เพื่อนๆเคยมีประสบการณ์ชอบใครแบบนี้ไหมคะ หัวใจทำงานลำบากมากเลย โอกาสที่จะเจอก็ดูไม่มี ไม่อยากเป็นแค่คนไม่รู้จักที่บังเอิญเจอกันเฉยๆเลย
วันนี้เวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ รู้สึกหิวมาก ปกติปีใหม่ร้านอาหารจะปิดหมด ไม่มีร้านไหนเปิดเลย ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม จนถึงวันที่ 1 มกราคม คือกินแต่ข้าวเซเว่นจนเอียนมากๆ ก็เลยเดินลงมาจากหอ เดินตามริมถนนปกติ ใจคิดว่าคงฝากท้องไว้ที่เซเว่นเหมือนทุกๆวัน แต่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่า `ไม่อยากเข้าเซเว่นแล้ว เบื่อมากๆ` เลยเดินยาวผ่านเซเว่นไป ไม่แวะ คิดในใจว่าเสี่ยงเอาเผื่อมีร้านอาหารอื่นๆอาจจะเริ่มเปิดแล้วทำนองนั้น ระหว่างที่กำลังเดินก็ก้มหน้ามองเท้าตลอด เพราะแดดแรงมาก แสงแดดแยงตาสุดอะไรสุด แต่ด้วยความที่ถนนมันแคบ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองรถบนถนนเป็นพักๆเพราะกลัวว่าจะมีรถขับสวน ระหว่างที่เงยมาขึ้นมาก็เจอเข้ากับพี่ผู้ชายคนนึง ขับรถมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อบอลสีขาว ทรงผมเด็กช่างสไตล์เดียวแบบที่เราชอบกำลังชะลอรถอยู่ด้านหน้า เพราะมีรถเลี้ยวออกจากซอยพอดี เรากล้าพูดนะว่าเป็นจังหวะที่สบตากันเพราะพี่แกก็เงยหน้าขึ้นมาจากถนนพอดี ใจกระตุกไปแปปนึงจริงๆ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม เวลาเราเจอคนที่ใช่แล้วใจมันจะวูบแปลกๆ เหมือนโลกสะดุดไปนิดนึง เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ต้องยอมรับว่าพี่เขาดูน่าดึงดูดพอตัว ซึ่งพอต่างคนต่างผ่านไปก็ผ่านเลย ในใจตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพราะต้องเข้าใจว่าย่านที่เราอยู่เป็นย่านมหาลัย เป็นชุมชนที่เด็กมหาลัยที่นี่อยู่กันเยอะ มีหอพักเรียงราย การจะเจอกับคนๆเดิมในทุกๆวันมันยากมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องจังหวะ เวลา เรามองว่าการที่จะชอบใครสักคนในชีวิตมหาลัยที่เรียนกันคนละคณะมันยากมาก โอกาสที่จะบังเอิญเจอกันอีกครั้งมันน้อยจริงๆ ไม่ว่าจะข้างนอกหรือในมหาลัยยิ่งไปกันใหญ่
ซึ่งวันนี้ถือว่าโชคดี เพราะร้านป้าที่กินค่อนข้างบ่อยแกเปิดร้านแล้ว นี่ก็เดินเข้าไปสั่งผัดซีอิ๊ว และก็เดินมานั่งโต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าร้านด้านหน้าสุด หันหน้าออกหน้าร้าน ในร้านมีลูกค้าเป็นลุงผู้ชายที่มานั่งกินอยู่ก่อนแค่คนเดียว ระหว่างนั่งเล่นโทรศัพท์รอป้าทำอาหารไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินเสียงรถมอไซต์มาจอดหน้าร้าน นี่เลยเงยหน้ามองเฉยๆว่าใครมาตามสัญชาตญาณมนุษย์ แต่ไม่รู้ความบังเอิญหรืออะไร คนๆนั้นดันเป็นพี่เขา ซึ่งตอนที่พี่เขากำลังจะจอดรถ พี่เขาก็หันมามองนะ แต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้น พูดตรงๆว่าดีใจมาก แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องตีเนียนทำเป็นไม่มีอะไร ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่สน (โคตรกาก เราไม่ค่อยกล้าสบตาผู้ชายด้วยมั้ง