ใครเห็นกระทู้ลดน้ำหนักบ่อยๆแล้วอิจฉา อยากลดบ้าง แต่ลดไม่ได้ซักที ยกมือขึ้นเลยจ้า!!
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบขำๆ สไตล์คนขี้เกียจ ท้อง่ายหน่ายเร็วค่ะ อ้อ วิธีนี้ไม่พึ่งยาลดน้ำหนักใดๆทั้งสิ้นนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วง รวมไปถึงอาหารเสริมใดๆก็ไม่มีค่ะ
<< เริ่มต้นจาก 58 ตอนนี้เหลือ 53 รวม 5 kgใน 4 เดือนค่ะ >>
คือ เราเตี้ยค่ะ สูงแค่ 155 ดังนั้นตอน 58 นี่คือ ตันไปหมดค่ะ อ้วนเตี้ย ปวดใจมากกกกก
เทคนิคง่ายๆ ใครก็ทำได้
(1) ลดความคาดหวัง
อันดับแรกคือเลิกตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักค่ะ สายขี้เกียจท้อง่ายอย่างเรา การตั้งเป้าหมายมีแต่จะเครียดและกดดันค่ะ ไม่เอาค่ะไม่เอา เราปรับความคิด เราจะไม่ลดน้ำหนักน้า แต่ "เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง"
เราจะเริ่มจากการบอกตัวเองว่า ถึงฉันจะอ้วน แต่ฉันก็จะแข็งแรง ถ้าน้ำหนักจะลด ก็ให้มันเป็นผลพลอยได้ไป คิดแบบนี้เราก็จะไม่เครียด ไม่กดดัน รู้สึกขำๆ สบายๆ
(2) ใช้วิธีลด ไม่ใช่เลิก
หูย คนนั้นบอกให้งดแป้ง งดมัน งดของทอด งดชานมไข่มุก งดๆๆๆๆๆๆ บร้า!!! ใครมันจะไปทำได้!! ของเคยกิน อยู่ๆจะให้เลิก เอามีดมาฆ่าฉันเถอะ! สายแดรกอย่างฉันมันจะเลิกกินได้ยังไง ตาย ตายแน่ๆ ดังนั้น เราไม่เลิกค่ะ เราลด เครนะ
เทคนิคง่ายๆ
*** ลดของทอดของหวานของมันอันไม่ดีต่อสุขภาพ (แต่อร่อย) จาก กินทุกวัน เป็น วันเว้นวัน มีภูมิต้านทานลูกชิ้นทอดปาท่องโก๋ได้เมื่อไหร่ค่อยเป็นสามวันที สี่วันที ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของอนาคต ช่างมัน อย่าไปคิดถึงให้บั่นทอนจิตใจ ของชอบเราใครบอกให้เลิกกิน ช่างใจร้ายสิ้นดี ไม่เอาๆ เราแค่ลด เริ่มต้นด้วยการลดจากทุกวันเป็นวันเว้นวันนะจ๊ะ
ในเมื่อเราผลัดวันประกันพรุ่งกับเรื่องงานหรือเรื่องอื่นได้ กับชาไข่มุกเราก็ทำได้เหมือนกัน ลองคิดว่า เออ วันนี้ไม่อยากเท่าไหร่ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยกิน แบบนี้ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้มาซัดเต็มคราบ วันมะรืนก็บอกตัวเองว่า อ้ะ เมื่อวานกินแล้ว วันนี้ลองเว้นสักวันก็แล้วกัน
แน่ะ เห็นไหม แค่นี้ก็ขยับเป็นวันเว้นวันได้แล้ว
