เรื่องที่ผมจะเอามาเล่าในวันนี้ไม่เชิงเรื้องสยองขวัญ และอาจจะเป็นการบอกต่อให้คนที่คิดว่าเรื่องทำบุญเป็นเรื่องเล็กน้อย สำคัญทำแค่วันพระก็พอ ปะเข้าเรื่องกันเถอะ
ย้อนไปสัก15ปีเห็นจะได้ ผมเสียพ่อผมไปด้วยพิษจากการดื่มสุรา หลังจากแกเสียไปจนถึงวันชาปณกิจ หลังจากนั้นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่มักจะพูดว่า อีก3-7วันคนตายจะรู้ตัวและกลับบ้าน ซึ่งไม่จริงเลยพ่อผมแกกลับมาตั้งแต่วันแรก แต่น่าจะด้วยเหตุผลบางอย่างแกเลยเข้าบ้านไม่ได้ ในตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเป็นคนกลัวผีและได้ไปนอนรวมกับแม่และน้อง(กลัวผีพ่อตัวเอง

เอ่ย) ครั้งแรกที่แกมาจะมีเสียงลมพัดเอาใบต้นกล้วยปลิวเสียดสีกัน ต้องบอกไว้ก่อนพ่อผมปลูกต้นกล้วยไว้เยอะมากทั้งกิน แจก และขาย ทุกคนอาจจะคิดว่าผมมะโนแต่บอกเลยถ้าเป็นแค่คืนเดียวผมคงไม่แปลกใจ เป็นอย่างนี้อยู่2-3คืน เพราะต้นกล้วยอยู่ตรงหัวนอนผม แถมข้างบ้านยังปลูกต้นมะม่วงไว้ต้นเบ้อเร้อผมไม่ได้ยินเสียงลมที่พัดต้นมะม่วงเลย และจนมีเหตุการณ์ให้ผมต้องตกใจสะดุ้งเพราะในคืนนึงนั้นเอง ผมก็นอนรวมกับแม่และน้องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือผมตื่นมาตอนกลางคืนและจะเปลี่ยนท่านอนและไม่ได้ขยับตัวเร็วมาก ผมเห็นพ่อของผมมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง ด้วยความกลัวในตอนอายุแค่นั้น หลังจากพลิกมาท่านอนตะแคงผมนี่คุมโปงเลยคับ ตกใจและกลัวในเวลานั้นโดยลืมไปว่านั้นคือพ่อ ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกแม่และน้องเพราะอาจคิดว่าผมแค่เซ่อนอน จนกระทั้งผมทำใจได้และได้แยกกลับมานอนคนเดียวตรงนี้แหละจุดพีคเลยเหมือนแกรอจังหวะนี้อยู่เลย ในคืนนั้นเองเวลาเท่าไหร่จำไม่ได้ ผมตื่นมากลางดึกเพราะเสียงของลมและไม่รู้ว่าอะไรดนใจให้มองไปที่ประตู ตอนนั้นผมชอบปิดประตูห้องโดยเอาผ้ายัดไว้ตรงขอบประตู ประตูเปิดออกอย่างช้าๆทำให้ผมได้เห็นร่างของชายที่ได้ตายจากโลกนี่ไปแล้ว ชายที่ผมเรียกว่าพ่อ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมยังช็อคกับภาพที่เห็นแต่ไม่นานผมก็ตั้งสติได้และเริ่มส่งเสียงเรียกพ่อ แค่คำเดียวแต่ดูเหมือนโลกของคนตายกับคนเป็นจะไม่สามารถสื่อสารกันได้หรือไม่อยากให้ผมช็อคตายตามไปอีกคน แกไม่พูดอะไรและค่อยๆหายไปจากนั้นสติผมก็หลุดตื่นมาอีกทีก็เช้า และหลังจากนั้นผมก็เล่าให้แม่และน้องฟังที่พีคกว่านั้นคือแม่กับน้องเจอก่อนผมอีก แต่2คนนั้นไม่เจเป็นรูปเป็นร่างแบบผม ทั้ง2คนจะได้ยินแค่เสียง แม่ได้ยินเสียงคนหาอะไรกิน ส่วนน้องได้ยินเสียงคนอาบน้ำ แม่กับน้องผมตอนนั้นยังนอนห้องเดียวกัน หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยพ่อผมอีกเลย ไม่รู้ว่าแกหมดห่วงไปแล้วหรือแกต้องไปที่ของแกแล้วก็ไม่รู้
