเคียงข้างลูกค้าทุกช่วงชีวิต

ไทยเครดิต” ขยายพอร์ตสินเชื่อรอบคอบ
นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) เปิดเผยว่า ธนาคารไทยเครดิตยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง พร้อมพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทุกกลุ่ม และสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย
ธนาคารยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโต โดยตั้งเป้ารักษาอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในระดับเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง พร้อมควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ให้อยู่ต่ำกว่า 4.5%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่