*** ข้าว กินให้ครบ 3 มื้อ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ร่างกายยังต้องการแป้ง สมองต้องการพลังงาน จะหนาวแล้วเราก็ยังต้องการไขมัน(แม้กรุงเทพจะไม่มีหน้าหนาวก็ตาม) แต่ มื้อเย็น กินข้าวให้น้อยลงหน่อย จาก 2 ทัพพี เหลือสัก 1 ทัพพี และเพิ่มผักให้มากขึ้น หิวเหรอ ไม่อิ่มเหรอ กินไข่ต้ม จะจิ้มซอสภูเขาทอง ซอสแม็กกี้ พริกน้ำปลาหรือน้ำพริกตามใจชอบ 1 ลูกไม่พอก็กิน 2 ลูก ไข่ต้มกินได้ จะไข่ยางมะตูมก็ยังได้ ขอแค่เป็นไข่ต้มก็พอ
หลักการของเราคือ ค่อยๆลดปริมาณช้าๆ เช้ากับกลางวันกินเต็มที่ if อะไรไม่ต้องสนใจ เรากินของเราไป สาย Enjoy eating เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ มื้อเย็นแค่ลดลงหน่อย เพิ่มผักให้มากขึ้น ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แค่มื้อเดียวเอง ขำๆ
มี ลด แล้ว ต่อไปก็ เพิ่ม บ้าง
(1) เพิ่มผัก เพิ่มไข่ เพิ่มปลา เพิ่มผลไม้
อย่างที่บอกค่ะ หิวกินไข่ กินผัก จะสลัดผักราดน้ำสลัดครีม มายองเนส วาซาบิ ซีฟู้ด ก็ราดไปค่ะ แต่ลดลงสักหน่อยแค่ให้พอขลุกขลิก ยังมีรสชาติ ปลาก็ดีค่ะ ปลาต้ม ปลานึ่ง ปลาย่างซีอิ๊ว ปลาทอด กินได้ยิ่งดีค่ะ
สำหรับคนชอบกินจุกจิกระหว่างวัน ให้เปลี่ยนจากขนมซอง ขนมขบเคี้ยวเป็นผลไม้ค่ะ กินได้ทุกอย่าง ส้ม ลองกอง สัปปะรด ฝรั่ง แอปเปิล จิ้มพริกเกลือวนไปค่ะ ชีวิตเรายังต้องการรสชาติ จิ้มกินไปเพลินๆ
(2) เพิ่ม ออกกำลังกาย
อันนี้สำคัญค่ะ เพราะจะทำให้เราเฟิร์มขึ้น เห็นไหม อย่าไปคิดว่าเราจะผอม น้ำหนักจะลด แต่เราจะออกกำลังกายเพื่อสร้างซิกแพค ถึงเราจะอวบอ้วนจะโดนทักว่าท้อง (เรานี่โดนถามว่าท้องเหรอจนแทบจะปิดประกาศหน้าออฟฟิสว่าฉันอ้วนนนน ฉันไม่ได้ท้องงง 5555) แต่เราสามารถมีกล้ามเนื้อพุงแน่นๆไม่หย่อนคล้อยได้
ก่อนหน้านี้เราคิดแต่ว่า ฉันไม่มีเวลา ฉันทำงาน กลับมาก็ต้องดูแลลูก กว่าลูกจะหลับฉันก็หลับเหมือนกัน คนอื่นมีเวลาไปฟิตเนส ไปวิ่ง ไปนั่นโน่นนี่ ฉันไม่มีเว้ยยยย
แต่คือไม่อยากให้พุงมันย้วยไง ก็เลยเกิดไอเดียค่ะ ออกกำลังกายมันในที่ทำงานเลย เจ๋งป่ะล่า
พอใกล้ถึงเวลากลับบ้านเราเปลี่ยนชุดเลย เอาเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบไปเปลี่ยน แล้วเต้นค่ะ เปิดยูทูปเต้นมันในที่ทำงานเลยค่ะ ในยูทูปมีสารพัดคลิปค่ะ เลือกที่ชอบๆ ให้ได้รวมๆกันสัก 30 นาที ข้อดีคือ ในออฟฟิสมีแอร์ค่ะ!! ไม่ต้องไปถึงฟิตเนส เราก็ออกกำลังในห้องแอร์ได้ ฮ่าฮ่า
แรกๆเราก็เต้นคนเดียวนะ หลังๆน้องๆมันก็เอาบ้าง ถึงเวลาเปิดเพลงก็เต้นไปด้วยกัน เมาท์กันไปแดนซ์กันไป สนุกดี
แถมเวลาออกกำลังเนี่ย เราไม่เคยคิดนะว่าน้ำหนักจะลดกี่กิโล เราคิดถึงแต่ ชาบู! ปิ้งย่าง! ซีฟู้ด! ปาท่องโก๋! ขนมเค้ก! หนังไก่ทอด! พิซซ่า! คอหมูย่างติดมัน! และอีกมากมายยยยยย
Breath in ปิ้งย่าง!
Breath out บิงชู!
Breath in บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก!
Breath out KFC!
Breath in sukishi!
Breath out Ramen!
