อาการต้องสงสัย?…โรคข้อสะโพกเสื่อม

โดยทั่วไปโรคข้อสะโพกเสื่อมมักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เกิดจากการที่ผิวข้อสะโพก เริ่มสึกหรอตามวัย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อสะโพกลดน้อยลงกระดูกอ่อนข้อสะโพกบางลง
แต่ในปัจจุบันพบว่าวัยกลางคนเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมกันมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดสะโพกเรื้อรัง เวลาลุกนั่งจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน, สูบบุหรี่ และได้รับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางคนมีประวัติเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มีการบาดเจ็บบริเวณข้อสะโพกมาก่อน รวมถึงประวัติการติดเชื้อในข้อสะโพก ก็สามารถทำให้เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมได้เช่นกันครับ

เช็คสักนิดว่ามีอาการดังต่อไปนี้หรือเปล่า?
* ปวดรอบๆ ข้อสะโพก
* ปวดช่วงขาหนีบ
* รู้สึกข้อสะโพกขัดในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน
* มีเสียงภายในข้อสะโพก
* ข้อสะโพกติดขัด
ใครที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นอย่านิ่งนอนใจ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวิฉิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษา ที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไปครับ
การรักษาโรคข้อสะโพกเสื่อมมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการปวด ป้องกันการยึดติดและเพิ่มสมรรถภาพการใช้งาน การรักษาโรคข้อสะโพกเสื่อมมีทั้งการรักษาโดยไม่ผ่าตัดด้วยวิธีพักการใช้งานข้อสะโพก ทำกายภาพตามโปรแกรมแบบเบาๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของข้อสะโพก ทานยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่มีสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด ในคนที่มีน้ำหนักตัวมากควรลดน้ำหนัก และการรักษาโดยการผ่าตัด หากข้อสะโพกเสื่อมมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มเจ็บข้อสะโพกแม้พักอยู่เฉยๆในตอนกลางคืน หรือข้อสะโพกผิดรูปอย่างมาก แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแทนข้อสะโพกเดิม ซึ่งจะรักษาความเจ็บปวดและช่วยพัฒนาการเดินได้ดี
** ภายหลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรทำกายภาพบำบัด เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของข้อสะโพก และกล้ามเนื้อให้กลับมาใช้งานได้ตามปกตินะครับ
อาการต้องสงสัย?…โรคข้อสะโพกเสื่อม
โดยทั่วไปโรคข้อสะโพกเสื่อมมักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เกิดจากการที่ผิวข้อสะโพก เริ่มสึกหรอตามวัย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อสะโพกลดน้อยลงกระดูกอ่อนข้อสะโพกบางลง
แต่ในปัจจุบันพบว่าวัยกลางคนเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมกันมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดสะโพกเรื้อรัง เวลาลุกนั่งจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน, สูบบุหรี่ และได้รับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางคนมีประวัติเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มีการบาดเจ็บบริเวณข้อสะโพกมาก่อน รวมถึงประวัติการติดเชื้อในข้อสะโพก ก็สามารถทำให้เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมได้เช่นกันครับ
เช็คสักนิดว่ามีอาการดังต่อไปนี้หรือเปล่า?
* ปวดรอบๆ ข้อสะโพก
* ปวดช่วงขาหนีบ
* รู้สึกข้อสะโพกขัดในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน
* มีเสียงภายในข้อสะโพก
* ข้อสะโพกติดขัด
ใครที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นอย่านิ่งนอนใจ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวิฉิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษา ที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไปครับ
การรักษาโรคข้อสะโพกเสื่อมมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการปวด ป้องกันการยึดติดและเพิ่มสมรรถภาพการใช้งาน การรักษาโรคข้อสะโพกเสื่อมมีทั้งการรักษาโดยไม่ผ่าตัดด้วยวิธีพักการใช้งานข้อสะโพก ทำกายภาพตามโปรแกรมแบบเบาๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของข้อสะโพก ทานยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่มีสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด ในคนที่มีน้ำหนักตัวมากควรลดน้ำหนัก และการรักษาโดยการผ่าตัด หากข้อสะโพกเสื่อมมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มเจ็บข้อสะโพกแม้พักอยู่เฉยๆในตอนกลางคืน หรือข้อสะโพกผิดรูปอย่างมาก แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแทนข้อสะโพกเดิม ซึ่งจะรักษาความเจ็บปวดและช่วยพัฒนาการเดินได้ดี
** ภายหลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรทำกายภาพบำบัด เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของข้อสะโพก และกล้ามเนื้อให้กลับมาใช้งานได้ตามปกตินะครับ