สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปกิน "สึเคเมง (Tsukemen)" กันครับ แต่มันไม่ใช่สึเคเมงธรรมดาน่ะสิ จะแปลกตรงไหน มีดีอย่างไร ทำไมคนถึงแน่นตลอด ไปชมกันเลย !
ก่อนอื่นขออธิบายก่อนนะครับว่าเจ้าสึเคเมง นี้คืออะไร สำหรับใครที่ยังไม่รู้
คำว่า สึเค (Tsuke - つけ) ย่อมาจากคำว่า สึเคะหรุ (つける) แปลว่า "จุ่ม (ความจริงมีความหมายมากกว่านี้นะ) " ส่วน เมง (Men - めん) แปลว่า "เส้น" เมื่อเอามารวมกัน จึงกลายเป็นคำว่า Tsukemen หรือก็คือ อาหารที่มีการรับประทานโดยนำเอาเส้นมาจุ่มกับซุป แล้วทานนั่นเอง สิ่งที่เป็นตัวตัดสินว่าร้านไหนอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น ก็คือความเหนียวนุ่มของเส้น และรสชาติของน้ำซุปครับ
เอาล่ะ พอทำความเข้าใจคร่าวๆ กันเสร็จแล้วก็ไปดูขั้นตอนการสั่งกันเลยครับ
แรกสุดให้เราไปต่อคิวก่อนครับ สักพักจะมีพนักงานมาเรียกให้ไปกดตั๋วที่ตู้ข้างในร้าน จากนั้นก็กลับมาต่อแถวเหมือนเดิม หลังจากนั้นพนักงานก็จะเดินมาเก็บตั๋วเราไป พร้อมคอนเฟินอีกครั้งว่า นี่เป็นเมนูที่เราต้องการใช่ไหม เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ตอนเข้าไปในร้านจะได้ๆ กินเลย
ตั๋วก็จะหน้าตาประมาณนี้ครับ
เมื่อเดินเข้ามาในร้านแล้วก็จะเป็นประมาณนี้
น้ำเปล่า ทิชชู่เปียก และผ้ากันเปื้อนนั้นมีเตรียมให้แล้ว สามารถไปหยิบใช้ได้เองเลยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีน้ำซุปแยกให้ด้วย ในที่นี้หมายถึงน้ำซุปจืดที่ใช้ใส่น้ำซุปหลักเพื่อเจือจาง สำหรับใครที่คิดว่าน้ำซุปที่ร้านให้มาเค็มเกินไป
ภาพด้านบนจะเป็นบอกวิธีการรับประทานต่างๆ ครับ มีภาษาอังกฤษให้ด้วยนะ สรุปคร่าวๆ ก็คือ
1. ให้ลองกินเส้นโดยยังไม่ต้องผสมอะไรเลย
2. ชิมซุป
3. นำเส้นไปจุ่มในซุป แล้วก็กิน
4. เมื่อกินแล้ว ให้ลองใส่ชีสข้าว หรือซุปจืด หรือข้าวเบซิลไปแล้วกิน
5. โพสโซเชียล (555+)
แต่ยังไงก็ตามนี่ก็เป็นแค่ขั้นตอนที่แนะนำ สุดท้ายแล้วจะกินยังไงก็แล้วแต่เราเลย ! (อันนี้ก็มีเขียนไว้เช่นกันครับ)
และแล้ว อาหารก็มาเสิร์ฟ. . .
