ข่าวน่าสนใจจากเกาหลีใต้ เมื่อเดือนกุมภาของปีนี้ เกิดเหตุสลดที่เกาหลีใต้
เริ่มต้นจาก ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ น้องชื่อคิมฮานึล
พ่อแม่ของน้องแจ้งตำรวจในเย็นวันนั้นว่า น้องไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าน้องหายไปไหน โดยปรกติน้องจะต้องขึ้นรถโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษต่อ แต่คนขับรถโรงเรียน เห็นว่าน้องไม่มาขึ้นรถ หลังรอไปสิบนาที คนขับรถเห็นว่าผิดปรกติ จึงรีบแจ้งครูในโรงเรียน ครูจึงรีบแจ้งพ่อแม่เด็กและแจ้งตำรวจ
ตำรวจเมื่อได้รับแจ้ง ก็รีบออกตามหาตัวน้อง โดยเริ่มค้นหาจากบริเวณโรงเรียนและพื้นที่รอบๆ จนสุดท้ายไปพบร่างน้องในโรงเรียนที่น้องเรียน น้องนอนจมกองเลือด บนร่างมีแผลถูกแทงหลายจุด
ข้างๆร่างน้อง มีครูคนนึง นอนจมกองเลือดอยู่เช่นกัน ครูคนนั้นชื่อว่า มยอง แจวาน อายุ 40 ปี มีแผลถูกแทงบนร่าง
ตำรวจรีบพาทั้งสองคนส่งโรงพยาบาล แต่น้องคิมฮานึล สิ้นใจที่ รพ
ส่วนครู มยองแจวาน ถูกตำรวจควบคุมตัวเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมน้องคิมฮานึล และเธอก็สารภาพว่าเป็นคนทำจริงๆ
เมื่อตำรวจทำการสอบสวนก็พบว่า ครู มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมาหลายปี และเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนตั้งแต่ปี 2018
ช่วงปลายปี 2024 เธอไปปรึกษาหมอ บอกว่าเธอน่าจะป่วยซึมเศร้า ขอลางานหกเดือน แต่หมอบอกว่าเธอยังสามารถทำงานได้ ให้ทำงานต่อไป
สุดท้าย มยองแจวาน ก็กลับมาทำงานต่อที่โรงเรียน สอนเด็กๆต่อไป
โดยระหว่างนั้นเธอมีความคิดเรื่อง ฆตต แว่บเข้าหัวเป็นพักๆ
และไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ เธอมีอาการรุนแรงขึ้น มีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะกับครูอีกคนถึงขั้นลงมือลงไม้กัน
ทำให้มีการร้องเรียนไปที่กระทรวงศึกษา และมีการส่ง จนท สองคนมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ ทาง จนท ได้แนะนำให้ทางโรงเรียนอนุญาตให้เธอลาหยุดงานไปก่อนตั้งแต่ธันวา 2024 และเธอก็หยุดการทำหน้าที่ครูนับตั้งแต่วันนั้น
จนถึงวันที่เกิดเหตุ เธอเล่าให้ตำรวจฟังว่า วันนั้นเธอไปซื้อมีด และตั้งใจจะไปก่อเหตุที่ รร เหยื่อจะเป็นใครก็ได้ เธอขอแค่อยากฆ่าเหยื่อแบบสุ่มๆ จากนั้นเธอก็ตั้งใจว่าจะตายตามไป พอเธอไปถึงโรงเรียน เธอเห็น คิมฮานึล จึงเลือกเธอเป็นเหยื่อ ล่อลวงเด็กเข้าไปในห้องโสตทัศนูปกรณ์ ลงมือสังหารเธอ แล้วเอามีดแทงตัวเอง แต่สุดท้ายเหยื่อเสียชีวิต แต่ตัวคนร้ายเองกลับรอดมาได้
เมื่อตำรวจไปค้นห้อง ตรวจสอบข้อมูลในมือถือและคอมพ์ของเธอ ก็พบว่ามีการวางแผนล่วงหน้า มีทั้งการหาข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธและรูปแบบการก่อเหตุฆาตกรรม
ทางตำรวจส่งพยานหลักฐานให้อัยการฟ้องเธอในข้อหาฆาตกรรม
มยองแจวาน ให้การสารภาพทุกข้อกล่าวหา แต่ยื่นคำร้องขอให้ศาลประเมินสภาพจิต เพราะต้องการลดโทษ จาก ปห เหลือแค่จำคุกตลอดชีวิต
มยองแจวาน ได้เขียนจดหมายขอโทษส่งไปถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต กว่า 86 ฉบับ เพื่อขอให้ครอบครัวของผู้ตายยกโทษให้ตน
แต่อัยการมองว่า นางน่าจะไม่ได้สำนึกผิดจริงๆ ถ้าสำนึกผิดจริงๆจะสู้คดีขอให้ศาลลดโทษให้ทำไม และการที่นางอ้างว่าทำไปเพราะอาการป่วยทางจิต อัยการบอกว่าฟังไม่ขึ้น เพราะจากพยานหลักฐาน มีการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี
