ตือตามที่จขกทศึกษาและอ่านมาว่าแรกๆเวลาปฏิบัติถาวนาฝึกฝนจิตใจขั้นเริ่มต้นนอกจากมีศีลเป็นพื้นฐานขั้นต้น เราต้องฝึกทั้งสติและสมาธิเพื่อให้อินทรีย์แก่กล้าพอมเจริญคือได้ยินครูอาจารย์ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าบางครั้งพอเราเจริญสติในสติปัฏฐานทั้ง4จนได้สตินินทรีย์ อินทรีย์แก่กล้ามีสติเป็นอัตโนมัติไม่รู้ถึงขั้นมหาสติหรือยัง แต่ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆเคยปรารถว่าถคงจุดนั้นเราจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องฝึกแล้วเพราะเป็นไปโดยอัตโนมัติอะไรนี่แหละครับ แต่ก็ยังไม่บรรลุคือแบบเหมือนเราไม่ยึดติดในกามคุณ ในรูป รส กลิ่นเสียง เรามีสติไม่หวั่นไหวในโลกธรรมแล้วเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่เรายังขุดอาสวะกิเลส ถอนอนุสัย สังโยชน์ไม่ได้ เพราะเรายังยึดติดจิตผู้รู้ยังวางไม่ได้คือแบบเราเราเหมือนจะวางกิเลสหยาบและกิเลสระดับกลางได้แต่เหมือนยังหลงว่าจิตผู้รู้จิตที่มีสติยังดีเลยเหมือนจะยังวางกิเลสขั้นละเอียดสุดไม่ได้ คุ้นๆว่าหลวงปู่ดูลย์เคยเล่าว่าให้ทำลายจิตผู้รู้ มันคือยังไงครับ พอไปถามหลวงปู่เหรียญท่านก็บอกด้วยสำนวนว่าให้ละอุปาทานขันธ์ ตกลงคือยังไงครับในการขุดอาสวะกิเลส สังโยชน์ในการบรรลุธรรมขั้นสูง บรรลุอรหัตผล
ปล.จขกทคุ้นๆแบบเคยได้ยินมาว่ามีพระรูปนึงบำเพ็ญเพียรฝึกจิตมาอย่างหนักจนอินทรีย์แก่กล้าปต่ยังติดตรงนึงไม่บรรลุเหมือนยังแบกอะไรอย่างหนึ่งไว้พอเจอหลวงปู่ดูลย์พูดกระตุกจิตคำเดียวแล้วเหมือนผลการภาวนาข้ามขั้นนี่แหละครับ มันอารมณ์เหมือนโกอานของเซนเลยที่ใช้ปริศนาธรรมในการบรรลุซาโตริ อารมณ์คล้ายๆพระอานนท์เอนหลังแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ป่ะครับ หรือแบบตอนที่พระวักกลิบรรลุเป็นพระอรหันต์ตอนกำลังจะโดดหน้าผา ตรงนี้จะเราจะสื่อถึงอะไรได้บ้างครับ ตีความหมายๆด้ว่าอะไรบ้าง???
หมายถึงอะไรครับที่ครูบาอาจารย์หลายท่านบอกว่าถ้าบรรลุโมกขธรรมขั้นสูงสุดถึงพระนิพพานต้องวางจิตผู้รู้ไม่ก็ละอุปาทานขันธ์??
ปล.จขกทคุ้นๆแบบเคยได้ยินมาว่ามีพระรูปนึงบำเพ็ญเพียรฝึกจิตมาอย่างหนักจนอินทรีย์แก่กล้าปต่ยังติดตรงนึงไม่บรรลุเหมือนยังแบกอะไรอย่างหนึ่งไว้พอเจอหลวงปู่ดูลย์พูดกระตุกจิตคำเดียวแล้วเหมือนผลการภาวนาข้ามขั้นนี่แหละครับ มันอารมณ์เหมือนโกอานของเซนเลยที่ใช้ปริศนาธรรมในการบรรลุซาโตริ อารมณ์คล้ายๆพระอานนท์เอนหลังแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ป่ะครับ หรือแบบตอนที่พระวักกลิบรรลุเป็นพระอรหันต์ตอนกำลังจะโดดหน้าผา ตรงนี้จะเราจะสื่อถึงอะไรได้บ้างครับ ตีความหมายๆด้ว่าอะไรบ้าง???