มันวางตัวไม่ถูก) โต๊ะที่พี่เขาเลือกนั่งเป็นโต๊ะหลังโต๊ะเรา แต่อยู่เยื้องๆกัน พี่เขาหันหน้าออกนอกร้านเหมือนกัน นั้นหมายความว่าเรานั่งหันหลังให้พี่เขาอยู่ วันนี้แปลกที่ป้าเขาทำอาหารนานกว่าปกติ นั่งรอเกือบ 20 นาทีก็ได้ผัดซีอิ๊วที่สั่งไป ซึ่งผัดซีอิ๊วก็ต้องมีเครื่องปรุง แต่โต๊ะที่เรานั่งไม่มี เพราะ ปกติที่ร้านชุดเครื่องปรุงจะมีแค่ชุดเดียวมั้ง ที่ร้านขายกับข้าวหลายอย่าง ไม่ได้ขายแค่พวกก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรที่ต้องใส่เครื่องปรุงอย่างเดียวเลยไม่ได้มีตั้งอยู่ทุกโต๊ะ พอป้าแกเดินเอาผัดซีอิ๊วมาให้ ป้าเขาก็พูดว่าเดี๋ยวป้าเอาเครื่องปรุงให้นะ เราก็ตอบค่ะรับคำ ซึ่งป้าก็เดินไปโต๊ะด้านหลังเรา เราเลยเอี้ยวตัวมองตามป้าไป ซึ่งด้วยความที่โต๊ะเรากับโต๊ะพี่เขามันเยื้องกัน ทำให้หันไปเห็นพี่เขาพอดี ซึ่งตอนนั้นพี่เขาเล่นมือถืออยู่ แต่พี่เขาก็เหลือบตาขึ้นมามอง พอสบตาเข้ากับเรา ต่างคนก็ต่างหลบตา เราก็หันหน้าหนีกลับมาเหมือนเดิม (ในความรู้สึกเรา เหมือนว่าต่างคนต่างไม่กล้าสบตา มันดูออกนะ แต่ก็ไม่มั่นใจ กลัวคิดไปเองเหมือนกัน เราก็เพ้อเจ้อพอตัว)
จริงๆเรื่องก็จบแค่นี้เลย ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว และคิดว่าคงไม่เจอพี่เขาอีกแล้ว ใจเราอยากเจอพี่เขานะ ฝันอยากให้พี่เขารู้สึกเหมือนกันกับเรา แต่อีกใจก็ยาก เราไม่ใช่คนสวย หรือ ดูดีมีเสน่ห์ด้วย ไม่รู้สิ อีกอย่างพี่เขาอาจจะมีแฟนแล้วด้วยซ้ำมั้ง เพราะพี่เขาค่อนข้างดูดี แต่ไม่ว่ายังไงก็ดีใจนะที่ได้เจอ ดีใจที่เรากลับมามีความรู้สึกว่าเจอคนที่ใช่ที่ถูกสเปคแล้วใจวูบวาบแบบนี้อีกครั้ง
เคยเจอคนที่ใช่ แต่ทำอะไรไม่ได้ไหมคะ ?
วันนี้เวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ รู้สึกหิวมาก ปกติปีใหม่ร้านอาหารจะปิดหมด ไม่มีร้านไหนเปิดเลย ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม จนถึงวันที่ 1 มกราคม คือกินแต่ข้าวเซเว่นจนเอียนมากๆ ก็เลยเดินลงมาจากหอ เดินตามริมถนนปกติ ใจคิดว่าคงฝากท้องไว้ที่เซเว่นเหมือนทุกๆวัน แต่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่า `ไม่อยากเข้าเซเว่นแล้ว เบื่อมากๆ` เลยเดินยาวผ่านเซเว่นไป ไม่แวะ คิดในใจว่าเสี่ยงเอาเผื่อมีร้านอาหารอื่นๆอาจจะเริ่มเปิดแล้วทำนองนั้น ระหว่างที่กำลังเดินก็ก้มหน้ามองเท้าตลอด เพราะแดดแรงมาก แสงแดดแยงตาสุดอะไรสุด แต่ด้วยความที่ถนนมันแคบ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองรถบนถนนเป็นพักๆเพราะกลัวว่าจะมีรถขับสวน ระหว่างที่เงยมาขึ้นมาก็เจอเข้ากับพี่ผู้ชายคนนึง ขับรถมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อบอลสีขาว ทรงผมเด็กช่างสไตล์เดียวแบบที่เราชอบกำลังชะลอรถอยู่ด้านหน้า เพราะมีรถเลี้ยวออกจากซอยพอดี เรากล้าพูดนะว่าเป็นจังหวะที่สบตากันเพราะพี่แกก็เงยหน้าขึ้นมาจากถนนพอดี ใจกระตุกไปแปปนึงจริงๆ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม เวลาเราเจอคนที่ใช่แล้วใจมันจะวูบแปลกๆ เหมือนโลกสะดุดไปนิดนึง เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ต้องยอมรับว่าพี่เขาดูน่าดึงดูดพอตัว