.ต่อมาเป็นเรื่องของยายผมที่ท่านพึ่งเสียไปเมื่อปี61ที่ผ่านมา นับเป็นการสูญเสียบุพการีที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กอีกคนท่านเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่บทจะล้มป่วยจนเสียชีวิตก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงนึงเดือนหลังจากท่านมาเยี่ยมผมและกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดพวกผมลูกหลานต่างเวียนกันไปเยี่ยมไปเฝ้าดูและแกตลอดช่วงที่อยู่โรงพยาบาลแต่จะมีแม่ผมที่แกเดินทางไปอยู่เฝ้ายายเลยซึ่งตอนนี้ผมกับน้องก็อายุ23-25กันแล้วเลยบอกแกไปเถอะเดียวหยุดงานจะตามไปและรับกลับ จนถึงวันที่หยุดงานผมกับน้องก็พากันกลับไปเยี่ยมยายที่ต่างจังหวัดภาพแรกที่ผมไปถึงโรงพยาบาลและได้เห็นคือยายนอนป่วยอยู่กับเตียงพอตื่นขึ้นมาก็จำหลานทั้ง2คนไม่ได้ ผมมาได้รู้จากแม่ไม่ใช่แค่พวกผมแกจำใครไม่ได้เลยไม่ว่าจะลูกหลานคนไหน และแกมักจะพูดถึงแต่เรื่องเก่า เก่ามากขนาดที่พูดถึงทวดผมที่ตายไปแล้วรวมไปถึงคนอื่นที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี่แล้ว มันเท่าเอาผมจุกจนอยากจะร้องไห้แต่ตั้งแต่พ่อผมตายผมคิดว่าผมร้องไห้ไปหมดแล้วในวันนั้น ขนาดตาผมผู้ชายอกสามซอกยังมายืนจับแขนยายอยู่ข้างเตียงมีน้ำตาซึมๆเพราะแกคงสำนึกผิดช่วงที่ยายยังสบายดีหรือย้อนกลับไปหลายๆปีแกทำร้ายจิตใจยายด้วยการมีผญ.คนอื่นแต่ยายไม่เคยบ่นสักคำถึงขนาดพามาอยู่ด้วยก็ไม่บ่น แต่แกมาคิดได้ในวันที่ยายจะตาย ผมอยู่ดูและยายที่โรงพยาบาลต่ออีก2-3วันและก็พาแม่กลับบ้าน แต่พอมาถึงบ้านเวลาประมาณ2ทุ่มผมก็เข้าห้องเปิดคอนนั่งดูนู้นเล่นนี่ตามปกติ แต่มันผิดปกติตรงที่ว่าอยู่ดีๆที่เตียงนอนของผมก็มีความรู้สึกยุบลงเหมือนมีคนมานั่งลงข้างๆ ในตอนนั้นเองจิตใจของผมมันก็โฮ่ร้องอยู่อกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับยายแน่ๆ เวลาเที่ยงคืนแม่ผมได้รับข่าวร้ายน้าๆโทรมาบอกว่ายายเสียแล้ว ความรู้สึกจุกมันกลับมากระแทกอีกครั้ง ผมขอลางานเช้าวันนั้นเพื่อกลับไปร่วมจัดงานสวดอภิธรรมและเตรียมตัวบวชให้ยายเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้ยายได้ แม้แต่ในวันเผาลูกหลานทุกคนต่างมีน้ำตาแต่ผมกลับทำได้แต่รู้สึกเสียใจอยู่ข้างในไม่มีน้ำตาไหลออกมานองหน้าแบบคนอื่นอาจเป็นเพราะอยู่ในผ้าเหลืองหรือผมมันตายด้านไปแล้วก็ไม่รู้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากงานศพผ่านพ้นไป ผมก็ไม่มีโอกาสได้พบเห็นหรือได้เจอกับวิญญาณของยายเลย