สึเคเมงซุปกุ้งมะเขือเทศ (Ebi Tomato Tsukemen) นี่คือเมนูแนะนำของร้านครับ สิ่งที่ทำให้ร้านนี้มีชื่อ ก็คือการประยุกต์สึเคเมง ให้ดูเป็นอาหารสไตล์ตะวันตกครับ จากรูปจะเห็นว่ามีการใส่ขนมปัง และข้าวเบซิล (Basil Rice) สีเขียวๆ เข้าไปด้วย ทำให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนสึเคเมงทั่วไป บวกกับน้ำซุปที่เข้มข้น หอมกลิ่นของกุ้ง พร้อมมีมะเขือเทศสดเพิ่มความหวานมันอีก ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้มีคนต่อคิวยาวตลอดไม่ขาดสายครับ
โดยราคาจะอยู่ที่ 1,050 เยนครับ
มะเขือเทศสด และหวานมากๆ
ไข่ก็หวานเข้นข้นอีก
สำหรับร้านนี้ ผมให้ไปเลยครับ 10/10 เพราะเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนกับร้านทั่วไป บวกกับบรรยากาศของร้านที่ไม่เบียดเสียด มีพื้นที่พอสมควรเลย แม้จะเป็นแบบเคาน์เตอร์ ต่างจากร้านราเมงทั่วไปที่พื้นที่จะค่อนข้างแคบ คุ้มค่ากับที่ยืนต่อคิวรอครับ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากต่อคิวนาน ผมก็แนะนำให้มาก่อนร้านเปิดนะครับ เดี๋ยวพิกัด กับเวลาทำการเดี๋ยวผมจะลงให้ข้างล่างนี้ครับ
ท้ายสุดนี้ผมของฝากเว็บของผมด้วยนะครับ พึ่งสร้างไว้ไม่นานนี้เอง กับ
http://www.tooneattabi.com/ เว็บที่จะพาคุณไป กิน - เที่ยว - เล่น ในที่ต่างๆ ของญี่ปุ่นครับ สำหรับกระทู้นี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ ~~
ーーーーーーーーーーーーーーーーー
พิกัดร้าน
〒151-0051 Tokyo, Shibuya City, Sendagaya, 5 Chome−33−16 シャトレー新宿御苑第一 1F
เวลาทำการ : 11:00 AM - 9:00 PM (ไม่มีวันหยุด)
Access : ออกทาง South gate ที่สถานีชินจูกุ เดินประมาณ 4 นาที (ร้านจะอยู่ด้านหลัง HIS Shinjuku headquarters)
[CR] [รีวิว] พาไปกินร้านสึเคเมงสุดแปลกไม่เหมือนใคร ที่ Gonokami Seisakusho ที่อยู่แค่ชินจูกุนี้เอง !
ก่อนอื่นขออธิบายก่อนนะครับว่าเจ้าสึเคเมง นี้คืออะไร สำหรับใครที่ยังไม่รู้
คำว่า สึเค (Tsuke - つけ) ย่อมาจากคำว่า สึเคะหรุ (つける) แปลว่า "จุ่ม (ความจริงมีความหมายมากกว่านี้นะ) " ส่วน เมง (Men - めん) แปลว่า "เส้น" เมื่อเอามารวมกัน จึงกลายเป็นคำว่า Tsukemen หรือก็คือ อาหารที่มีการรับประทานโดยนำเอาเส้นมาจุ่มกับซุป แล้วทานนั่นเอง สิ่งที่เป็นตัวตัดสินว่าร้านไหนอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น ก็คือความเหนียวนุ่มของเส้น และรสชาติของน้ำซุปครับ
เอาล่ะ พอทำความเข้าใจคร่าวๆ กันเสร็จแล้วก็ไปดูขั้นตอนการสั่งกันเลยครับ
2. ชิมซุป
3. นำเส้นไปจุ่มในซุป แล้วก็กิน
4. เมื่อกินแล้ว ให้ลองใส่ชีสข้าว หรือซุปจืด หรือข้าวเบซิลไปแล้วกิน
5. โพสโซเชียล (555+)
แต่ยังไงก็ตามนี่ก็เป็นแค่ขั้นตอนที่แนะนำ สุดท้ายแล้วจะกินยังไงก็แล้วแต่เราเลย ! (อันนี้ก็มีเขียนไว้เช่นกันครับ)
〒151-0051 Tokyo, Shibuya City, Sendagaya, 5 Chome−33−16 シャトレー新宿御苑第一 1F
เวลาทำการ : 11:00 AM - 9:00 PM (ไม่มีวันหยุด)
Access : ออกทาง South gate ที่สถานีชินจูกุ เดินประมาณ 4 นาที (ร้านจะอยู่ด้านหลัง HIS Shinjuku headquarters)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้