สมมติถ้าประกาศเลิกเคอฟิว เปิดห้าง ในวันที่ 1 พ.ค

คิดเห็นอย่างไรครับถ้าประกาศเลิกเคอฟิว และเปิดห้างในวันที่ 1 พ.ค นี้

ส่วนตัวเห็นว่ากลับมาเละแน่เพราะเป็นวันหยุดยาว 1 2 3 และ วันที่ 6 ก็หยุดอีก คนออก ตจว. คนกลับจาก ตจว. คนที่ wfh ออกมาทำงาน 70%

ถ้าจะเลิกเคอฟิวควรจะเป็นวันที่ 10 หรือ 17 พฤษภาคม มากกว่า และห้างควรค่อยๆเปิดทีละโซน เพื่อดูท่าที และมีมาตรการให้ร้านอาหาร และ foodcourt ให้นั่งแบบโต๊ะเว้นโต๊ะ เพราะบางร้านนั่งแออัดมาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เตรียมรับตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มได่เลย
ความคิดเห็นที่ 26
ไทย ควรเปิดประเทศ !!!

ไม่ใช่แค่เปิดห้าง เท่านั้น  รวมไปถึง  ร้านอาหารให้คนนั่ง  โรงหนัง  ยิม ทุกอย่าง รวมทั้งให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวด้วย

แล้วไทยก็มาจัดสรร ให้คนอ่อนแอ อยู่ในบ้าน

คนที่ออกไปข้างนอก ถ้ากลัวเอาโรคไปติดคนอ่อนแอในบ้าน
กลับมาบ้านก็ดูแลตัวเอง ทำความสะอาด แยกการกิน รักษาระยะห่างไป  เท่านี้ก็ไม่ติดแล้ว  เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่า มันติดกันยังไง

ยอมให้คนติดโรคเสียชีวิต ในแบบที่เราพยายามเท่าที่ทำได้    ดีกว่า  ให้มีคนตายจากการฆ่าตัวตาย  อดอยาก   ประเทศพัง
มีได้ก็ต้องมีเสีย

หรือใครมีความคิดที่ดีกว่านี้มั๊ย ???

อ้อ ถ้ารัฐเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า   จากการเปิดประเทศ
ก็ไม่มีเงินมาจ่าย เยียวยา ให้คนที่เดือดร้อนนะ!!  (ซึ่งตอนนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว  ต้องกู้เงินในอนาคตมา)   นี่แค่ 1 เดือน
และในไม่ช้า     คิดเอาเอง
ไม่มีเงินมาอุดหนุนสาธาณสุขนะ  ไม่มีเงินซื้อเวชภัณฑ์/อุปกรณ์การแพทย์จากต่างประเทศได้ตามที่ต้องการนะ    ระบบล่มเลยนะ  แย่กว่าคนไข้ล้นรพ. เยอะนะ!!  เพราะอันนั้นมีเงินมาจ่ายหมอ จ่ายพยาบาล จ่ายนู่นนี่   แต่นี่ไม่มี!!
ใครจะมองโลกแง่ดี  ประเทศไทยปลอดโรค ประเทศไทยชนะแล้ว  ภายใต้การดำเนินแบบปิดประเทศ  ไม่มีเงินมาจ่ายซื้อของจำเป็นเข้าประเทศ  
มองด้านเดียวแบบนี้ก็เชิญ    ระบบสาธารณะสุขล่มกู่ไม่กลับ ไม่รู้ด้วย

ความคิดเห็นที่ 8
ทีมแพทย์ น่าจะเป็นที่ปรึกษาในการตัดสินใจ  เพราะผู้รักษา คงพอจะประเมินได้ว่า ไหวไม่ไหว  เท่าที่ผ่านมา... หลายส่วนให้ความร่วมมือกันดีอยู่แล้ว

อยากให้ ไม่ประมาทกัน  เพื่อผ่านกันไปได้จริงๆ ค่ะ.   พาพันขอบคุณ
ความคิดเห็นที่ 61
กลัวที่ทำมาจะเสียเปล่าอ่ะครับ

