อันนี้เป็นกระทู้แรกของผมเลยครับ คืออยากรู้ความเห็นในมุมอื่นมานานละ แต่ผมยังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย ไม่ว่าเพื่อนหรือครอบครัว เลยคิดมาลองตั้งกระทู้ในพันทิปดีกว่า สมัครทิ้งไว้นานละไม่เคยใช้ ถ้าผมแทคผิดๆถูกๆ ขออภัยนะครับ
เกริ่นนำเลยนะครับ ตอนนี้ผมอายุ 21 กำลังจะจบป.ตรี พื้นหลังที่บ้านผมก็เป็นครอบครัวธรรมดาๆ มีพ่อแม่ ป้า ผม แล้วก็น้องสาว พ่อแม่รักกัน มีทะเลาะกันบ้าง พ่อเปิดบริษัทเล็กๆ ซึ่งก็อยู่ในช่วงเหมือนเรื่อยๆ-ขาลง พออยู่ได้ มีรายได้บ้าง ส่วนผมในวัยเด็กก็เป็นเด็กเงียบๆ(ตอนนี้ก็เป็น :c ) มีปัญหาเข้าสังคมกะเพื่อน โดนแกล้งบ้าง แต่ผมก็ลืมๆไปหมดละ ตอนนี้ก็พอเข้าสังคมได้ปกติ มีเพื่อนที่พอสนิทอยู่ ไปเที่ยวบ้าง เฮฮาบ้าง โสดยังไม่เคยมีแฟน (T-T) รวมๆคือชีวิตผมก็ปกติสุขดี มีปัญหากะเพื่อนบ้าง ที่บ้านบ้าง เป็นครั้งคราว แต่ไม่มีอะไรแบบคอขาดบาดตาย
ผมเริ่มมีความคิดแนวๆนี้แวบเข้ามาในหัวประมาณช่วงจบปี 3-ขึ้นปี 4 ประมาณว่า ชีวิตก็แค่นี้สินะ ต่อไปจบก็ทำงาน ทำงาน และก็ทำงานไปเรื่อยๆ ชีวิตถูกกำหนดให้เกิดมาเพื่อทำงานโดยมีเงินเป็นตัวล่อ เป็นฟันเฟื่องตัวนึงในสังคม อีกตั้ง 40 ปี อายุ 60 เกษียนแล้วเอาตังที่เก็บไว้มาใช้ ถ้ามีเยอะก็สบายหน่อย แค่รอวันตาย ถ้าดันไม่มีเก็บก็ต้องทำงานต่อจนกว่าจะตาย แล้วถ้าดันเกิดไรขึ้นตายก่อนเกษียนที่เก็บมาจะไว้ใช้ก็สูญเปล่าไม่ได้ใช้หาความสุข เป็นมรดกให้คนอื่นแทน เพราะผมไม่คิดอยากจะมีลูกอยู่แล้วด้วยเหตุผลที่ว่า
1. จากที่ผมดูตัวเอง จากนิสัยชอบเป็นอิสระไม่ชอบมีภาระแล้วก็ชอบอยู่คนเดียว หาเมียไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดโชคดีมีเมียแล้วมีลูกก็เหมือนมีภาระที่ต้องเลี้ยงดู ส่งเสียเค้าไปตลอดชีวิต ซึ่งผมไม่เอาแน่ๆ เพราะผมก็กลัวว่าจะเลี้ยงดูเค้าได้ไม่ดีด้วย
2. ให้ลูกเกิดมาในยุคที่ประชากรเกือบล้นโลก มีแต่การแข่งขันกันเพื่อแย่งกันอยู่ โลกความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่านี้ ทุกวันมีแต่ข่าวที่แสดงถึงนิสัยของมนุษย์ รัก โลภ โกรธ หลง (ผมรู้ว่าสมัยที่เราอยู่กันนี้เป็นสมัยที่ดีกว่าในอดีตที่มีแต่สงคราม ความไม่เท่าเทียม ความอดอยาก โรคภัยต่างๆและสารพัดปัญหาที่มี มาก แต่ทุกวันนี้ผมก็พยายามหาคำตอบที่ว่า "ผมเกิดมาเพื่ออะไร" แต่ผมก็ยังหาไม่เจอซักทีและบางครั้งผมก็คิดว่าผมจะมีตัวตนอยู่เพื่ออะไร แล้วถ้าลูกผมเกิดมาแล้วเค้าคิดเหมือนผม เค้าก็คงคิดไม่อยากให้เค้ามีตัวตนมาตั้งแต่แรกเหมือนผมแน่นอน)
3. แน่นอนครับ เงิน ทุกวันนี้ใครวางแผนจะมีลูกก็ต้องมีเงินอย่างน้อยเป็นล้านแล้ว ไหนจะค่าเลี้ยงดู ค่าเทอมลูก ค่าความสุขที่ลูกอยากได้ อื่นๆอีกมากมาย