มื้อเย็นกินไรดี เบิร์นแล้ว กินได้!! 5555
แต่เอาเข้าจริงๆก็จะเหนื่อยจนแทบไม่อยากกินอะไร แต่ถ้ายังอยากกินอยู่ก็กินค่ะ มันกินได้ไม่เยอะหรอก เชื่อเรา
ออกกำลังไม่เน้นว่าจะแดนซ์ คาดิโอ เวท วันไหนเหนื่อยมากก็เดินค่ะ วันนึงรวมกันให้ได้สัก 30 นาทีนั่นแหละค่ะ แต่พยายามให้ได้สัก 3-5 วันต่อสัปดาห์
ข้อดีคือ มันจะเพิ่มระบบเผาผลาญค่ะ พอออกกำลังได้สักระยะหนึ่งมันจะอยู่ตัว ระบบเผาผลาญคงที่ ต่อให้กินเยอะก็เผาได้ดีกว่าเดิม
(2) พักผ่อนให้พอ
ข้อนี้สำคัญ เพราะมื้อเย็นถ้ากินน้อยเราจะหิวค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะรีบไสร่างไปนอนค่ะ จะได้ไม่รู้สึกหิว!
ความจริงคือ เราออกกำลังแล้ว ร่างกายต้องการการฟื้นฟู เราจึงต้องนอนให้พอเพื่อให้ร่างกายมีแรงและกระชับส่วนที่เราออกกำลังกายไป
ทำขั้นตอนเหล่านี้ได้สักเดือน รับรองน้ำหนักลดแน่ๆ แต่นี่เป็นแค่ขั้นเริ่มต้น เพราะพอทำไปได้สักเดือนสองเดือน เห็นน้ำหนักเริ่มลดก็จะเกิดกำลังใจ หาวิธีลดให้ได้มากขึ้นไปเอง ถึงตอนนั้นก็จะออกกำลังกายเพิ่มขึ้น คุมอาหารได้มากขึ้น (และดีขึ้น) รวมไปถึงเริ่มใช้วิธีนับแคลอรี่ ซึ่งหลักของเราง่ายๆคือ กินวันละไม่เกิน 1,000 แคล (อันนี้ต้องดูตามความเหมาะสมของแต่ละคนนะคะ เราตัวเล็ก วันๆไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน) พอนับแคลร่วมกับออกกำลังกาย มันก็เลยลดลงไปได้อีก
สรุปว่า วิธีของเราคือ "สร้างขวัญและกำลังใจ" นั่นเอง
เราเองจากน้ำหนัก 58 (สูง 153) ตอนนี้ลดเหลือ 53 แล้ว เราพอใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้แล้ว รู้สึกกระเพาะเล็กลงด้วย
สู้ๆนะคะ คนขี้เกียจอย่างเรายังลดได้เลย
<< แชร์ประสบการณ์ Enjoy eating ขนาดไหน ก็ลดน้ำหนักได้นะจ๊ะ >>
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบขำๆ สไตล์คนขี้เกียจ ท้อง่ายหน่ายเร็วค่ะ อ้อ วิธีนี้ไม่พึ่งยาลดน้ำหนักใดๆทั้งสิ้นนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วง รวมไปถึงอาหารเสริมใดๆก็ไม่มีค่ะ
<< เริ่มต้นจาก 58 ตอนนี้เหลือ 53 รวม 5 kgใน 4 เดือนค่ะ >>
คือ เราเตี้ยค่ะ สูงแค่ 155 ดังนั้นตอน 58 นี่คือ ตันไปหมดค่ะ อ้วนเตี้ย ปวดใจมากกกกก
เทคนิคง่ายๆ ใครก็ทำได้
(1) ลดความคาดหวัง
อันดับแรกคือเลิกตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักค่ะ สายขี้เกียจท้อง่ายอย่างเรา การตั้งเป้าหมายมีแต่จะเครียดและกดดันค่ะ ไม่เอาค่ะไม่เอา เราปรับความคิด เราจะไม่ลดน้ำหนักน้า แต่ "เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง"
เราจะเริ่มจากการบอกตัวเองว่า ถึงฉันจะอ้วน แต่ฉันก็จะแข็งแรง ถ้าน้ำหนักจะลด ก็ให้มันเป็นผลพลอยได้ไป คิดแบบนี้เราก็จะไม่เครียด ไม่กดดัน รู้สึกขำๆ สบายๆ
(2) ใช้วิธีลด ไม่ใช่เลิก