อาจเป็นเพราะบุญผมมันน้อยหรือคลื่นวิญญาณไม่ตรงกันอย่างคำพระท่านที่บอก ทุกวันนี้ผมก็กลายเป็นคนไม่กลัวผีไปแล้วตั้งแต่เห็นพ่อผม ในตอนนี้คนสำคัญของคุณถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ดูแลเขาให้ดี ใส่ใจเขาให้มาก อย่าได้ต้องมาเสียใจหน้าโลงศพในวันที่เขาไม่อยู่แล้ว เพราะคนตายเขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
และสุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านจะอ่านจบหรือไม่ ผมก็ขอฝากกระทู้และข้อเตือนใจ ให้ทุกๆคนได้เอาไปคิด เอาไปทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ ในวันที่ไม่มีเขาแล้ว
ผีหรือวิญญาณคือกายธาตุที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้อง หรือมองเห็นด้วยตาเปล่าได้เว้นแต่บุญเราจะมีมากหรือมีคลื่นวิญญาณที่ตรงกันและเขาต้องการให้เห็น คุณก็จะได้เห็นและเมื่อเห็น จงมีสติอย่าได้ขาดสติจนเสียความเป็นตัวเอง เพราะที่เขามาให้เราเห็นเพราะต้องการสื่อสารอะไรบ้างอย่าง ถ้ามีความกล้าจงรวบรวมสติและช่วยเหลือเขาสะ เพราะการกระทำเหล่านี่ ได้บุญมากนักแล...
วิญญาณและความผูกผันของผู้ที่จากไป
ย้อนไปสัก15ปีเห็นจะได้ ผมเสียพ่อผมไปด้วยพิษจากการดื่มสุรา หลังจากแกเสียไปจนถึงวันชาปณกิจ หลังจากนั้นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่มักจะพูดว่า อีก3-7วันคนตายจะรู้ตัวและกลับบ้าน ซึ่งไม่จริงเลยพ่อผมแกกลับมาตั้งแต่วันแรก แต่น่าจะด้วยเหตุผลบางอย่างแกเลยเข้าบ้านไม่ได้ ในตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเป็นคนกลัวผีและได้ไปนอนรวมกับแม่และน้อง(กลัวผีพ่อตัวเอง
.ต่อมาเป็นเรื่องของยายผมที่ท่านพึ่งเสียไปเมื่อปี61ที่ผ่านมา นับเป็นการสูญเสียบุพการีที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กอีกคนท่านเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่บทจะล้มป่วยจนเสียชีวิตก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงนึงเดือนหลังจากท่านมาเยี่ยมผมและกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดพวกผมลูกหลานต่างเวียนกันไปเยี่ยมไปเฝ้าดูและแกตลอดช่วงที่อยู่โรงพยาบาลแต่จะมีแม่ผมที่แกเดินทางไปอยู่เฝ้ายายเลยซึ่งตอนนี้ผมกับน้องก็อายุ23-25กันแล้วเลยบอกแกไปเถอะเดียวหยุดงานจะตามไปและรับกลับ จนถึงวันที่หยุดงานผมกับน้องก็พากันกลับไปเยี่ยมยายที่ต่างจังหวัดภาพแรกที่ผมไปถึงโรงพยาบาลและได้เห็นคือยายนอนป่วยอยู่กับเตียงพอตื่นขึ้นมาก็จำหลานทั้ง2คนไม่ได้ ผมมาได้รู้จากแม่ไม่ใช่แค่พวกผมแกจำใครไม่ได้เลยไม่ว่าจะลูกหลานคนไหน และแกมักจะพูดถึงแต่เรื่องเก่า