จนผมก็สงสัยว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า เพราะบวกกับบางครั้งก็รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ มีความรู้สึกอยากตาย เซ็งชีวิต ไม่มีแฟน ชอบเก็บตัวทำกิจกรรมที่ทำคนเดียวอย่างเล่มเกม ดูซีรีย์ เลยตัดสินใจโทรไปสายด่วนสุขภาพจิต ผลออกมานักจิตวิทยาบอกว่าไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แค่อาการเศร้าธรรมดา เดี๋ยวมาบ้าง หายบ้าง
จนอยู่ๆผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เห้ย จะอยู่เพื่อทำงานไปทำไมถึงอายุ 60 แล้วก็เกษียนเอาตังที่เก็บไว้มาใช้ ในเมื่อไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ อาจจะตายก่อนได้ใช้เงินก็ได้ใครจะรู้ อยู่ทำงานถึงแค่อายุ อาจจะ 30-40 พอ แล้วอยู่เพื่อ "ใช้ชีวิต" อีกแค่ 5 ปี อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เป็นอิสระ มีชีวิตที่มี "ความสุข" เมื่อเงินที่เก็บไว้หมดหรือถึงเวลาก็หาทางตาย ซึ่งอันนี้ผมก็ยังไม่รู้ แล้วผมจึงเริ่มวางแผนว่าจะทำงานเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 1,500,000 ถึง 2,000,000 ซึ่งจะช้าหรือเร็วก็ยังไม่รู้ เพื่อให้มีเงินเดือนใช้อย่างน้อยเดือนละ 20,000-30,000 เป็นเวลา 5 ปี และมีเงินสำรองฉุกเฉินด้วยอย่างน้อยก็ 200,000 โดย 20,000 ต่อเดือนนี่ผมคิดไว้แล้วว่าน่าจะพอ(มั้ง) เพราะผมไม่ได้ชอบไปเที่ยวอะไรอยู่แล้ว ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน ทำให้ต่อเดือนผมอาจใช้ไม่ถึง 20,000 ด้วยซ้ำ
- ค่าน้ำ ไฟ เน็ต คิดไว้เลย 5,000
- ค่ากินคิดซักว่ามื้อละ 100 ก็วันละ 300 เดือนนึงก็ตก 9,000
- ค่าอื่นๆ จิปาถะ เช่น ค่าเดินทางเผื่อออกข้างนอกไปทำธุระ ค่าซื้อความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น ขึ้นอยู่แต่ละเดือน ซึ่งผมเป็นคนไม่ใช้เยอะอยู่แล้วก็ตกประมาณ 4,000-6,000
อันนี้เป็นแค่ความคิดเท่านั้นนะครับ เพราะแน่นอนแผนมันคงไม่ได้เป็นจริงเสมอไป อาจเกิดผิดพลาด ลืมคำนวณจุดนี้ไป อะไรอย่างงี้ โดยเฉพาะถ้าถึงตอนนั้นถ้าพ่อแม่ผมยังอยู่ ผมคงไม่อยากฆ่าตัวตายก่อนพวกท่านให้พวกท่านเสียใจแน่ ที่ผมยังอยู่ทุกวันนี้ผมก็อยู่เพื่อครอบครัวนี่และครับ ไม่อยากให้พวกท่านเสียใจ อยากให้ภูมิใจที่รู้ว่ามีลูกเป็นคนดี สามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ โดยไม่เดือดร้อนใคร สามารถพึ่งพาได้ แต่ตอนนี้ผมก็ได้ทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะกับดวงตาให้กับสภากาชาดไทยแล้วครับ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้บริจาคให้กับคนที่อยากมีชีวิตอยู่
