ความน่ารักของ ''' ภาษา ''' ระหว่าง ''' คนฝรั่งเศส ''' กับ ''' คนอังกฤษ '''

โดยส่วนตัวของผมแล้ว ไม่ใช่คนที่เก่งทางด้านไหนเลย อย่างทางด้านภาษานี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ก็อยู่ในระดับที่ก็พอที่จะได้บ้าง แต่ก็ยังคงอยากที่จะเล่าเรื่อง ถึงความน่ารักของ ภาษา ระหว่าง คนฝรั่งเศส กับ คนอังกฤษ ให้ฟังครับ

1. คนฝรั่งเศส กับ คนอังกฤษ ใช้ตัวอักษรแทบจะเรียกว่าเป็นชุดเดียวกัน มีแตกต่างกันอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่ว่ามันกลับมีหลักของการออกเสียงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าบางตัวอักษรจะให้เสียงที่ผมคิดว่า ถ้าหากว่ามันไม่เหมือนกัน ก็คงจะต้องบอกว่ามันคล้ายกันอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องของสำเนียง คือไม่ต้องเอ่ยถึง

เมื่อต่างฝ่ายต่างเจอภาษาของอีกฝ่าย ก็มักจะออกเสียงของภาษาของอีกประเทศในแบบฉบับที่เป็นของภาษาของตัวเอง ความซับซ้อนมันก็เลยมาตกอยู่กับคนต่างชาติอย่างผมเนี่ยล่ะครับ

สรุปก็คือ รู้แค่เฉพาะ ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ นั้น ไม่เพียงพอนะจ๊ะ แต่ยังต้องรู้ไปถึง ภาษาอังกฤษของคนฝรั่งเศส และ ภาษาฝรั่งเศสของคนอังกฤษ อีกด้วยอะ ไม่อย่างนั้น คุยกันไม่รู้เรื่อง โอ้โห อะไรมันจะซ้อนในซ้อนซะขนาดนั้น

ตัวอย่างครับ

1.1 ''' ปา-แตน '''

คืออะไรวะ คนฝรั่งเศส มันพูดว่าปาแตนอะ กรุณาหาปาแตน จนนั่นล่ะ ดันเหลือบไปเห็นคำว่า Pattern ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ผมถึงได้รู้ ว่าเขากำลังบอกถึงอะไร

1.2 ''' อ๊อบ-เจท-ดา '''

ยืนอยู่หน้ารูปปั้น คนอังกฤษ พูดขึ้นมาว่าอ๊อบเจทดาอันนี้สวยนะ อะไรวะ อะไรคืออ๊อบเจทดา

ก็เลยถามเขาและให้เขาสะกดให้ฟัง สิ่งที่เห็นก็คือคำว่า Objet d'art ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ผมถึงได้ร้องอ๋อ ปริศนาที่ถูกไขกระจ่าง

1.3 ''' ลี-แหน่ ''' กับ ''' ลี-เหนี่ย '''

คำที่ว่า Linéaire ของ ภาษาฝรั่งเศส มันตรงกับคำที่ว่า Linear ของ ภาษาอังกฤษ ครับ

การออกเสียงที่คล้ายกันอย่างมาก อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ คนฝรั่งเศส อ่านคำว่า Linear นี้ ข้ามไปเป็น ลีแหน่ แทน มันซะเลย

ปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าพบคำว่า Linear ขอให้จงรู้ไว้ ว่ามันสามารถที่จะถูกอ่านว่า ลีแหน่ ได้

2. ข้างบนนี่ยังน้อย เป็นเพียงแค่การทับศัพท์ แต่ถ้าหากว่าต้องคุย ภาษาอังกฤษ กับ คนฝรั่งเศส และต้องคุย ภาษาฝรั่งเศส กับ คนอังกฤษ อย่างที่จัดเต็ม อย่างที่มาเป็นวลีและประโยค แล้วล่ะก็ อันนั้นสนุกยิ่งกว่านี้อีกครับ