เก่ามากขนาดที่พูดถึงทวดผมที่ตายไปแล้วรวมไปถึงคนอื่นที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี่แล้ว มันเท่าเอาผมจุกจนอยากจะร้องไห้แต่ตั้งแต่พ่อผมตายผมคิดว่าผมร้องไห้ไปหมดแล้วในวันนั้น ขนาดตาผมผู้ชายอกสามซอกยังมายืนจับแขนยายอยู่ข้างเตียงมีน้ำตาซึมๆเพราะแกคงสำนึกผิดช่วงที่ยายยังสบายดีหรือย้อนกลับไปหลายๆปีแกทำร้ายจิตใจยายด้วยการมีผญ.คนอื่นแต่ยายไม่เคยบ่นสักคำถึงขนาดพามาอยู่ด้วยก็ไม่บ่น แต่แกมาคิดได้ในวันที่ยายจะตาย ผมอยู่ดูและยายที่โรงพยาบาลต่ออีก2-3วันและก็พาแม่กลับบ้าน แต่พอมาถึงบ้านเวลาประมาณ2ทุ่มผมก็เข้าห้องเปิดคอนนั่งดูนู้นเล่นนี่ตามปกติ แต่มันผิดปกติตรงที่ว่าอยู่ดีๆที่เตียงนอนของผมก็มีความรู้สึกยุบลงเหมือนมีคนมานั่งลงข้างๆ ในตอนนั้นเองจิตใจของผมมันก็โฮ่ร้องอยู่อกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับยายแน่ๆ เวลาเที่ยงคืนแม่ผมได้รับข่าวร้ายน้าๆโทรมาบอกว่ายายเสียแล้ว ความรู้สึกจุกมันกลับมากระแทกอีกครั้ง ผมขอลางานเช้าวันนั้นเพื่อกลับไปร่วมจัดงานสวดอภิธรรมและเตรียมตัวบวชให้ยายเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้ยายได้ แม้แต่ในวันเผาลูกหลานทุกคนต่างมีน้ำตาแต่ผมกลับทำได้แต่รู้สึกเสียใจอยู่ข้างในไม่มีน้ำตาไหลออกมานองหน้าแบบคนอื่นอาจเป็นเพราะอยู่ในผ้าเหลืองหรือผมมันตายด้านไปแล้วก็ไม่รู้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากงานศพผ่านพ้นไป ผมก็ไม่มีโอกาสได้พบเห็นหรือได้เจอกับวิญญาณของยายเลย อาจเป็นเพราะบุญผมมันน้อยหรือคลื่นวิญญาณไม่ตรงกันอย่างคำพระท่านที่บอก ทุกวันนี้ผมก็กลายเป็นคนไม่กลัวผีไปแล้วตั้งแต่เห็นพ่อผม ในตอนนี้คนสำคัญของคุณถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ดูแลเขาให้ดี ใส่ใจเขาให้มาก อย่าได้ต้องมาเสียใจหน้าโลงศพในวันที่เขาไม่อยู่แล้ว เพราะคนตายเขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
และสุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านจะอ่านจบหรือไม่ ผมก็ขอฝากกระทู้และข้อเตือนใจ ให้ทุกๆคนได้เอาไปคิด เอาไปทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ ในวันที่ไม่มีเขาแล้ว
ผีหรือวิญญาณคือกายธาตุที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้อง หรือมองเห็นด้วยตาเปล่าได้เว้นแต่บุญเราจะมีมากหรือมีคลื่นวิญญาณที่ตรงกันและเขาต้องการให้เห็น คุณก็จะได้เห็นและเมื่อเห็น จงมีสติอย่าได้ขาดสติจนเสียความเป็นตัวเอง เพราะที่เขามาให้เราเห็นเพราะต้องการสื่อสารอะไรบ้างอย่าง ถ้ามีความกล้าจงรวบรวมสติและช่วยเหลือเขาสะ เพราะการกระทำเหล่านี่ ได้บุญมากนักแล...