ผมก็น้อมรับความเห็นทุกคนนะครับ อาจจะตำหนิ ด่า อย่างไรก็ได้นะครับ เพราะอยากเห็นความเห็นจากหลายๆมุมมอง ขอบคุณครับ
ผิดไหมครับที่ผมวางแผนที่จะตายตอนอายุ40ปี+
เกริ่นนำเลยนะครับ ตอนนี้ผมอายุ 21 กำลังจะจบป.ตรี พื้นหลังที่บ้านผมก็เป็นครอบครัวธรรมดาๆ มีพ่อแม่ ป้า ผม แล้วก็น้องสาว พ่อแม่รักกัน มีทะเลาะกันบ้าง พ่อเปิดบริษัทเล็กๆ ซึ่งก็อยู่ในช่วงเหมือนเรื่อยๆ-ขาลง พออยู่ได้ มีรายได้บ้าง ส่วนผมในวัยเด็กก็เป็นเด็กเงียบๆ(ตอนนี้ก็เป็น :c ) มีปัญหาเข้าสังคมกะเพื่อน โดนแกล้งบ้าง แต่ผมก็ลืมๆไปหมดละ ตอนนี้ก็พอเข้าสังคมได้ปกติ มีเพื่อนที่พอสนิทอยู่ ไปเที่ยวบ้าง เฮฮาบ้าง โสดยังไม่เคยมีแฟน (T-T) รวมๆคือชีวิตผมก็ปกติสุขดี มีปัญหากะเพื่อนบ้าง ที่บ้านบ้าง เป็นครั้งคราว แต่ไม่มีอะไรแบบคอขาดบาดตาย
ผมเริ่มมีความคิดแนวๆนี้แวบเข้ามาในหัวประมาณช่วงจบปี 3-ขึ้นปี 4 ประมาณว่า ชีวิตก็แค่นี้สินะ ต่อไปจบก็ทำงาน ทำงาน และก็ทำงานไปเรื่อยๆ ชีวิตถูกกำหนดให้เกิดมาเพื่อทำงานโดยมีเงินเป็นตัวล่อ เป็นฟันเฟื่องตัวนึงในสังคม อีกตั้ง 40 ปี อายุ 60 เกษียนแล้วเอาตังที่เก็บไว้มาใช้ ถ้ามีเยอะก็สบายหน่อย แค่รอวันตาย ถ้าดันไม่มีเก็บก็ต้องทำงานต่อจนกว่าจะตาย แล้วถ้าดันเกิดไรขึ้นตายก่อนเกษียนที่เก็บมาจะไว้ใช้ก็สูญเปล่าไม่ได้ใช้หาความสุข เป็นมรดกให้คนอื่นแทน เพราะผมไม่คิดอยากจะมีลูกอยู่แล้วด้วยเหตุผลที่ว่า
1. จากที่ผมดูตัวเอง จากนิสัยชอบเป็นอิสระไม่ชอบมีภาระแล้วก็ชอบอยู่คนเดียว หาเมียไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดโชคดีมีเมียแล้วมีลูกก็เหมือนมีภาระที่ต้องเลี้ยงดู ส่งเสียเค้าไปตลอดชีวิต ซึ่งผมไม่เอาแน่ๆ เพราะผมก็กลัวว่าจะเลี้ยงดูเค้าได้ไม่ดีด้วย
2. ให้ลูกเกิดมาในยุคที่ประชากรเกือบล้นโลก มีแต่การแข่งขันกันเพื่อแย่งกันอยู่ โลกความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่านี้ ทุกวันมีแต่ข่าวที่แสดงถึงนิสัยของมนุษย์ รัก โลภ โกรธ หลง (ผมรู้ว่าสมัยที่เราอยู่กันนี้เป็นสมัยที่ดีกว่าในอดีตที่มีแต่สงคราม ความไม่เท่าเทียม ความอดอยาก โรคภัยต่างๆและสารพัดปัญหาที่มี มาก แต่ทุกวันนี้ผมก็พยายามหาคำตอบที่ว่า "ผมเกิดมาเพื่ออะไร" แต่ผมก็ยังหาไม่เจอซักทีและบางครั้งผมก็คิดว่าผมจะมีตัวตนอยู่เพื่ออะไร แล้วถ้าลูกผมเกิดมาแล้วเค้าคิดเหมือนผม เค้าก็คงคิดไม่อยากให้เค้ามีตัวตนมาตั้งแต่แรกเหมือนผมแน่นอน)
3. แน่นอนครับ เงิน ทุกวันนี้ใครวางแผนจะมีลูกก็ต้องมีเงินอย่างน้อยเป็นล้านแล้ว ไหนจะค่าเลี้ยงดู ค่าเทอมลูก ค่าความสุขที่ลูกอยากได้ อื่นๆอีกมากมาย
