โดนบีบให้เขียนใบลาออก ขอปรึกษาค่ะ

เรื่องของเรายาวหน่อยนะคะ โดนบีบให้เขียนใบลาออก โดยไม่ให้ค่าชดเชยใดๆทั้งสิ้น ขอคำปรึกษาค่ะ

เราเข้าทำงานที่นี่มาได้สักหกเดือนกว่าๆ ผ่านโปร 4 เดือนทุกอย่างก็ดูราบรื่นดี บริษัทมั่นคงรายได้ไม่กระทบกับโควิดเท่าไร สวนทางด้วยซ้ำเพราะขายของได้อยู่ (ของที่ขายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ) ทำงานกับหัวหน้าเป็นทีมเล็กๆค่ะ ไม่เคยมีปัญหาในการทำงานร่วมกัน ตอนตั้งเป้าหมายปีนี้เค้าก็ยังโอเค คุย one on one  ไม่ได้มี feedback อะไรที่เลวร้าย ตอนคุยกันเราก็บอกมีแพลนตอนสามเดือนแรกของเราที่มีดีเลย์ไป (ด้วยสถานการณ์โควิดด้วย งานก็มียกเลิกหรือไปพบลูกค้าไม่ค่อยได้) ซึ่งเราคิดว่าก่อนประเมินกลางปีเรายังแก้สถานการณ์ได้ค่ะ feedbackเค้าก็โอเค อันที่ช้าไปกว่าแพลนก็ให้เร่งมือด้วยนะ เราก๋็รับทราบ (กลับมาก็คิดกลยุทธ์ใหม่ถ้าไม่เจอลูกค้าไม่ได้ต้องทำออนไลน์หรืออะไร มีแพลนไว้แล้วและเตรียมไปเสนอเค้าค่ะ)
ในระหว่างนี้เราได้รับมอบหมายงานนอกเหนือจากเดิมเพิ่มมาด้วย เราเลยอาศัยช่วงที่ไปพบลูกค้าไม่ได้และ work from home รีบศึกษางาน (แต่เราแบ่งเวลาในแต่ละวันนะคะ ไม่ใช่ไปทำงานใหม่อย่างเดียว)

เหตุการณ์นี้ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ดีค่ะ เค้าก็ยิงนัดมา เขียนว่าเป็นประชุมทีม เราก็เตรียมตัวอัพเดทงานของเราค่ะ
ปรากฎว่า... ไม่ใช่การคุยเรื่องอัพเดทงาน แต่เป็นการที่เค้าบอกว่า เรายังทำงานไม่ได้มาตรฐาน บอกเราไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ไม่เหมาะกับที่นี่ ดังนั้นเพื่อให้บริษัทและเราจะได้จบกันด้วยดี ขอให้เราเขียนใบลาออก ส่งอีเมลล์แจ้ง HR มา ส่วนวันลาก็ใช้ให้หมดปลายเดือนไม่ต้องมาทำงานแล้ว

ฟังจบเราอึ้ง มึน งง มาก พยายามถามว่า เกิดอะไรขึ้นคะ? ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยมีfeedback อะไรเลยว่าคุณภาพงานของเราไม่ดี ขอให้ช่วยบอกเรา เราจะได้ปรับปรุงได้ถูก
เค้าบอกถ้าเราไม่ลาออก เราจะต้องเข้าโปรแกรมประเมินผลงานใหม่ ซึ่งมันจะเป็นผลไม่ดีกับประวัติการทำงานของเราดังนั้นขอให้เราตัดสินใจเขียนใบลาออก จะได้จบกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย 
ระหว่างทางกลับบ้าน คิดไปต่างๆนาๆ ถ้าออกตอนนี้จะทำไงวะ ค่าคอนโด ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าประกันต่างๆ ค่ากินอยู่แต่ละเดือนอีก 
เราก็เริ่มตั้งสติค่ะ

วันรุ่งขึ้น เรา work from home ค่ะ หัวหน้าส่งอีเมลล์มาประมาณ 10ข้อ  ทุกข้อคือการตำหนิผลงานของเราที่ผ่านมา พร้อมเน้นย้ำว่า คุณทำงานไม่ได้มาตรฐานของตำแหน่งนี้ อ่านจบไมเกรนขึ้น แทบจะร้องไห้เลย รู้สึกคุณค่าในตัวเองแทบจาก 100 เหลือ 10 ร้องอยู่แปปนึง ก็ตั้งสติ