ซึ่งพอต่างคนต่างผ่านไปก็ผ่านเลย ในใจตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพราะต้องเข้าใจว่าย่านที่เราอยู่เป็นย่านมหาลัย เป็นชุมชนที่เด็กมหาลัยที่นี่อยู่กันเยอะ มีหอพักเรียงราย การจะเจอกับคนๆเดิมในทุกๆวันมันยากมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องจังหวะ เวลา เรามองว่าการที่จะชอบใครสักคนในชีวิตมหาลัยที่เรียนกันคนละคณะมันยากมาก โอกาสที่จะบังเอิญเจอกันอีกครั้งมันน้อยจริงๆ ไม่ว่าจะข้างนอกหรือในมหาลัยยิ่งไปกันใหญ่
ซึ่งวันนี้ถือว่าโชคดี เพราะร้านป้าที่กินค่อนข้างบ่อยแกเปิดร้านแล้ว นี่ก็เดินเข้าไปสั่งผัดซีอิ๊ว และก็เดินมานั่งโต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าร้านด้านหน้าสุด หันหน้าออกหน้าร้าน ในร้านมีลูกค้าเป็นลุงผู้ชายที่มานั่งกินอยู่ก่อนแค่คนเดียว ระหว่างนั่งเล่นโทรศัพท์รอป้าทำอาหารไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินเสียงรถมอไซต์มาจอดหน้าร้าน นี่เลยเงยหน้ามองเฉยๆว่าใครมาตามสัญชาตญาณมนุษย์ แต่ไม่รู้ความบังเอิญหรืออะไร คนๆนั้นดันเป็นพี่เขา ซึ่งตอนที่พี่เขากำลังจะจอดรถ พี่เขาก็หันมามองนะ แต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้น พูดตรงๆว่าดีใจมาก แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องตีเนียนทำเป็นไม่มีอะไร ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่สน (โคตรกาก เราไม่ค่อยกล้าสบตาผู้ชายด้วยมั้ง มันวางตัวไม่ถูก) โต๊ะที่พี่เขาเลือกนั่งเป็นโต๊ะหลังโต๊ะเรา แต่อยู่เยื้องๆกัน พี่เขาหันหน้าออกนอกร้านเหมือนกัน นั้นหมายความว่าเรานั่งหันหลังให้พี่เขาอยู่ วันนี้แปลกที่ป้าเขาทำอาหารนานกว่าปกติ นั่งรอเกือบ 20 นาทีก็ได้ผัดซีอิ๊วที่สั่งไป ซึ่งผัดซีอิ๊วก็ต้องมีเครื่องปรุง แต่โต๊ะที่เรานั่งไม่มี เพราะ ปกติที่ร้านชุดเครื่องปรุงจะมีแค่ชุดเดียวมั้ง ที่ร้านขายกับข้าวหลายอย่าง ไม่ได้ขายแค่พวกก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรที่ต้องใส่เครื่องปรุงอย่างเดียวเลยไม่ได้มีตั้งอยู่ทุกโต๊ะ พอป้าแกเดินเอาผัดซีอิ๊วมาให้ ป้าเขาก็พูดว่าเดี๋ยวป้าเอาเครื่องปรุงให้นะ เราก็ตอบค่ะรับคำ ซึ่งป้าก็เดินไปโต๊ะด้านหลังเรา เราเลยเอี้ยวตัวมองตามป้าไป ซึ่งด้วยความที่โต๊ะเรากับโต๊ะพี่เขามันเยื้องกัน ทำให้หันไปเห็นพี่เขาพอดี ซึ่งตอนนั้นพี่เขาเล่นมือถืออยู่ แต่พี่เขาก็เหลือบตาขึ้นมามอง พอสบตาเข้ากับเรา ต่างคนก็ต่างหลบตา เราก็หันหน้าหนีกลับมาเหมือนเดิม (ในความรู้สึกเรา เหมือนว่าต่างคนต่างไม่กล้าสบตา มันดูออกนะ แต่ก็ไม่มั่นใจ กลัวคิดไปเองเหมือนกัน เราก็เพ้อเจ้อพอตัว)
จริงๆเรื่องก็จบแค่นี้เลย ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว และคิดว่าคงไม่เจอพี่เขาอีกแล้ว ใจเราอยากเจอพี่เขานะ ฝันอยากให้พี่เขารู้สึกเหมือนกันกับเรา แต่อีกใจก็ยาก เราไม่ใช่คนสวย หรือ ดูดีมีเสน่ห์ด้วย ไม่รู้สิ อีกอย่างพี่เขาอาจจะมีแฟนแล้วด้วยซ้ำมั้ง เพราะพี่เขาค่อนข้างดูดี แต่ไม่ว่ายังไงก็ดีใจนะที่ได้เจอ ดีใจที่เรากลับมามีความรู้สึกว่าเจอคนที่ใช่ที่ถูกสเปคแล้วใจวูบวาบแบบนี้อีกครั้ง