จนผมก็สงสัยว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า เพราะบวกกับบางครั้งก็รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ มีความรู้สึกอยากตาย เซ็งชีวิต ไม่มีแฟน ชอบเก็บตัวทำกิจกรรมที่ทำคนเดียวอย่างเล่มเกม ดูซีรีย์ เลยตัดสินใจโทรไปสายด่วนสุขภาพจิต ผลออกมานักจิตวิทยาบอกว่าไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แค่อาการเศร้าธรรมดา เดี๋ยวมาบ้าง หายบ้าง
จนอยู่ๆผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เห้ย จะอยู่เพื่อทำงานไปทำไมถึงอายุ 60 แล้วก็เกษียนเอาตังที่เก็บไว้มาใช้ ในเมื่อไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ อาจจะตายก่อนได้ใช้เงินก็ได้ใครจะรู้ อยู่ทำงานถึงแค่อายุ อาจจะ 30-40 พอ แล้วอยู่เพื่อ "ใช้ชีวิต" อีกแค่ 5 ปี อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เป็นอิสระ มีชีวิตที่มี "ความสุข" เมื่อเงินที่เก็บไว้หมดหรือถึงเวลาก็หาทางตาย ซึ่งอันนี้ผมก็ยังไม่รู้ แล้วผมจึงเริ่มวางแผนว่าจะทำงานเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 1,500,000 ถึง 2,000,000 ซึ่งจะช้าหรือเร็วก็ยังไม่รู้ เพื่อให้มีเงินเดือนใช้อย่างน้อยเดือนละ 20,000-30,000 เป็นเวลา 5 ปี และมีเงินสำรองฉุกเฉินด้วยอย่างน้อยก็ 200,000 โดย 20,000 ต่อเดือนนี่ผมคิดไว้แล้วว่าน่าจะพอ(มั้ง) เพราะผมไม่ได้ชอบไปเที่ยวอะไรอยู่แล้ว ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน ทำให้ต่อเดือนผมอาจใช้ไม่ถึง 20,000 ด้วยซ้ำ
- ค่าน้ำ ไฟ เน็ต คิดไว้เลย 5,000
- ค่ากินคิดซักว่ามื้อละ 100 ก็วันละ 300 เดือนนึงก็ตก 9,000
- ค่าอื่นๆ จิปาถะ เช่น ค่าเดินทางเผื่อออกข้างนอกไปทำธุระ ค่าซื้อความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น ขึ้นอยู่แต่ละเดือน ซึ่งผมเป็นคนไม่ใช้เยอะอยู่แล้วก็ตกประมาณ 4,000-6,000
อันนี้เป็นแค่ความคิดเท่านั้นนะครับ เพราะแน่นอนแผนมันคงไม่ได้เป็นจริงเสมอไป อาจเกิดผิดพลาด ลืมคำนวณจุดนี้ไป อะไรอย่างงี้ โดยเฉพาะถ้าถึงตอนนั้นถ้าพ่อแม่ผมยังอยู่ ผมคงไม่อยากฆ่าตัวตายก่อนพวกท่านให้พวกท่านเสียใจแน่ ที่ผมยังอยู่ทุกวันนี้ผมก็อยู่เพื่อครอบครัวนี่และครับ ไม่อยากให้พวกท่านเสียใจ อยากให้ภูมิใจที่รู้ว่ามีลูกเป็นคนดี สามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ โดยไม่เดือดร้อนใคร สามารถพึ่งพาได้ แต่ตอนนี้ผมก็ได้ทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะกับดวงตาให้กับสภากาชาดไทยแล้วครับ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้บริจาคให้กับคนที่อยากมีชีวิตอยู่
ผมก็น้อมรับความเห็นทุกคนนะครับ อาจจะตำหนิ ด่า อย่างไรก็ได้นะครับ เพราะอยากเห็นความเห็นจากหลายๆมุมมอง ขอบคุณครับ