อุตส่าห์ทุ่มเททรัพยากรลงไปตั้งมากมาย ผมว่ารัฐควรจะทำอะไรแบบเผื่อไว้ให้มากๆ อ่ะครับ

เพราะกระสุนเรามีจำกัด และรัฐก็ยิงไปหลายนัดแล้ว(ก่อนเกิดโรคระบาดก็ยิงไปแล้วหลายนัด) ถ้าระบาดอีก เกรงว่าจะไม่มีกระสุนเอามาใช้อีกอ่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 30
ทุกอย่างยังไม่เหมือนเดิม 100% แน่นอน อย่าคิดว่าห้างเปิดแล้ว คนแห่กันไปเดินตากแอร์เหมือนเมื่อก่อน
คนไปเดินก็กลัวเชื้อไวรัสเช่นกัน  ดังนั้น เปิดมาก็ยังเหงาหงอย คนเดินน้อย เดินเท่าที่จำเป็น ไม่ได้ไปนั่งชิลๆเหมือนดังก่อน

และมาตราการของห้าง ก็คงไม่ต่างกับที่เราไปเดิน 7-11 หรอก  ต้องใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอยู่ในห้าง ห้ามถอด
มีการวัดอุณหภูมิก่อนเข้าห้าง ตัวร้อนก็หมดสิทธิ์เดินห้าง พนักงานทำความสะอาด ก็คงต้องทำความสะอาดตลอดเวลา มากกว่าเดิม งานหนักขึ้น
การเว้นระยะห่างยังมีอยู่ จะไปเป็นกลุ่ม เดินกันเป็นแกงค์คงไม่ได้  ต่างประเทศ ห้ามรวมตัวกันเกิน 4 คน  ดังนั้นจะชวนเพื่อนไปเดินเป็นกลุ่มทำไม่ได้

สถานบริการที่คนรวมตัวกันมากๆ เช่นโรงหนัง ยังห้ามเปิด  ร้านค้าห้ามโปรโมชั่นเซลล์ลดราคา เพื่อเรียกลูกค้าเข้ามาในร้านเยอะๆไม่ได้
แล้วร้านค้าต้องจำกัดปริมาณลูกค้าในร้าน ขนาดของร้านเท่าไหร่ ต้องคำนวนว่า รองรับลูกค้าได้เท่าไหร่  ถ้าลูกค้าเข้าไปรวมกันมากไปต้องหยุด
ให้ลูกค้ารอนอกร้าน ให้ลูกค้าในร้านออกไปจำนวนหนึ่งก่อน ถึงจะเข้าไปใหม่ได้   จะไปออรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อซื้อของทำไมได้





วันก่อนไปนั่งทานข้าวในโรงอาหาร ในโรงพยาบาล  นั่งได้แค่โต๊ะละ 1 คน มีเก้าอี้ตัวเดียว แถมแต่ละโต๊ะวางห่างกัน 2 เมตร
ให้ความรู้สึกว่า ตนเองกำลังนั่งทำข้อสอบ ในห้องเรียน หรือ นั่งทำข้อสอบเตรียมสอบเข้ามหาลัย มากกว่านั่งทานข้าว
เพราะทุกคนต่างคนต่างกิน เสร็จแล้วก็ลุกไปเก็บ ไม่มีการคุยกันในโรงอาหาร เหมือนสอบเสร็จแล้วเก็บข้อสอบทันที

ถ้าฟูดคอรต์จะกลับมาเปิด ก็อาจจะได้อารมรณ์นั่งกินข้าวแบบเดียวกัน คือ โต๊ะละ1 คนเท่านั้น มีเก้าอี้ 1 ตัว  และโต๊ะห่างกัน 2 เมตร
ห้ามนำโต๊ะมาต่อกัน เพื่อนั่งด้วยกัน มาด้วยกัน ก็ต้องนั่งแยกกันทาน จะกินไปเม้าท์ไป ไม่ได้ จะคุยกับเพื่อนตอนกินข้าวทำไม่ได้
และจำกัดปริมาณคนนั่งกินด้วย  ต้องยืนรอคิว ห่างกัน 1 เมตร ก่อนเข้าไปทานอาหารด้วย

มาตราการออกมาเยอะแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่