ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถแบกรับความทุกข์ในชีวิตของผมไว้ได้เลย มันทำให้ผมเลิกคิดไม่ได้และทำให้นอนไม่หลับ

สวัสดีครับเพื่อนๆในพันทิปที่เข้ามาอ่าน ผมขอเล่าอาการที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ให้ทุกคนฟัง ผมกำลังหาวิธีแก้ไขมันอยู่นะครับ

ผมอายุ 29 ปีทำงานเป็นเซลอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ผมเป็นคนที่ติดตลกมากๆ ทำอะไรก็ดูฮาไปหมด และเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดีมากๆ เมื่อสมัยตอนที่ผมอายุ 20กว่าตอนเรียนผมมีความรู้สึกว่าความเครียดเป็นเรื่องสิ่งเล็กๆที่ผมสามารถก้าวผ่านไปได้ และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตทุกวันจนวันนึงผมเรียนจบปละได้ทำงานที่ดีๆที่ผมอยากจะเป็น

ผมคนกับภรรยามา 8 ปี ภรรยาเป็นน่ารัก แต่เป็นคนที่เอาแต่ใจเหมือนผู้หญิงทั่วไป วันนึงได้ทำงานอยู่ที่เก่า และมีความรู้สึกว่า รายได้มันตันจึงเปลี่ยนงานไปช่วยภรรยาทำงาน ก็คือเป็นเซล ทำงานด้วยกันที่เดียวกันอยู่ด้วยกันทุกวัน ผมว่ามันก็ดีนะ โอเคเลย เพราะอยู่ที่ใหม่ มีเวลาให้กันมากขึ้น ถึงจะต้องเริ่มต้นทำงานเริ่มสร้างฐานลูกค้าใหม่ก็ตามก็ไม่เป็นไร

ทำงานที่นี้เข้าปีที่ 3 จนปัจจุบันผมเริ่มสังเกตว่าผมเป็นคนที่คิดถึงเรื่องทุกข์ตลอดเวลา มันเอาความคิดพวกนี้ออกจากหัวไม่ได้เลย เริ่มจาก หนึ่งเศรษฐกิจปีนี้เริ่มขาลง คนเริ่มเงืนน้อย ผมไม่สามารถขายงานของผมได้ ผมทำงานคุยกับลูกค้าทุกวันจนเจ็บคอไปหมด พยายามจะขายให้ได้แบบเดิม ทำงานให้หนักขึ้นแต่ก็เหมือนเดิม มันขายยากจริงๆ

วันนึงผมเจอแม่ผมผมได้ไปเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง จนผมต้องร้องไห้ต่อหน้าแม่ เพราะมันหมายถึงความรับผิดชอบครอบครัวและรายได้ของผมเพราะผมกำลังสร้างตัว ตลอดที่ทำงานมาผมเก็บเงินได้หนึ่งก้อน แต่ทุกวันนี้ ผมต้องเอาออกมาใช้จ่ายหนี้ เข้าเนื้อทุกวัน ประกอบกับงานที่ผมทำมันต้องลงทุนไปด้วย ซึ่งมันมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาบริษัทที่ผมทำงานมีการปรับไม่ให้ขายผลิตภัณฑ์ที่ผมกำลังขายอยู่เนื่องจาก คอมมิตชั่นเยอะเกินไปให้ขายตัวอื่นบ้าง ทำให้รายได้หายได้ 1 ส่วน

ต่อมาบริษัทเปลี่ยนนโยบายการให้ค่าคอมมิชชั่นใหม่รวมทั้งค่าบริหารการขายทั้งหมด จาก 20% เหลือ 15% ทำให้รายได้จากการบริหารการขายหายไป

ยังไม่จบ ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ลดค่าคอมชั่นลงจาก 40% เหลือ 20% เป็นครั้งที่ผมช๊อกในรอบที่ผมทำงานมาโดยให้เหตุผลว่า บริษัทไม่สามารถการันตรีผลกำไรในอนาคตได้ ทำให้ผมนอนไม่หลับ ผมต้องไปพึ่งการสูบบุหรี่ให้หัวมันผ่อนคลายลง ซึ่งมันช่วยได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น

ผมเลยบอกกับภรรยาว่า เราต้องเริ่มเข้าสู่ยุคที่จะต้องประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด

ผมตัดสินใจขายรถบิ๊กไบค์ที่ผมรักเพื่อเป็นการปิดภาระ ซึ่งผมไม่สามารถผ่อนมันได้อีกต่อไป ทำให้ความคิดผมเริ่มดิ่งลงเหว เพราะเนื่องจากผมเป็นคนที่รักและชอบขับบิ๊กไบค์มาก กว่าจะได้คันนี้ผมต้องขยับเทรินรถจาก 150cc >>> 300cc >>>650 >> ขึ้นไปเรื่อยๆตามแบบฉบับดาวน้อยผ่อนยาว มันเลยใช้เวลาถึง 10 ปีว่าที่จะไล่ตามความฝันตัวเองได้ แต่ผมจะต้องขายมันทิ้งเพราะผ่อนมันไม่ไหว

