9 เดือนหุ้นกู้เอกชนหดตัว 9% ดอกเบี้ยขาลงรอระดมทุนปีหน้า หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่งต่อ
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดข้อมูลเอกชนระดมทุนออกหุ้นกู้ 9 เดือนแรก ลดลง 9.1% เผยภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ ธุรกิจไม่ขยับลงทุน ประเมินทั้งปีอยู่แค่ 8 แสนล้าน จับตาทิศทางดอกเบี้ยขาลง ธุรกิจใหญ่ชะลอระดมทุนหุ้นกู้ไปปีหน้า หวังล็อกต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่หุ้นกู้ผิดนัดชำระและเลื่อนจ่ายพุ่งต่อเนื่อง 9 เดือน 16 บริษัท 4.26 หมื่นล้าน
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรงนัก โดยสำนักวิจัยต่าง ๆ ออกมาปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจขยายตัวไม่ถึง 2% เนื่องจากภาคท่องเที่ยวชะลอตัว และผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) และความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้เกี่ยวพันกับเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงจึงเห็นการเคลื่อนไหวในการออกตราสารหนี้พอสมควร
จากผลสำรวจการประเมินผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ผู้ทำแบบสำรวจ 55% คาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.50% และอีก 45% คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25% และโดยภาพรวมคาดว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1-2 ครั้ง ลงมาอยู่ที่ 1.00-1.25% หลังจากปรับลดลงดอกเบี้ยลงไปแล้ว 3 ครั้ง (ก.พ.-เม.ย.-ส.ค.) รวม 0.75% ในปีนี้ เทียบกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับลดลง 1 ครั้ง 0.25% ถือว่าไทยปรับลดลงมากกว่า 0.50%
“ช่วงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง บริษัทที่ต้องการระดมทุนการออกหุ้นกู้สามารถจับจังหวะและเป็นโอกาสที่ดี เพราะปัจจุบันต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำ ส่วนจะรอคอยว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงอีกในระยะข้างหน้าอาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ หากบริษัทมีแผนใช้เงินหรือมีความต้องการขยายธุรกิจ น่าจะสามารถระดมทุนได้เลย”
9 เดือนแรกหุ้นกู้หดตัว 9.1%
ดร.สมจินต์กล่าวว่า สำหรับตราสารหนี้ไทยไตรมาส 3/2568 มีมูลค่าคงค้าง 17.7 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.5% เป็นการเพิ่มขึ้นโดยมาจากความต้องการระดมทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งมีการระดมทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 5 แสนล้านบาท จากปี 2567 อยู่ที่ 9.1 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 9.57 ล้านล้านบาท โดยจะเห็นว่ามีการออกบอนด์อายุยาวขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 10 ปี เพิ่มมากขึ้น จาก 3.38 ล้านล้านบาทในปี 2567 เพิ่มเป็น 3.7 ล้านล้านบาท
ขณะที่มูลค่าคงค้างตราสารหนี้เอกชน (หุ้นกู้) ณ ไตรมาสที่ 3/2568 พบว่า ปรับลดลงเล็กน้อย จากปลายปี 2567 อยู่ที่ 4.62 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 4.52 ล้านล้านบาท โดยยอดคงค้างการออกหุ้นกู้เอกชนที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง บริษัทจึงมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดเพื่อจะรอออกเพิ่มในไตรมาสที่ 4/2568 ซึ่งจะเห็นว่ามีบางส่วนที่ทยอยออกหุ้นกู้บ้างแล้วในไตรมาสที่ 3/2568
หากดูมูลค่าการออกหุ้นกู้เอกชนพบว่า ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการออกหุ้นกู้กว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท ลดลง -9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 7.04 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้เอกชนไม่มีความต้องการลงทุน รวมถึงรอทิศทางดอกเบี้ยขาลง
“แม้การออกหุ้นกู้ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ ลดลง -9.1% แต่ในไตรมาส 3 ก็เริ่มกลับมา ส่วนหนึ่งมาจากผู้ออกหุ้นกู้กลุ่ม Investment Grade มีการออกเพิ่มขึ้นมากในไตรมาสที่ 3 เริ่มกลับมาระดมทุนหลังจากทิศทางดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง”