เพราะว่าเราจะได้พบกับ ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ อีกลักษณะหนึ่ง ที่ฟังรู้เรื่องแต่ว่าไม่เหมือนกับที่เจ้าของภาษาใช้ แล้วหลายครั้งที่ก็ต้องรู้ให้เท่าทันระบบทางความคิดของ คนฝรั่งเศส และ คนอังกฤษ

ก็เหมือนกับผมอย่างนี้ ที่ก็ไม่เคยใช้ ภาษาฝรั่งเศส และ ภาษาอังกฤษ ได้อย่างเจ้าของภาษาเช่นเดียวกัน

เพราะว่ามนุษย์เรามักจะติดอยู่กับ ระบบทางความคิด และ การออกเสียง ของ ภาษาที่หนึ่ง ของตัวเอง

แต่ คนฝรั่งเศสที่โคตรเก่งภาษาอังกฤษ กับ คนอังกฤษที่โคตรเก่งภาษาฝรั่งเศส มันก็มีอยู่จำนวนหนึ่งนะ อันนั้นมันก็เป็นความเก่งกาจของพวกเขาครับ ซึ่งถ้าหากว่าไม่รู้จักกัน ผมก็จะแยกไม่ออกเลย ว่าเขาเป็นฝรั่งจาก ประเทศฝรั่งเศส หรือ ประเทศอังกฤษ หรือ สหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศแคนาดา

สำหรับข้อนี้ จะให้ยกตัวอย่างก็ทำได้ แต่คงจะต้องพูดยาว แล้วอีกอย่างก็คือ ตอนนี้ยังนึกไม่ออก เพราะว่าส่วนใหญ่จะคุย ภาษาฝรั่งเศส กับ คนฝรั่งเศส และจะคุย ภาษาอังกฤษ กับ คนอังกฤษ ครับ

3. ภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาที่มีกฎของการใช้และข้อยกเว้นทางไวยากรณ์ที่เยอะอย่างมาก เยอะซะจนผมคิดว่า ถ้าหากว่ามันจะมีเยอะซะขนาดนี้ ก็ไม่ต้องมีกฎก็ได้มั้ง

ภาษาอังกฤษ ที่ชาวไทยชอบบ่นว่า มีกฎของการใช้และข้อยกเว้นทางไวยากรณ์ที่เยอะ คือมันยังเยอะได้ไม่ถึงครึ่งของครึ่งของครึ่งของ ภาษาฝรั่งเศส

แต่เรื่องของระบบทางความคิด, การออกเสียง, และคำศัพท์ ผมคิดว่าทั้ง ภาษาฝรั่งเศส และ ภาษาอังกฤษ นั้น ยากอย่างที่พอๆๆๆกัน

4. เครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง คนอังกฤษ และ คนทั่วโลก เรียกมันว่า Walkie-Talkie แต่ คนฝรั่งเศส เรียกมันว่า Talkie-Walkie แซบอีกแล้ว

5. น้ำหอมชนิดหนึ่งถูกเรียกว่า Eau de toilette โดย คนฝรั่งเศส ซึ่งน่าจะแปลอย่างที่ตรงตัวได้ว่า น้ำแห่งการอาบน้ำ หรืออะไรทำนองนั้น

คนอังกฤษ ก็เรียกน้ำหอมชนิดเดียวกันนี้ โดยที่ใช้คำเดียวกัน จากการทับศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมักจะมาพร้อมกับสำเนียงอย่างอังกฤษ

แต่นานๆๆๆครั้ง ก็ได้พบ คนอังกฤษ นำคำดังกล่าว ไปแปลให้มันเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเรียกน้ำหอมชนิดนี้ว่า Toilet water ซึ่งน่าจะแปลอย่างที่ตรงตัวได้ว่า น้ำส้วม

6. คนอังกฤษ เรียกประเทศของคน Dutch ว่า The Netherlands หรือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็นับว่าเก๋อย่างมากทีเดียว ที่ ชื่อของประเทศ กับ คำคุณศัพท์ที่ใช้เรียกคน มันไม่ใช่คำที่เชื่อมโยงกัน

