เราเป็นคนที่ตั้งคำถามพวกนี้มาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ตั้งแต่ประถมเรามีความฝันมากมายอยากทำนั่นอยากทำนี่ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็แล้วแต่
เรามีความกดดันเรื่องทางครอบครัว เราตัดสินใจไปเรียนโรงเรียนประจำ หนีจากสิ่งที่รู้สึกว่าทำให้ตัวเองทุกข์ใจ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านเลยค่ะนับตั้งแต่อายุ 12 แต่กลับบ้านบ้างบางครั้ง จนตอนนี้เรียนมหาลัยแล้วและตอนเรียนจบออกมาทำงานก็คงไม่ได้อยู่บ้าน เราสามารถมีความสุขและอยู่คนเดียวได้ท่ามกลางความโดดเดี่ยว เราได้เจอผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและผ่านพ้นออกไป ได้เจอเพื่อน ครอบครัวของเพื่อน ได้มีความรัก ได้อกหัก ได้มีปัญหากับเพื่อน และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย ได้ศึกษาคำสอนทางศาสนา(พุทธ) ได้ปล่อยวาง ปลีกวิเวก และทุกอย่างในใจเราแย่ลงกว่าเดิมเมื่อคิดได้ว่าชีวิตมันไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างคือความว่างเปล่า จุดเริ่มต้นคือความว่างเปล่าและจบลงด้วยความว่างเปล่า เราเริ่มตั้งคำถามนี้หนักขึ้น และไม่เข้าใจเหตุผลในการเกิดมามีชีวิตเลย หาคำตอบอะไรไม่เจอเลย นอกจากคิดว่าวันนึงเราก็ต้องตายทำไมไม่ตายเสียตอนนี้เลยล่ะ ทำไมต้องทรมานใช้ชีวิตอยู่แล้วสุดท้ายต้องตายด้วย
เราได้เป็นโรคซึมเศร้า จนได้มารู้จักพระเจ้า ได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์ เรารู้สึกถึงสันติสุขอยู่แปปนึง(2ปี)ตอนที่ยังไม่เข้าร่วมคริสจักรไหน จนได้มีพี่เลี้ยงคอยดูแล ได้รู้จักเรื่องราวต่างๆของชีวิตที่มีผู้สร้าง มีคนวางแผนการณ์ต่างๆไว้ ได้รู้จุดเริ่มต้นของตัวเอง ได้รู้ว่าต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เข้าสวรรค์ไม่ได้ถ้าเจ้าของไม่ให้เข้า พี่เลี้ยงให้ความรักเรามากจนเราไม่คิดว่าคนๆนึงจะให้เราได้ เราได้กลับเข้ามาสู่สังคมอีกครั้ง เราได้รับความรักและได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ก็ทุกข์ใจเพราะมีพี่เลี้ยงครั้งแรก อยู่คริสตจักรเต็มตัวครั้งแรกปรับตัวไม่ได้
เรารู้ว่าความสุขคืออะไรแต่เราไม่มีความสุขเพราะ........สิ่งที่เราทำอยู่ในกรอบที่เค้าวางไว้เราไม่สามารถออกมาได้เลยค่ะ เราหนีออกมาแล้วก็โดนตามกลับไป เราอยากใช้ชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆซักครั้งแต่ทำไม่ได้ ไหนจะการสอดส่องตรวจตราจากพี่เลี้ยงในการดำเนินชีวิตของเราว่าตรงตามหลักพระคัมภีร์ไหม และได้แต่สับสนว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องมั้ย มันให้ความสุขที่เราตามหาจริงไหม การที่เราสูญเสียชีวิตวัยรุ่นของตัวเองไปกับความขมขื่นมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆค่ะ ตอนนี้เราจะบรรลุนิติภาวะแล้วยังต้องใช้ชีวิตที่อยู่ในกรอบ(ของคริสจักร)อีก เราเสียดายชีวิตม.