วันถัดมานัดคุยรอบสอง 
รอบนี้เค้าขอโทรศัพท์เราเก็บออกไปวางนอกห้อง จะได้ปลอดภัยว่าไม่มีการอัดเสียงหรือวิดีโอ (ในใจเราตอนนั้น โอ้โห กุยังคิดไม่ถึงเลยเรื่องอัดเสียง)
เริ่มมาทำนองเดิม กดดันให้เขียนใบลาออกไม่งั้นประวัติจะแย่ บอกตรงๆ ว่าเราไม่มีทางเลือกหรอกนะ ไอ้โปรแกรมประเมินผลงานเป็นแค่คำพูดสวยหรู ไม่มีอยู่จริง เรามีทางเลือกเดียวคือลาออกเท่านั้น ถ้าไม่อยากเสียประวัติ จากกันดีๆแบบนี้เวลามีคนมาถามเค้าช่วยพูดให้ได้ว่าเราดียังไง เราจะได้หางานไม่ลำบาก...
เราพยาบามอธิบายว่า เหตุผลทางเราที่มีภาระต่างๆ ไม่สามารถลาออกไปโดยยังไม่ได้งานใหม่
เค้าก็ว่าเราเห็นแก่ตัว เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง บริษัทไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาดูแลครอบครัวคุณ 

เรายังไม่ตอบตกลง เค้าก็เริ่มขึ้นไม้แข็งค่ะ บอกถ้าไม่ลาออกก็จะ terminate แบบนี้คือประวัติจะเสีย+'koวงการนี้ก็แคบ ถ้ายังอยากทำงานวงการนี้ต่อขอให้คิดดีๆ แล้วก็จบลงด้วยการบอกให้เราไปขอใบลาออกจาก HR และรีบส่งมาให้เค้าและ HR 

ระหว่างวันหยุดเราอ่านข้อมูลเคสคนอื่นๆ กฎหมายแรงงานต่างๆ ปรึกษานิติกร และเพื่อนๆของเรา ทุกคนบอกอย่าไปเซ็นใบลาออกไม่งั้นจะไม่ได้ชดเชยใดๆทั้งสิ้น

เราตัดสินใจโทรหาหัวหน้าเพื่อแจ้งคำตอบแต่เค้าไม่รับสาย (คงกลัวเราอัดเสียง) จึงส่งอีเมลล์แทนบอกว่า ถ้าบริษัทคิดว่าเราทำงานได้ไม่ดี ไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ต้องการ ขอให้บริษัททำเรื่องเลิกจ้างมา แต่ไม่มีการตอบกลับหัวหน้า

ผ่านไปสองวันเค้าเรียกไปคุย เอาเรื่องงาน (ที่เค้าเพิ่ง rejected project เราไปหลังมีประเด็นเรื่องให้เขียนลาออก งานเดียวกันนี้เค้าและฝ่ายกฎหมายเคย approved มาก่อน แต่มันมีการขอให้เพิ่มเอกสาร ซึ่งไม่ได้กระทบวัตถุประสงค์หรือเนื้อหาใน projectเลย เหมือนกันหาประเด็นมาเล่นงานเราอ่ะ) มาขู่เรา บอกว่าถ้าเราทำผิดแบบนี้เห็นชัดมาก เค้าสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท

ขอถามเพื่อนๆหน่อยค่ะ ประเด็นนี้เค้าจะเอามาใช้เลิกจ้างเราโดยอ้างว่าเรามีความผิดและไหม่จ่ายค่าชดเชยได้มั๊ยคะ???
 เราไม่เคยทำผิดกฎบริษัทหรือถูกใบเตือนมาก่อนนะคะ และงานที่เค้าเอามาขู่ เค้าเป็นคนบอกเราว่าทำได้และเคยรับรองแล้วด้วย จที่เค้าreject มา พวกรายละเอียดต่างๆยังเหมือนเดิมกับที่เค้ารับรองตั้งแต่ครั้งแรก

มาตรา 119 นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
1. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง
2. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
3. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
4. ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมและนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วเว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือนหนังสือเตือนมีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด
5. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
6. ได้รับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก  ในกรณี 6 ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ต้องเป็นกรณีที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

ส่วนตัวเราคิดว่าไม่เข้ามาตรา 119 ถ้าเค้าไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้เรา เพื่อนๆคิดว่าเราควรสู้และฟ้องมั๊ยคะ พอมีโอกาสชนะมั๊ยคะ
ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่