หูย คนนั้นบอกให้งดแป้ง งดมัน งดของทอด งดชานมไข่มุก งดๆๆๆๆๆๆ บร้า!!! ใครมันจะไปทำได้!! ของเคยกิน อยู่ๆจะให้เลิก เอามีดมาฆ่าฉันเถอะ! สายแดรกอย่างฉันมันจะเลิกกินได้ยังไง ตาย ตายแน่ๆ ดังนั้น เราไม่เลิกค่ะ เราลด เครนะ
เทคนิคง่ายๆ
*** ลดของทอดของหวานของมันอันไม่ดีต่อสุขภาพ (แต่อร่อย) จาก กินทุกวัน เป็น วันเว้นวัน มีภูมิต้านทานลูกชิ้นทอดปาท่องโก๋ได้เมื่อไหร่ค่อยเป็นสามวันที สี่วันที ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของอนาคต ช่างมัน อย่าไปคิดถึงให้บั่นทอนจิตใจ ของชอบเราใครบอกให้เลิกกิน ช่างใจร้ายสิ้นดี ไม่เอาๆ เราแค่ลด เริ่มต้นด้วยการลดจากทุกวันเป็นวันเว้นวันนะจ๊ะ
ในเมื่อเราผลัดวันประกันพรุ่งกับเรื่องงานหรือเรื่องอื่นได้ กับชาไข่มุกเราก็ทำได้เหมือนกัน ลองคิดว่า เออ วันนี้ไม่อยากเท่าไหร่ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยกิน แบบนี้ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้มาซัดเต็มคราบ วันมะรืนก็บอกตัวเองว่า อ้ะ เมื่อวานกินแล้ว วันนี้ลองเว้นสักวันก็แล้วกัน
แน่ะ เห็นไหม แค่นี้ก็ขยับเป็นวันเว้นวันได้แล้ว
*** ข้าว กินให้ครบ 3 มื้อ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ร่างกายยังต้องการแป้ง สมองต้องการพลังงาน จะหนาวแล้วเราก็ยังต้องการไขมัน(แม้กรุงเทพจะไม่มีหน้าหนาวก็ตาม) แต่ มื้อเย็น กินข้าวให้น้อยลงหน่อย จาก 2 ทัพพี เหลือสัก 1 ทัพพี และเพิ่มผักให้มากขึ้น หิวเหรอ ไม่อิ่มเหรอ กินไข่ต้ม จะจิ้มซอสภูเขาทอง ซอสแม็กกี้ พริกน้ำปลาหรือน้ำพริกตามใจชอบ 1 ลูกไม่พอก็กิน 2 ลูก ไข่ต้มกินได้ จะไข่ยางมะตูมก็ยังได้ ขอแค่เป็นไข่ต้มก็พอ
หลักการของเราคือ ค่อยๆลดปริมาณช้าๆ เช้ากับกลางวันกินเต็มที่ if อะไรไม่ต้องสนใจ เรากินของเราไป สาย Enjoy eating เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ มื้อเย็นแค่ลดลงหน่อย เพิ่มผักให้มากขึ้น ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แค่มื้อเดียวเอง ขำๆ
มี ลด แล้ว ต่อไปก็ เพิ่ม บ้าง
(1) เพิ่มผัก เพิ่มไข่ เพิ่มปลา เพิ่มผลไม้
อย่างที่บอกค่ะ หิวกินไข่ กินผัก จะสลัดผักราดน้ำสลัดครีม มายองเนส วาซาบิ ซีฟู้ด ก็ราดไปค่ะ แต่ลดลงสักหน่อยแค่ให้พอขลุกขลิก ยังมีรสชาติ ปลาก็ดีค่ะ ปลาต้ม ปลานึ่ง ปลาย่างซีอิ๊ว ปลาทอด กินได้ยิ่งดีค่ะ
สำหรับคนชอบกินจุกจิกระหว่างวัน ให้เปลี่ยนจากขนมซอง ขนมขบเคี้ยวเป็นผลไม้ค่ะ กินได้ทุกอย่าง ส้ม ลองกอง สัปปะรด ฝรั่ง แอปเปิล จิ้มพริกเกลือวนไปค่ะ ชีวิตเรายังต้องการรสชาติ จิ้มกินไปเพลินๆ
(2) เพิ่ม ออกกำลังกาย
อันนี้สำคัญค่ะ เพราะจะทำให้เราเฟิร์มขึ้น เห็นไหม อย่าไปคิดว่าเราจะผอม น้ำหนักจะลด แต่เราจะออกกำลังกายเพื่อสร้างซิกแพค ถึงเราจะอวบอ้วนจะโดนทักว่าท้อง (เรานี่โดนถามว่าท้องเหรอจนแทบจะปิดประกาศหน้าออฟฟิสว่าฉันอ้วนนนน ฉันไม่ได้ท้องงง 5555) แต่เราสามารถมีกล้ามเนื้อพุงแน่นๆไม่หย่อนคล้อยได้