ดอกเบี้ยขาลง-ล็อกต้นทุน
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวเสริมว่า สำหรับกลุ่มบริษัทที่จะมีการระดมทุนออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะเห็นว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่ไม่เกี่ยวกับการออกหุ้นกู้แทนครบกำหนด (Roll Over) เช่น บมจ.กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่หุ้นกู้ครบกำหนดตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 แต่ยังไม่ได้ออก และมาออกในช่วงไตรมาสที่ 3/2568 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากใช้จังหวะอัตราดอกเบี้ยทยอยปรับลดลงล็อกต้นทุน
ทั้งนี้ มีบริษัทที่ออกหุ้นกู้ใหม่และออกแทนหุ้นกู้ครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 7.47 หมื่นล้านบาท อาทิ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) มูลค่า 6,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี คาดว่าการออกหุ้นกู้ใหม่และออกแทนหุ้นกู้ครบกำหนดในเดือนตุลาคมนี้ มีโอกาสทะลุ 1 แสนล้านบาทได้ เพราะมีบริษัทใหญ่ ๆ ออกหุ้นกู้มูลค่าสูงในเดือนกันยายนและตุลาคมค่อนข้างเยอะ เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยต่ำ
บริษัทชะลอระดมทุนรอปีหน้า
อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ทางสมาคมตราสารหนี้ฯได้ปรับเป้าหมายการออกหุ้นกู้ในปี 2568 เหลือ 8 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะจากทิศทางดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้หลายบริษัทชะลอตัวออกหุ้นกู้ในปีนี้ เพื่อไปรอล็อกต้นทุนทางการเงินต่ำลงในปีหน้า
“หุ้นกู้ที่ครบกำหนดใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 6.4 แสนล้านบาท และมีการออกใหม่ราว 6.5 แสนล้านบาท ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่หากดูในเดือนตุลาคม กลุ่มที่ออกหุ้นกู้ใหม่ค่อนข้างเยอะ จะเป็นกลุ่มพลังงาน อาหารและเครื่องดื่มเนื่องจากเป็นจังหวะที่ดี ต้นทุนทางการเงินเหมาะสม เช่น GULF ในไตรมาสที่ 1/68 หุ้นกู้อายุ 5 ปี ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.15% แต่ปัจจุบันต้นทุนปรับลดลงต่ำกว่า 2% จะเห็นว่าบริษัทใหญ่จะได้เปรียบเรื่องของ Sentiment หากเรตติ้งสูง ๆ จะได้ต้นทุนที่ต่ำลง โดยในไตรมาสที่ 4/68 มูลค่า 2.18 แสนล้านบาท ในกลุ่มไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น”
หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่งต่อ 
นางสาวอริยากล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ในช่วงไตรมาสที่ 3/2568 มีบริษัทผิดนัดชำระหนี้รายใหม่ 1 ราย มูลค่า 1,097 ล้านบาท หากรวมหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2568 จะอยู่ที่ 4,512 ล้านบาท ขณะที่หุ้นกู้ที่มีการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2568 รวมมูลค่า 4.26 หมื่นล้านบาท จากผู้ออก 16 ราย
ที่สำคัญ แนวโน้มในไตรมาสที่ 4/2568 คาดว่าปัญหาผิดนัดชำระหนี้และการเลื่อนกำหนดชำระหนี้อาจจะไม่ได้หยุดแค่นี้ เนื่องจากยังมีสัญญาณของกลุ่มหุ้นกู้ความเสี่ยงสูง (High Yield Bond) ที่มีปัญหาอยู่ ที่อาจจะมีการยืดหนี้ได้
“ปัญหาหุ้นกู้เลื่อนชำระหนี้ ทุกคนไม่อยากให้เกิด แต่สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ผลประกอบการแต่ละบริษัทกลับมาดีขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์เลื่อนชำระหนี้ หรือผิดนัดชำระหนี้น่าจะลดลงได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่เท่าไร แต่เชื่อว่าทุกบริษัทไม่อยากเลื่อนชำระหนี้หรือผิดนัดชำระหนี้ เพราะว่าจะทำให้การออกหุ้นกู้ใหม่ทำได้ยากมากขึ้น”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1897808
สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำเดือน ก.ย. 2025
ม.ค. - ก.ย. 2025 มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาว 640,002 ลบ.
ในเดือน ก.ย. 2025 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ = 5,808 ลบ. ทำให้ยอดถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติ YTD = 884,170 ลบ.
ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2025 ไทย 2Y = 1.16% และ 10Y = 1.42% เพิ่มขึ้น 1 bps และ 10 bps ตามลำดับ ส่วนสหรัฐฯ 10Y = 4.15% ลดลง 8 bps เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนก่อน

9 เดือนหุ้นกู้เอกชนหดตัว 9% ดอกเบี้ยขาลงรอระดมทุนปีหน้า หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่งต่อ
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดข้อมูลเอกชนระดมทุนออกหุ้นกู้ 9 เดือนแรก ลดลง 9.1% เผยภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ ธุรกิจไม่ขยับลงทุน ประเมินทั้งปีอยู่แค่ 8 แสนล้าน จับตาทิศทางดอกเบี้ยขาลง ธุรกิจใหญ่ชะลอระดมทุนหุ้นกู้ไปปีหน้า หวังล็อกต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่หุ้นกู้ผิดนัดชำระและเลื่อนจ่ายพุ่งต่อเนื่อง 9 เดือน 16 บริษัท 4.26 หมื่นล้าน
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรงนัก โดยสำนักวิจัยต่าง ๆ ออกมาปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจขยายตัวไม่ถึง 2% เนื่องจากภาคท่องเที่ยวชะลอตัว และผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) และความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้เกี่ยวพันกับเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงจึงเห็นการเคลื่อนไหวในการออกตราสารหนี้พอสมควร
จากผลสำรวจการประเมินผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ผู้ทำแบบสำรวจ 55% คาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.50% และอีก 45% คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25% และโดยภาพรวมคาดว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1-2 ครั้ง ลงมาอยู่ที่ 1.00-1.25% หลังจากปรับลดลงดอกเบี้ยลงไปแล้ว 3 ครั้ง (ก.พ.-เม.ย.-ส.ค.) รวม 0.75% ในปีนี้ เทียบกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับลดลง 1 ครั้ง 0.25% ถือว่าไทยปรับลดลงมากกว่า 0.50%
“ช่วงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง บริษัทที่ต้องการระดมทุนการออกหุ้นกู้สามารถจับจังหวะและเป็นโอกาสที่ดี เพราะปัจจุบันต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำ ส่วนจะรอคอยว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงอีกในระยะข้างหน้าอาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ หากบริษัทมีแผนใช้เงินหรือมีความต้องการขยายธุรกิจ น่าจะสามารถระดมทุนได้เลย”
9 เดือนแรกหุ้นกู้หดตัว 9.1%
ดร.สมจินต์กล่าวว่า สำหรับตราสารหนี้ไทยไตรมาส 3/2568 มีมูลค่าคงค้าง 17.7 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.5% เป็นการเพิ่มขึ้นโดยมาจากความต้องการระดมทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งมีการระดมทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 5 แสนล้านบาท จากปี 2567 อยู่ที่ 9.1 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 9.57 ล้านล้านบาท โดยจะเห็นว่ามีการออกบอนด์อายุยาวขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 10 ปี เพิ่มมากขึ้น จาก 3.38 ล้านล้านบาทในปี 2567 เพิ่มเป็น 3.7 ล้านล้านบาท
ขณะที่มูลค่าคงค้างตราสารหนี้เอกชน (หุ้นกู้) ณ ไตรมาสที่ 3/2568 พบว่า ปรับลดลงเล็กน้อย จากปลายปี 2567 อยู่ที่ 4.62 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 4.52 ล้านล้านบาท โดยยอดคงค้างการออกหุ้นกู้เอกชนที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง บริษัทจึงมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดเพื่อจะรอออกเพิ่มในไตรมาสที่ 4/2568 ซึ่งจะเห็นว่ามีบางส่วนที่ทยอยออกหุ้นกู้บ้างแล้วในไตรมาสที่ 3/2568
หากดูมูลค่าการออกหุ้นกู้เอกชนพบว่า ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการออกหุ้นกู้กว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท ลดลง -9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 7.04 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้เอกชนไม่มีความต้องการลงทุน รวมถึงรอทิศทางดอกเบี้ยขาลง
