เมื่อวันที่8-19 มค.2563 ที่ผ่านมา เราได้ไปเข้าวิปัสนาหลักสูตร10 วัน แถวถนนนิมิตรใหม่ ตอนแรกก็ไปเพราะพูดไว้ว่าจะเข้าปฏิบัติธรรม15 วัน ซึ่งไปที่นึงมาแล้ว เค้าให้อยู่ได้ไม่เกิน7วัน เราเลยลงสมัครกับที่นี่ไว้
ไปแบบสมองว่างมาก เพราะวันที่23 /1/63 เราก็ต้องแต่งงาน เลยคิดว่าน่าจะดี
ปรากฎว่าดีเกินคาด เราไม่ขอพูดถึงวิธีปฏิบัตินะ
แต่ขอเล่าในส่วนของเราที่รู้สึกได้
เริ่มจากไปถึงก็ต้องฝากโทรศัพท์ ของมีค่า กุญแจรถ ไว้กับทางศูนย์ เราเหลือแค่เสื้อผ้าที่เตรียมไป
ซึ่งเป็นชุดง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงวอร์ม
เพื่อให้ง่ายต่อการฝึกปฏิบัติ ไม่เน้นชุดขาวใดๆ
ได้ห้องพักส่วนตัวทุกคน เป็นห้องแอร์
ห้องน้ำรวม แต่ไม่วุ่นวาย
งดพูดและสื่อสารทางภาษากายทุกชนิด
ปิดวาจา ปฏิบัติ ตามกฎของศูนย์
ตื่นตี4 ทำธุระส่วนตัว และเริ่มปฏิบัติในแต่ละวัน
ที่นี่มีอาหารมังสวิรัติให้ทาน2 มื้อ ถือศีล5
มีบริการซักผ้าด้วย คือง่ายมากกับการใช้ชีวิต
ครบ10 วัน จากสมองว่างๆ
เรากลับได้สติ รู้เวทนา และอุเบกขา
ตอนแรกคือจะอุเบกขาได้งัย บลาๆๆๆๆ
แต่ใน10 วันเหมือนเราได้เรียนหลักสูตร
แบบประถม1 และปรับพื้นฐานไปเรื่อยๆ
สิ่งสำคัญเราได้อยู่กับตัวเอง ได้เห็นเวทนา
มากมายตลอดทั้งวันทั้งคืน
ทำให้รู้ว่าอัตตาเรามากเหลือเกิน
อะไรที่รู้แล้ววางไม่ได้ ก็อยู่กับลมหายใจ
เข้า-ออก ให้ได้
ตอนปฏิบัติความฟุ้งมีตลอดเวลา
สารพัดเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแต่งงาน
และความสัมพันธ์กับคนอื่น
สรุปคือพอจบคอร์ส เราได้กลับมามองตัวเอง
และรู้ต้นเหตุของทุกข์ อะไรที่พอแก้ไขได้
เราก็แก้ไขที่ใจเราทันที
อย่างเรื่องแต่งงาน เราจะไม่เอาอะไรเลย
ไม่มีพิธี แค่เลี้ยงพระพอจบ
แต่ได้สติก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
สุดท้ายงานแต่งก็ผ่านไปแบบสนุกสนานน่ารัก
และสามีมาบอกว่า รู้สึกรักเรามากขึ้นหลังแต่งงาน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เค้าเฟลกะความเอาแต่ใจของเรา
จนบางครั้งเหมือนรักน้อยลง
เราว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เรา
ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแบบเมื่อก่อน
ไม่ใช่เราเปลี่ยนไปแบบหน้ามือหลังมือหรอกนะ
แต่เพราะการวิปัสนาครั้งนี้ ทำให้เรามีสติ
สมมติเมื่อก่อนอาจจะไม่พอใจครั้งนึง10ชม.
เดี๋ยวนี้อาจจะลดลงไปเหลือแค่9 ชม.
และจะลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีสติรู้ทันเวทนา
และอุเบกขา
ขอบคุณในมิตรไมตรีของผู้ร่วมวิปัสนาทุกคน
ทุกฝ่าย
เพราะความทุกข์เป็นเรื่องสากล
ชาติ ภาษา ศาสนาไหน ก็ทุกข์
ศูนย์วิปัสนาแห่งนี้จึงมีผู้คนจากทั่วโลก
มาฝึกปฏิบัติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
เพราะธรรมะเป็นสากลเช่นกัน
ถึงทำให้หลุดพ้นจากทุกข์
ขอบคุณธรรมะ
วิปัสนา10 วันก่อนแต่งงาน แฟนบอกแต่งแล้วยิ่งรักมากขึ้น เพราะอะไรร
ไปแบบสมองว่างมาก เพราะวันที่23 /1/63 เราก็ต้องแต่งงาน เลยคิดว่าน่าจะดี
ปรากฎว่าดีเกินคาด เราไม่ขอพูดถึงวิธีปฏิบัตินะ
แต่ขอเล่าในส่วนของเราที่รู้สึกได้
เริ่มจากไปถึงก็ต้องฝากโทรศัพท์ ของมีค่า กุญแจรถ ไว้กับทางศูนย์ เราเหลือแค่เสื้อผ้าที่เตรียมไป
ซึ่งเป็นชุดง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงวอร์ม
เพื่อให้ง่ายต่อการฝึกปฏิบัติ ไม่เน้นชุดขาวใดๆ
ได้ห้องพักส่วนตัวทุกคน เป็นห้องแอร์
ห้องน้ำรวม แต่ไม่วุ่นวาย
งดพูดและสื่อสารทางภาษากายทุกชนิด
ปิดวาจา ปฏิบัติ ตามกฎของศูนย์
ตื่นตี4 ทำธุระส่วนตัว และเริ่มปฏิบัติในแต่ละวัน
ที่นี่มีอาหารมังสวิรัติให้ทาน2 มื้อ ถือศีล5
มีบริการซักผ้าด้วย คือง่ายมากกับการใช้ชีวิต
ครบ10 วัน จากสมองว่างๆ
เรากลับได้สติ รู้เวทนา และอุเบกขา
ตอนแรกคือจะอุเบกขาได้งัย บลาๆๆๆๆ
แต่ใน10 วันเหมือนเราได้เรียนหลักสูตร
แบบประถม1 และปรับพื้นฐานไปเรื่อยๆ
สิ่งสำคัญเราได้อยู่กับตัวเอง ได้เห็นเวทนา
มากมายตลอดทั้งวันทั้งคืน
ทำให้รู้ว่าอัตตาเรามากเหลือเกิน
อะไรที่รู้แล้ววางไม่ได้ ก็อยู่กับลมหายใจ
เข้า-ออก ให้ได้
ตอนปฏิบัติความฟุ้งมีตลอดเวลา
สารพัดเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแต่งงาน
และความสัมพันธ์กับคนอื่น
สรุปคือพอจบคอร์ส เราได้กลับมามองตัวเอง
และรู้ต้นเหตุของทุกข์ อะไรที่พอแก้ไขได้
เราก็แก้ไขที่ใจเราทันที
อย่างเรื่องแต่งงาน เราจะไม่เอาอะไรเลย
ไม่มีพิธี แค่เลี้ยงพระพอจบ
แต่ได้สติก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
สุดท้ายงานแต่งก็ผ่านไปแบบสนุกสนานน่ารัก
และสามีมาบอกว่า รู้สึกรักเรามากขึ้นหลังแต่งงาน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เค้าเฟลกะความเอาแต่ใจของเรา
จนบางครั้งเหมือนรักน้อยลง
เราว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เรา
ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแบบเมื่อก่อน
ไม่ใช่เราเปลี่ยนไปแบบหน้ามือหลังมือหรอกนะ
แต่เพราะการวิปัสนาครั้งนี้ ทำให้เรามีสติ
สมมติเมื่อก่อนอาจจะไม่พอใจครั้งนึง10ชม.
เดี๋ยวนี้อาจจะลดลงไปเหลือแค่9 ชม.
และจะลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีสติรู้ทันเวทนา
และอุเบกขา
ขอบคุณในมิตรไมตรีของผู้ร่วมวิปัสนาทุกคน
ทุกฝ่าย
เพราะความทุกข์เป็นเรื่องสากล
ชาติ ภาษา ศาสนาไหน ก็ทุกข์
ศูนย์วิปัสนาแห่งนี้จึงมีผู้คนจากทั่วโลก
มาฝึกปฏิบัติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
เพราะธรรมะเป็นสากลเช่นกัน
ถึงทำให้หลุดพ้นจากทุกข์
ขอบคุณธรรมะ