ก่อนหน้านี้เราคิดแต่ว่า ฉันไม่มีเวลา ฉันทำงาน กลับมาก็ต้องดูแลลูก กว่าลูกจะหลับฉันก็หลับเหมือนกัน คนอื่นมีเวลาไปฟิตเนส ไปวิ่ง ไปนั่นโน่นนี่ ฉันไม่มีเว้ยยยย
แต่คือไม่อยากให้พุงมันย้วยไง ก็เลยเกิดไอเดียค่ะ ออกกำลังกายมันในที่ทำงานเลย เจ๋งป่ะล่า
พอใกล้ถึงเวลากลับบ้านเราเปลี่ยนชุดเลย เอาเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบไปเปลี่ยน แล้วเต้นค่ะ เปิดยูทูปเต้นมันในที่ทำงานเลยค่ะ ในยูทูปมีสารพัดคลิปค่ะ เลือกที่ชอบๆ ให้ได้รวมๆกันสัก 30 นาที ข้อดีคือ ในออฟฟิสมีแอร์ค่ะ!! ไม่ต้องไปถึงฟิตเนส เราก็ออกกำลังในห้องแอร์ได้ ฮ่าฮ่า
แรกๆเราก็เต้นคนเดียวนะ หลังๆน้องๆมันก็เอาบ้าง ถึงเวลาเปิดเพลงก็เต้นไปด้วยกัน เมาท์กันไปแดนซ์กันไป สนุกดี
แถมเวลาออกกำลังเนี่ย เราไม่เคยคิดนะว่าน้ำหนักจะลดกี่กิโล เราคิดถึงแต่ ชาบู! ปิ้งย่าง! ซีฟู้ด! ปาท่องโก๋! ขนมเค้ก! หนังไก่ทอด! พิซซ่า! คอหมูย่างติดมัน! และอีกมากมายยยยยย
Breath in ปิ้งย่าง!
Breath out บิงชู!
Breath in บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก!
Breath out KFC!
Breath in sukishi!
Breath out Ramen!
มื้อเย็นกินไรดี เบิร์นแล้ว กินได้!! 5555
แต่เอาเข้าจริงๆก็จะเหนื่อยจนแทบไม่อยากกินอะไร แต่ถ้ายังอยากกินอยู่ก็กินค่ะ มันกินได้ไม่เยอะหรอก เชื่อเรา
ออกกำลังไม่เน้นว่าจะแดนซ์ คาดิโอ เวท วันไหนเหนื่อยมากก็เดินค่ะ วันนึงรวมกันให้ได้สัก 30 นาทีนั่นแหละค่ะ แต่พยายามให้ได้สัก 3-5 วันต่อสัปดาห์
ข้อดีคือ มันจะเพิ่มระบบเผาผลาญค่ะ พอออกกำลังได้สักระยะหนึ่งมันจะอยู่ตัว ระบบเผาผลาญคงที่ ต่อให้กินเยอะก็เผาได้ดีกว่าเดิม
(2) พักผ่อนให้พอ
ข้อนี้สำคัญ เพราะมื้อเย็นถ้ากินน้อยเราจะหิวค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะรีบไสร่างไปนอนค่ะ จะได้ไม่รู้สึกหิว!
ความจริงคือ เราออกกำลังแล้ว ร่างกายต้องการการฟื้นฟู เราจึงต้องนอนให้พอเพื่อให้ร่างกายมีแรงและกระชับส่วนที่เราออกกำลังกายไป
ทำขั้นตอนเหล่านี้ได้สักเดือน รับรองน้ำหนักลดแน่ๆ แต่นี่เป็นแค่ขั้นเริ่มต้น เพราะพอทำไปได้สักเดือนสองเดือน เห็นน้ำหนักเริ่มลดก็จะเกิดกำลังใจ หาวิธีลดให้ได้มากขึ้นไปเอง ถึงตอนนั้นก็จะออกกำลังกายเพิ่มขึ้น คุมอาหารได้มากขึ้น (และดีขึ้น) รวมไปถึงเริ่มใช้วิธีนับแคลอรี่ ซึ่งหลักของเราง่ายๆคือ กินวันละไม่เกิน 1,000 แคล (อันนี้ต้องดูตามความเหมาะสมของแต่ละคนนะคะ เราตัวเล็ก วันๆไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน) พอนับแคลร่วมกับออกกำลังกาย มันก็เลยลดลงไปได้อีก
สรุปว่า วิธีของเราคือ "สร้างขวัญและกำลังใจ" นั่นเอง
เราเองจากน้ำหนัก 58 (สูง 153) ตอนนี้ลดเหลือ 53 แล้ว เราพอใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้แล้ว รู้สึกกระเพาะเล็กลงด้วย
สู้ๆนะคะ คนขี้เกียจอย่างเรายังลดได้เลย