“แม้การออกหุ้นกู้ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ ลดลง -9.1% แต่ในไตรมาส 3 ก็เริ่มกลับมา ส่วนหนึ่งมาจากผู้ออกหุ้นกู้กลุ่ม Investment Grade มีการออกเพิ่มขึ้นมากในไตรมาสที่ 3 เริ่มกลับมาระดมทุนหลังจากทิศทางดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง”
ดอกเบี้ยขาลง-ล็อกต้นทุน
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวเสริมว่า สำหรับกลุ่มบริษัทที่จะมีการระดมทุนออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะเห็นว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่ไม่เกี่ยวกับการออกหุ้นกู้แทนครบกำหนด (Roll Over) เช่น บมจ.กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่หุ้นกู้ครบกำหนดตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 แต่ยังไม่ได้ออก และมาออกในช่วงไตรมาสที่ 3/2568 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากใช้จังหวะอัตราดอกเบี้ยทยอยปรับลดลงล็อกต้นทุน
ทั้งนี้ มีบริษัทที่ออกหุ้นกู้ใหม่และออกแทนหุ้นกู้ครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 7.47 หมื่นล้านบาท อาทิ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) มูลค่า 6,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี คาดว่าการออกหุ้นกู้ใหม่และออกแทนหุ้นกู้ครบกำหนดในเดือนตุลาคมนี้ มีโอกาสทะลุ 1 แสนล้านบาทได้ เพราะมีบริษัทใหญ่ ๆ ออกหุ้นกู้มูลค่าสูงในเดือนกันยายนและตุลาคมค่อนข้างเยอะ เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยต่ำ
บริษัทชะลอระดมทุนรอปีหน้า
อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ทางสมาคมตราสารหนี้ฯได้ปรับเป้าหมายการออกหุ้นกู้ในปี 2568 เหลือ 8 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะจากทิศทางดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้หลายบริษัทชะลอตัวออกหุ้นกู้ในปีนี้ เพื่อไปรอล็อกต้นทุนทางการเงินต่ำลงในปีหน้า
“หุ้นกู้ที่ครบกำหนดใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 6.4 แสนล้านบาท และมีการออกใหม่ราว 6.5 แสนล้านบาท ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่หากดูในเดือนตุลาคม กลุ่มที่ออกหุ้นกู้ใหม่ค่อนข้างเยอะ จะเป็นกลุ่มพลังงาน อาหารและเครื่องดื่มเนื่องจากเป็นจังหวะที่ดี ต้นทุนทางการเงินเหมาะสม เช่น GULF ในไตรมาสที่ 1/68 หุ้นกู้อายุ 5 ปี ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.15% แต่ปัจจุบันต้นทุนปรับลดลงต่ำกว่า 2% จะเห็นว่าบริษัทใหญ่จะได้เปรียบเรื่องของ Sentiment หากเรตติ้งสูง ๆ จะได้ต้นทุนที่ต่ำลง โดยในไตรมาสที่ 4/68 มูลค่า 2.18 แสนล้านบาท ในกลุ่มไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น”
หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่งต่อ
นางสาวอริยากล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ในช่วงไตรมาสที่ 3/2568 มีบริษัทผิดนัดชำระหนี้รายใหม่ 1 ราย มูลค่า 1,097 ล้านบาท หากรวมหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2568 จะอยู่ที่ 4,512 ล้านบาท ขณะที่หุ้นกู้ที่มีการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2568 รวมมูลค่า 4.26 หมื่นล้านบาท จากผู้ออก 16 ราย
ที่สำคัญ แนวโน้มในไตรมาสที่ 4/2568 คาดว่าปัญหาผิดนัดชำระหนี้และการเลื่อนกำหนดชำระหนี้อาจจะไม่ได้หยุดแค่นี้ เนื่องจากยังมีสัญญาณของกลุ่มหุ้นกู้ความเสี่ยงสูง (High Yield Bond) ที่มีปัญหาอยู่ ที่อาจจะมีการยืดหนี้ได้
“ปัญหาหุ้นกู้เลื่อนชำระหนี้ ทุกคนไม่อยากให้เกิด แต่สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ผลประกอบการแต่ละบริษัทกลับมาดีขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์เลื่อนชำระหนี้ หรือผิดนัดชำระหนี้น่าจะลดลงได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่เท่าไร แต่เชื่อว่าทุกบริษัทไม่อยากเลื่อนชำระหนี้หรือผิดนัดชำระหนี้ เพราะว่าจะทำให้การออกหุ้นกู้ใหม่ทำได้ยากมากขึ้น”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1897808