ส่วน

คนฝรั่งเศส เรียกคนของประเทศนี้ว่า คน Néerlandais ซึ่งถ้าหากว่าจะแปลเป็นภาษาไทย มันก็อาจจะกล่าวได้ว่าคือ คนเนเธอร์แลนด์ แต่กลับไปเรียกประเทศของพวกเขาว่า Les Pays-Bas ซะอย่างงั้น ทำให้แลเก๋พอกัน

สรุปว่าทั้ง คนฝรั่งเศส ทั้ง คนอังกฤษ ไม่มีใครเรียกที่นั่นว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ กับ คนเนเธอร์แลนด์ กันสักคน นี่ว่าธรรมดาโลกไม่จำ

7. คำศัพท์ที่ถูกสะกดเหมือนกันและคล้ายกัน ใช่ว่าจะต้องมี การออกเสียง และ ความหมาย ที่ตรงกัน

ชาวไทยในจำนวนที่มาก ชอบบอกว่า ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ มีคำที่สะกดเหมือนกันและคล้ายกันในจำนวนที่เยอะ ทำให้ไม่ยากต่อการที่จะพูดได้ทั้งคู่

อันนี้อยากที่จะบอกว่า ถึงต่อให้จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องของคำศัพท์เพียงอย่างเดียว มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ

ระหว่าง ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ มีอยู่เพียงอย่างเดียวล่ะ ที่ผมคิดว่าง่าย คือการที่แทบจะไม่ต้องหัดเขียนตัวอักษรใหม่ นอกเหนือนั้นก็ไม่มีแล้ว

ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ มีหลายคำครับ ที่ถูกเขียนอย่างที่เหมือนกันและที่ถูกเขียนอย่างที่คล้ายกัน แต่ การออกเสียง นั้น ไม่เหมือนกัน ตามที่กล่าวไปแล้วตั้งแต่ต้น ส่วน ความหมาย นั้น ก็มีทั้งที่ตรงกัน, ที่คล้ายกัน ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ทดแทนกันได้, และที่แตกต่างกัน

ความละเอียดของมัน ที่เป็นได้ทั้งข้อเสียและข้อดี มันก็อยู่ที่ตรงนี้ล่ะ

ตัวอย่างเช่น

7.1 Vague กับ Vague

คำเหล่านี้ถูกสะกดอย่างที่เหมือนกันและมีความหมายที่อาจจะเรียกได้ว่าตรงกันเลยแหละ ผมเองก็ใช้ทดแทนกันอยู่บ่อย แต่การออกเสียงที่แตกต่างกันของมันนั้น ทำให้ต้องจดจำและแยกแยะครับ

ภาษาฝรั่งเศส ออกเสียงว่า วาก ก

ภาษาอังกฤษ ออกเสียงว่า เวก ค

แล้วนึกสภาพ ว่าคำที่ถูกสะกดอย่างที่เหมือนกันและมีความหมายที่ตรงกัน แต่ต้องมาจำการออกเสียงที่หลายแบบเช่นนี้ ซึ่งยังไม่ได้รวมถึงสำเนียง ที่อาจจะทำให้มันแตกต่างกันออกไปได้อีก มันไม่ใช่อะไรที่ง่าย แล้วมันไม่ได้มีแค่คำนี้คำเดียว ที่มาลักษณะนี้ แต่ยังมีอีกหลายคำ

หลายครั้งที่ผมพูด ภาษาฝรั่งเศส กับ ภาษาอังกฤษ สลับกันไปมาในทันทีทันใดไม่ได้ ก็มีเหตุผลนี้เป็นเหตุผลหนึ่ง

7.2 Inscription กับ Inscription

มาแนวเดียวกันกับคำข้างบน แต่เพิ่มความยากตรงที่คำเหล่านี้มีความหมายที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องจำเยอะขึ้นไปอี๊ก

7.3 Actuellement กับ Actually

คำเหล่านี้ที่ถูกสะกดอย่างที่คล้ายกัน พวกมันก็ยังแตกต่างกันที่ความหมายครับ จินตนาการเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ความจริงนั้นสำคัญยิ่งกว่า



อืม แล้วยังมีอะไรอีกล่ะ ตอนนี้นึกไม่ออกละ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่