ปลายของตัวเองมากๆจนรู้สึกว่าไม่อยากเสียอะไรไปอีกแล้ว แต่เรามั่นคงในความรักของพระเจ้ามากๆ(เชื่อว่าพระเจ้าเป็นความจริง เป็นความรัก มีอยู่จริงๆและเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง) เพราะเราระลึกถึงความรักของพระเยซูที่ยอมตายเพื่อไถ่บาปให้เรา สิ่งต่างๆที่เกิดเราเชื่อว่าเป็นแผนการณ์ของพระเจ้าแต่สิ่งที่เราเผชิญในคริสตจักรนั้นไม่ทำให้เราได้รับสันติสุขอีกต่อไป เป้าหมายของเราคือการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและคุ้มค่าในอุดมการณ์ของตัวเองโดยมีความรักเป็นพื้นฐาน(ไม่ใช่แผ่นดินสวรรค์อะไรเลย) ชีวิตมนุษย์ก็ต้องการแค่นี้ไม่ใช่เหรอ มีความสุข มีความรัก ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้เผื่อแผ่ความรักให้คนอื่น
เรายังต้องการความรักจากพระเจ้าเป็นกำลังให้เราใช้ชีวิตต่อเพื่อผู้อื่นที่เรารักและเพื่อตัวเราเอง(การทำแบบนี้ก็เพื่อพระเจ้าในทางอ้อมด้วย) แต่ถ้าเราติดตามพระเจ้า(ตามที่คริสตจักรบอก)เราต้องทิ้งทุกอย่างในการเป็นตัวเองและถวายตัวให้พระเจ้า เราออกแบบชีวิตตัวเองไม่ได้และต้องอยู่ในกรอบหรือในทางที่ถูกวางไว้ ในความสอดส่องของพี่เลี้ยง นั่นเป็นความทุกข์ใจ(พ่อแม่เรายังไมทำกับลูกขนาดนี้เลย)
ทุกคนคิดว่าชีวิตคืออะไรคะ ความสุขคืออะไร พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อให้สรรเสริญพระองค์(ตามที่พระคัมภีร์บอก)จริงเหรอ พระเจ้ากลัวการถูกมนุษย์ลืมหรือไม่ พระเจ้ารักเราอยากให้ความสัมพันธ์กลับไปติดสนิทเหมือนเดิมแต่อยากให้เราเชื่อฟังและสรรเสริญพระองค์เพียงสิ่งเดียว ทำไมมันขัดกันแปลกๆ และถ้าคนทั้งโลกไม่มีใครซักคนเชื่อพระเจ้าแต่ยังอยู่ในความดีงามไม่ทำบาป พระเจ้าจะอวยพรไหมแม้ไม่มีใครสรรเสริญพระองค์เลย ถ้าเราอยากมีชีวิตที่ออกแบบเอง(แต่ยังมีความเชื่อและไม่ได้ทำบาป)แล้วพระองค์จะยังอวยพรไหม คิดเห็นยังไงกับชีวิตของคนที่ไม่ได้ติดตามพระเจ้าแต่ยังมีความสุข ทำไมพระเจ้าไม่เรียกใช้พวกเขา ทำไมการทรงเรียกถึงต่างกัน ทำไมแต่ละคนถูกเรียกไปต่างนิกาย ต่างคริสจักร ทั้งที่คำสอนและหลักปฏิบัติไม่เหมือนกันด้วยซำ้(แต่มีความเชื่อเดียวกัน)
เราคิดเสมอว่า ความเชื่อที่ประกอบไปด้วยปัญญา คือความเชื่อที่แท้จริง(อย่างเช่นชั่งนำ้หนักไตร่ตรองเรื่องการยอมตายเพื่อไถ่บาป การรักษาโรค กายวิภาคศาสตร์มนุษย์ การสร้างโลก การมีประสบการณ์พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน)
แต่ความเชื่อโดยไม่เหลือพื้นที่คิดอะไรเลย คือการงมงาย(เช่นการตีความพระคัมภีร์แค่ข้อใดข้อหนึ่งโดยไม่ดูบริบท อ่านอย่างไรเชื่อแบบนั่น ไม่มีหลักฐานประกอบ เชื่อมั่นในพระคัมภีร์เล่มเดียวไม่เทียบหลักฐานอื่นประกอบอย่างสุดใจ)
เราเชื่อว่ามนุษย์ต้องทำผิดพลาดในการเดินติดตามแน่นอนไม่มากก็น้อย ซึ่งพระเจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ดี แล้วพระเจ้าจะทำอย่างไร แล้วเราในฐานะผู้เชื่อจะทำอย่างไรจึงจะดี
สุดท้ายอยากรู้เป้าหมายชีวิตของพวกคุณคืออะไรกันบ้างคะ ความสุข ความเรียบง่าย ความเป็นนิรันดร์ แผ่นดินสวรรค์ หรืออื่นๆ ทั้งนี้ถ้ามีความทุกใจก็สามารถระบายออกมากันได้ บางความทุกข์ใจอาจเบาบางลงไปได้โดยการมีคนแปลกหน้าเข้ามารับฟัง