มีอาจารย์แพทย์ชื่อดังที่เกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า การก่อเหตุนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า เพราะปรกติแล้ว คนที่ป่วยโรคนี้มักไม่ค่อยมีพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าวต่อผู้อื่น แต่จะเป็นการกระทำต่อตัวเองมากกว่า
อีกทั้งพฤติกรรมของคนร้าย ในการเลือกเหยื่อที่อ่อนแอ แสดงให้เห็นว่าคนร้ายต้องการแสดงความมีอำนาจเหนือเหยื่อ และคนร้ายยังมีการวางแผนและเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี ทำให้ทั้งแพทย์ ตำรวจ อัยการ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่ซื้อข้ออ้างของ มยองแจวาน ที่อ้างว่าทำไปเพราะอาการป่วยทางจิต
จากเหตุการณ์นี้ทำให้สังคมเกาหลีใต้ตื่นตัว และเรียกร้องให้มีการเพิ่มความปลอดภัยในโรงเรียน ขอให้มีการตรวจสุขภาพจิตของครูเป็นประจำ ไม่ให้คนที่ควรจะปกป้องเด็ก กลับกลายเป็นคนทำร้ายเด็กเสียเอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ เสนอให้ออกกฏหมาย พรบ.คิมฮานึล ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพจิตของครูอย่างสม่ำเสมอ และกำหนดให้ทางโรงเรียน ต้องยอมให้ครูลาหยุดไปรักษาอาการทางจิต ไม่ใช่ให้ทู่ซี้ทำงานต่อไปจนอาการหนักสุดๆแล้ว
คดีนี้ศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 ตุลา ที่จะถึงนี้
ภาพซ้ายคือ มยอง แจวาน ตอนเริ่มเข้าทำงานใหม่ๆ ก่อนจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ภาพขวา คือภาพถ่ายผู้ต้องหาหลังถูกจับกุม
เครดิต Drama addict
ข่าวน่าเศร้า ครูป่วยจิตฆ่านักเรียนเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ
เริ่มต้นจาก ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ น้องชื่อคิมฮานึล
พ่อแม่ของน้องแจ้งตำรวจในเย็นวันนั้นว่า น้องไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าน้องหายไปไหน โดยปรกติน้องจะต้องขึ้นรถโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษต่อ แต่คนขับรถโรงเรียน เห็นว่าน้องไม่มาขึ้นรถ หลังรอไปสิบนาที คนขับรถเห็นว่าผิดปรกติ จึงรีบแจ้งครูในโรงเรียน ครูจึงรีบแจ้งพ่อแม่เด็กและแจ้งตำรวจ
ตำรวจเมื่อได้รับแจ้ง ก็รีบออกตามหาตัวน้อง โดยเริ่มค้นหาจากบริเวณโรงเรียนและพื้นที่รอบๆ จนสุดท้ายไปพบร่างน้องในโรงเรียนที่น้องเรียน น้องนอนจมกองเลือด บนร่างมีแผลถูกแทงหลายจุด
ข้างๆร่างน้อง มีครูคนนึง นอนจมกองเลือดอยู่เช่นกัน ครูคนนั้นชื่อว่า มยอง แจวาน อายุ 40 ปี มีแผลถูกแทงบนร่าง
ตำรวจรีบพาทั้งสองคนส่งโรงพยาบาล แต่น้องคิมฮานึล สิ้นใจที่ รพ
ส่วนครู มยองแจวาน ถูกตำรวจควบคุมตัวเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมน้องคิมฮานึล และเธอก็สารภาพว่าเป็นคนทำจริงๆ
เมื่อตำรวจทำการสอบสวนก็พบว่า ครู มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมาหลายปี และเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนตั้งแต่ปี 2018
ช่วงปลายปี 2024 เธอไปปรึกษาหมอ บอกว่าเธอน่าจะป่วยซึมเศร้า ขอลางานหกเดือน แต่หมอบอกว่าเธอยังสามารถทำงานได้ ให้ทำงานต่อไป
สุดท้าย มยองแจวาน ก็กลับมาทำงานต่อที่โรงเรียน สอนเด็กๆต่อไป
โดยระหว่างนั้นเธอมีความคิดเรื่อง ฆตต แว่บเข้าหัวเป็นพักๆ
และไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ เธอมีอาการรุนแรงขึ้น มีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะกับครูอีกคนถึงขั้นลงมือลงไม้กัน
ทำให้มีการร้องเรียนไปที่กระทรวงศึกษา และมีการส่ง จนท สองคนมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ ทาง จนท ได้แนะนำให้ทางโรงเรียนอนุญาตให้เธอลาหยุดงานไปก่อนตั้งแต่ธันวา 2024 และเธอก็หยุดการทำหน้าที่ครูนับตั้งแต่วันนั้น
จนถึงวันที่เกิดเหตุ เธอเล่าให้ตำรวจฟังว่า วันนั้นเธอไปซื้อมีด และตั้งใจจะไปก่อเหตุที่ รร เหยื่อจะเป็นใครก็ได้ เธอขอแค่อยากฆ่าเหยื่อแบบสุ่มๆ จากนั้นเธอก็ตั้งใจว่าจะตายตามไป พอเธอไปถึงโรงเรียน เธอเห็น คิมฮานึล จึงเลือกเธอเป็นเหยื่อ ล่อลวงเด็กเข้าไปในห้องโสตทัศนูปกรณ์ ลงมือสังหารเธอ แล้วเอามีดแทงตัวเอง แต่สุดท้ายเหยื่อเสียชีวิต แต่ตัวคนร้ายเองกลับรอดมาได้
เมื่อตำรวจไปค้นห้อง ตรวจสอบข้อมูลในมือถือและคอมพ์ของเธอ ก็พบว่ามีการวางแผนล่วงหน้า มีทั้งการหาข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธและรูปแบบการก่อเหตุฆาตกรรม
ทางตำรวจส่งพยานหลักฐานให้อัยการฟ้องเธอในข้อหาฆาตกรรม
มยองแจวาน ให้การสารภาพทุกข้อกล่าวหา แต่ยื่นคำร้องขอให้ศาลประเมินสภาพจิต เพราะต้องการลดโทษ จาก ปห เหลือแค่จำคุกตลอดชีวิต
มยองแจวาน ได้เขียนจดหมายขอโทษส่งไปถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต กว่า 86 ฉบับ เพื่อขอให้ครอบครัวของผู้ตายยกโทษให้ตน
แต่อัยการมองว่า นางน่าจะไม่ได้สำนึกผิดจริงๆ ถ้าสำนึกผิดจริงๆจะสู้คดีขอให้ศาลลดโทษให้ทำไม และการที่นางอ้างว่าทำไปเพราะอาการป่วยทางจิต อัยการบอกว่าฟังไม่ขึ้น เพราะจากพยานหลักฐาน มีการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี
มีอาจารย์แพทย์ชื่อดังที่เกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า การก่อเหตุนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า เพราะปรกติแล้ว คนที่ป่วยโรคนี้มักไม่ค่อยมีพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าวต่อผู้อื่น แต่จะเป็นการกระทำต่อตัวเองมากกว่า
อีกทั้งพฤติกรรมของคนร้าย ในการเลือกเหยื่อที่อ่อนแอ แสดงให้เห็นว่าคนร้ายต้องการแสดงความมีอำนาจเหนือเหยื่อ และคนร้ายยังมีการวางแผนและเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี ทำให้ทั้งแพทย์ ตำรวจ อัยการ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่ซื้อข้ออ้างของ มยองแจวาน ที่อ้างว่าทำไปเพราะอาการป่วยทางจิต
จากเหตุการณ์นี้ทำให้สังคมเกาหลีใต้ตื่นตัว และเรียกร้องให้มีการเพิ่มความปลอดภัยในโรงเรียน ขอให้มีการตรวจสุขภาพจิตของครูเป็นประจำ ไม่ให้คนที่ควรจะปกป้องเด็ก กลับกลายเป็นคนทำร้ายเด็กเสียเอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ เสนอให้ออกกฏหมาย พรบ.คิมฮานึล ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพจิตของครูอย่างสม่ำเสมอ และกำหนดให้ทางโรงเรียน ต้องยอมให้ครูลาหยุดไปรักษาอาการทางจิต ไม่ใช่ให้ทู่ซี้ทำงานต่อไปจนอาการหนักสุดๆแล้ว
คดีนี้ศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 ตุลา ที่จะถึงนี้
ภาพซ้ายคือ มยอง แจวาน ตอนเริ่มเข้าทำงานใหม่ๆ ก่อนจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ภาพขวา คือภาพถ่ายผู้ต้องหาหลังถูกจับกุม
เครดิต Drama addict