ผมเอาบัตรเครดิตรของภรรยาไปซ่อนเพื่อจะไม่ให้มันเป็นหนี้สะสมอีก กัดฟันโดยการจ่ายทุกเดือนโดยไม่ใช้อีกต่อไป เพื่อลดค้าใช้จ่ายการผ่อน

ผมขับรถให้ช้าลงเพื่อประหยัดค่าน้ำมันแต่ยังไม่ทันจะประหยัดรถก็จำเป็นที่จะต้องขายคันเก่าไปไปเพราะ ซ่อมไม่จบ เสียค่าซ่อมหลายหมื่นในแต่ละเดือน ขายซากยังเข้าเนื้อเพราะยังผ่อนอยู่เราทำได้วิธีเดียวคือต้องออกรถใหม่แล้วเลือกรถที่ประหยัดค่าน้ำมันแทน

เรื่องพวกนี้มันคิดอยู่ในหัวเพราะความเครียดสะสมทำให้ผมนอนไม่หลับหลายคืน

หลายเดือนที่ผ่านมา ผมรู้สึกโมโหง่าย ขี้หงุดหงิด ผมเลือกที่จะอยู่คนเดียวดีกว่าไปปรึกษาใครๆเพราะทุกคนให้คำแนะนำว่าให้ปรับตัว แต่ใจจริงๆผมแค่อยากได้กำลังใจ หรือคนที่ดึงเราเข้ามากอดแล้วบอกว่าสู้ไปด้วยกันมากกว่า

วันนึงภรรยาผมดูละครเรื่องเพลิงๆอะไรเนี้ยเละ มีแต่ฉากด่ากันจะฆ่ากัน ภรรยาเปิดฉากนี้ตลอดอาทิตย์เพราะบอกว่า ชอบเวลามันด่ากัน

ไม่กี่วันต่อมาก็เปิดอีกเรื่องที่รู้แต่ว่านางเอกน่าจะเป็นคุณพลอยเฌอมาร ก็เป็นหนังแนว ด่าๆแย่งพระเอกคำด่าแรงๆเช่นกัน ซึ่งภรรยาเปิดทุกวัน ขับรถก็เปิด ผมจะได้ยินคำด่าซ้ำๆเดิมๆจนผมท่องได้ มันติดหูติดอยู่ในความคิดไม่สามารถเอาออกไปได้ บางทีผมก็เคยถามว่า "ตัวเองทำไมหนังไทยชอบมีแต่ด่าๆกัน" ภรรยาตอบมาว่า ไม่รู้ดิเวลาเห็นมันด่ากันแล้วมันสนุกดี ผมเลยรู้สึกว่าภรรยาชอบดูคนทะเลาะกันมากว่าดูละครมากกว่า แล้วก็เหมือนเดิม คำด่ามันติดไปถึงตอนนอนและหน่ำซ้ำ ภรรยาก็ไปเปิดหนัง เกาหลีที่เกี่ยวกับราชวงค์ฆ่าหลักหลังกันบนที่นอนอีกรอบ ผมจึงให้เธอใส่หูฟัง

ผมพยายามออกกำลังกายคิดถึงเรื่องอื่นเล่นเกมให้ผ่อนคลายกับกลายเป็นหัวร้อนมากกว่าเดิมเวลาเล่นเกมเพราะไม่ชนะ จึงต้องเปลี่ยนแนวเกมให้มันเบาลงช่วยได้เยอะมากๆ

ทุกวันนี้ผมต้องเก็บความคิดแย่ๆไว้ไม่ให้ส่งผลกระทบอะไรกับภรรยาเพราะเขาไม่ได้ผิดอะไรแม้หลายๆครั้ง เขาจะชอบนินทาคนอื่นให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีกับคนอื่น คนที่เอาเปรียบเราคนที่ไม่สำนึกบุญคุณที่เราทำด่าเขาแรงๆในรถแล้วตบท้ายด้วยคำว่า "เค้าก็แค่อยากจะพูดให้ฟัง" ซึ่งเป็นอะหรที่ผมไม่อยากรับรู้มากๆมันทำให้บรรยากาศในรถแย่มากๆ ทำให้หลังจากการทำงานที่มันเครียดอยู่แล้วมันยิ่งมาเจออะไรแย่ๆอีก

อย่าว่าแต่ภรรยาเลยครับเขาโซเชียลแล้วดูข่าวหดหู่ก็เป็นครับไม่อยากรับรู้เรื่องแย่ๆในโลกนี้เลยครับ

ผมมีความรู้สึกว่าชีวิตของผมมันถูกขโมยความสุขไปหมดเลยครับทั้งงานอดิเรกทั้งความฝันทั้งความรู้สึก ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับใครที่ชอบเราเรื่องทุกข์ๆมาเล่าให้เราฟัง มันยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลงไปอีก โดยที่ผมไม่สามารถลบความคิดทุกข์ๆแบบนี้ออกไปจากสมองได้เลย

การมองโลกของผมตอนนี้มันกลายเป็นแง่ลบไปหมดเลยครับผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ สุดท้ายนี้ถ้าใครสนใจจะเอารถผมไปผ่อนต่อสามารถติดต่อหลังไมค์ๆด้นะครับ ถือว่าช่วยผมละกันครับแต่ขอให้ดูแลมันดีๆละกันนะครับ

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่