ทำไมการทรงเรียกจากพระเจ้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความสุขคืออะไร ควรจะใช้ชีวิตยังไงบนพื้นฐานหลักข้อเชื่อพระคัมภีร์
เรามีความกดดันเรื่องทางครอบครัว เราตัดสินใจไปเรียนโรงเรียนประจำ หนีจากสิ่งที่รู้สึกว่าทำให้ตัวเองทุกข์ใจ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านเลยค่ะนับตั้งแต่อายุ 12 แต่กลับบ้านบ้างบางครั้ง จนตอนนี้เรียนมหาลัยแล้วและตอนเรียนจบออกมาทำงานก็คงไม่ได้อยู่บ้าน เราสามารถมีความสุขและอยู่คนเดียวได้ท่ามกลางความโดดเดี่ยว เราได้เจอผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและผ่านพ้นออกไป ได้เจอเพื่อน ครอบครัวของเพื่อน ได้มีความรัก ได้อกหัก ได้มีปัญหากับเพื่อน และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย ได้ศึกษาคำสอนทางศาสนา(พุทธ) ได้ปล่อยวาง ปลีกวิเวก และทุกอย่างในใจเราแย่ลงกว่าเดิมเมื่อคิดได้ว่าชีวิตมันไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างคือความว่างเปล่า จุดเริ่มต้นคือความว่างเปล่าและจบลงด้วยความว่างเปล่า เราเริ่มตั้งคำถามนี้หนักขึ้น และไม่เข้าใจเหตุผลในการเกิดมามีชีวิตเลย หาคำตอบอะไรไม่เจอเลย นอกจากคิดว่าวันนึงเราก็ต้องตายทำไมไม่ตายเสียตอนนี้เลยล่ะ ทำไมต้องทรมานใช้ชีวิตอยู่แล้วสุดท้ายต้องตายด้วย
เราได้เป็นโรคซึมเศร้า จนได้มารู้จักพระเจ้า ได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์ เรารู้สึกถึงสันติสุขอยู่แปปนึง(2ปี)ตอนที่ยังไม่เข้าร่วมคริสจักรไหน จนได้มีพี่เลี้ยงคอยดูแล ได้รู้จักเรื่องราวต่างๆของชีวิตที่มีผู้สร้าง มีคนวางแผนการณ์ต่างๆไว้ ได้รู้จุดเริ่มต้นของตัวเอง ได้รู้ว่าต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เข้าสวรรค์ไม่ได้ถ้าเจ้าของไม่ให้เข้า พี่เลี้ยงให้ความรักเรามากจนเราไม่คิดว่าคนๆนึงจะให้เราได้ เราได้กลับเข้ามาสู่สังคมอีกครั้ง เราได้รับความรักและได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ก็ทุกข์ใจเพราะมีพี่เลี้ยงครั้งแรก อยู่คริสตจักรเต็มตัวครั้งแรกปรับตัวไม่ได้
เรารู้ว่าความสุขคืออะไรแต่เราไม่มีความสุขเพราะ........สิ่งที่เราทำอยู่ในกรอบที่เค้าวางไว้เราไม่สามารถออกมาได้เลยค่ะ เราหนีออกมาแล้วก็โดนตามกลับไป เราอยากใช้ชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆซักครั้งแต่ทำไม่ได้ ไหนจะการสอดส่องตรวจตราจากพี่เลี้ยงในการดำเนินชีวิตของเราว่าตรงตามหลักพระคัมภีร์ไหม และได้แต่สับสนว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องมั้ย มันให้ความสุขที่เราตามหาจริงไหม การที่เราสูญเสียชีวิตวัยรุ่นของตัวเองไปกับความขมขื่นมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆค่ะ ตอนนี้เราจะบรรลุนิติภาวะแล้วยังต้องใช้ชีวิตที่อยู่ในกรอบ(ของคริสจักร)อีก เราเสียดายชีวิตม.ปลายของตัวเองมากๆจนรู้สึกว่าไม่อยากเสียอะไรไปอีกแล้ว แต่เรามั่นคงในความรักของพระเจ้ามากๆ(เชื่อว่าพระเจ้าเป็นความจริง เป็นความรัก มีอยู่จริงๆและเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง) เพราะเราระลึกถึงความรักของพระเยซูที่ยอมตายเพื่อไถ่บาปให้เรา สิ่งต่างๆที่เกิดเราเชื่อว่าเป็นแผนการณ์ของพระเจ้าแต่สิ่งที่เราเผชิญในคริสตจักรนั้นไม่ทำให้เราได้รับสันติสุขอีกต่อไป เป้าหมายของเราคือการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและคุ้มค่าในอุดมการณ์ของตัวเองโดยมีความรักเป็นพื้นฐาน(ไม่ใช่แผ่นดินสวรรค์อะไรเลย) ชีวิตมนุษย์ก็ต้องการแค่นี้ไม่ใช่เหรอ มีความสุข มีความรัก ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้เผื่อแผ่ความรักให้คนอื่น
เรายังต้องการความรักจากพระเจ้าเป็นกำลังให้เราใช้ชีวิตต่อเพื่อผู้อื่นที่เรารักและเพื่อตัวเราเอง(การทำแบบนี้ก็เพื่อพระเจ้าในทางอ้อมด้วย) แต่ถ้าเราติดตามพระเจ้า(ตามที่คริสตจักรบอก)เราต้องทิ้งทุกอย่างในการเป็นตัวเองและถวายตัวให้พระเจ้า เราออกแบบชีวิตตัวเองไม่ได้และต้องอยู่ในกรอบหรือในทางที่ถูกวางไว้ ในความสอดส่องของพี่เลี้ยง นั่นเป็นความทุกข์ใจ(พ่อแม่เรายังไมทำกับลูกขนาดนี้เลย)
ทุกคนคิดว่าชีวิตคืออะไรคะ ความสุขคืออะไร พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อให้สรรเสริญพระองค์(ตามที่พระคัมภีร์บอก)จริงเหรอ พระเจ้ากลัวการถูกมนุษย์ลืมหรือไม่ พระเจ้ารักเราอยากให้ความสัมพันธ์กลับไปติดสนิทเหมือนเดิมแต่อยากให้เราเชื่อฟังและสรรเสริญพระองค์เพียงสิ่งเดียว ทำไมมันขัดกันแปลกๆ และถ้าคนทั้งโลกไม่มีใครซักคนเชื่อพระเจ้าแต่ยังอยู่ในความดีงามไม่ทำบาป พระเจ้าจะอวยพรไหมแม้ไม่มีใครสรรเสริญพระองค์เลย ถ้าเราอยากมีชีวิตที่ออกแบบเอง(แต่ยังมีความเชื่อและไม่ได้ทำบาป)แล้วพระองค์จะยังอวยพรไหม คิดเห็นยังไงกับชีวิตของคนที่ไม่ได้ติดตามพระเจ้าแต่ยังมีความสุข ทำไมพระเจ้าไม่เรียกใช้พวกเขา ทำไมการทรงเรียกถึงต่างกัน ทำไมแต่ละคนถูกเรียกไปต่างนิกาย ต่างคริสจักร ทั้งที่คำสอนและหลักปฏิบัติไม่เหมือนกันด้วยซำ้(แต่มีความเชื่อเดียวกัน)
เราคิดเสมอว่า ความเชื่อที่ประกอบไปด้วยปัญญา คือความเชื่อที่แท้จริง(อย่างเช่นชั่งนำ้หนักไตร่ตรองเรื่องการยอมตายเพื่อไถ่บาป การรักษาโรค กายวิภาคศาสตร์มนุษย์ การสร้างโลก การมีประสบการณ์พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน)
แต่ความเชื่อโดยไม่เหลือพื้นที่คิดอะไรเลย คือการงมงาย(เช่นการตีความพระคัมภีร์แค่ข้อใดข้อหนึ่งโดยไม่ดูบริบท อ่านอย่างไรเชื่อแบบนั่น ไม่มีหลักฐานประกอบ เชื่อมั่นในพระคัมภีร์เล่มเดียวไม่เทียบหลักฐานอื่นประกอบอย่างสุดใจ)
เราเชื่อว่ามนุษย์ต้องทำผิดพลาดในการเดินติดตามแน่นอนไม่มากก็น้อย ซึ่งพระเจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ดี แล้วพระเจ้าจะทำอย่างไร แล้วเราในฐานะผู้เชื่อจะทำอย่างไรจึงจะดี
สุดท้ายอยากรู้เป้าหมายชีวิตของพวกคุณคืออะไรกันบ้างคะ ความสุข ความเรียบง่าย ความเป็นนิรันดร์ แผ่นดินสวรรค์ หรืออื่นๆ ทั้งนี้ถ้ามีความทุกใจก็สามารถระบายออกมากันได้ บางความทุกข์ใจอาจเบาบางลงไปได้โดยการมีคนแปลกหน้าเข้ามารับฟัง