การคาดการณ์อนาคตนั้น สมองของพวกเราทำงานแยกส่วนกันไป

เมื่อคุณกำลังเหยียบคันเร่งก่อนที่จะเปลี่ยนสีไฟจะเปลี่ยน หรือตอนที่คุณตบเท้าเป็นจังหวะก่อนที่จะเล่นตามโน้ตเปียโนนั้น มันก็เกิดการคาดการณ์ในแต่ละช่วงเวลา  
เหตุการณ์หนึ่งก็ต้องพึ่งพาความทรงจำที่ได้รับจากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา อีกเหตุการณ์หนึ่งก็เป็นเรื่องจังหวะดนตรีที่ได้รับ โดยมาจากความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะกับการรับความสุขที่อยู่บนโลกใบนี้  
งานวิจัยได้อธิบายถึงเครือข่ายระบบประสาทที่ส่งเสริมการบันทึกเวลาจากการทำงานของสมอง 2 ส่วนด้วยกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ในแต่ละช่วงเวลา
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา,ดนตรี,การพูดหรืออื่นๆ งานวิจัยของพวกเราก็ชี้ว่า การเลือกเวลาไม่ได้มีกระบวนการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มันมีการแยกบทบาททำงานที่พวกเราเองก็คาดการณ์ได้และก็ขึ้นอยู๋กับการทำงานของสมองแต่ละส่วน” กล่าวโดย Assaf Breska  
“ระบบสมองต่างๆเหล่านี้มันไม่ให้พวกเรารับรู้ถึงกระบวนการทำงานของพวกมัน แต่เช่นกันมันก็ช่วยให้เราคาดการณ์อนาคตได้” กล่าวโดย Richard Ivry  
ทั้ง Breska กับ Ivry ต่างศึกษาการคาดการณ์การเลือกเวลาตัดสินใจกับคนที่ป่วยเป็นพากินสันและคนที่มีสมองน้อยเสื่อมถอย  
พวกเขาดูการเชื่อมโยงจังหวะเวลาในส่วนของปมประสาทกับการคาดการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยยึดหลักจากความทรงจำที่ได้รับจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่มีผลต่อสมองน้อย โดยทั้งสองส่วนนี้ก็มาจากทำงานสมองส่วนพื้นฐานทั้งการเคลื่อนไหวกับการหยั่งรู้  
นอกจากนั้นแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ว่า การทำงานของระบบประสาทไม่ได้ชี้วัดถึงการคาดการณ์ที่เกิดขึ้นตามมา โดยจะต้องมาดูทฤษฎีในส่วนต่อไป  
“งานวิจัยของพวกเราชี้ว่า ไม่เพียงแค่จะระบุถึงการคาดการณ์ในแต่ละสภาพแวดล้อมของคนไข้ในทางประสาทวิทยาที่อ่อนด้อยลงเท่านั้น แต่สภาพแวดล้อมต่างๆที่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาชี้ให้เห็นว่า พวกเราจะต้องทำการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กับพวกเขาให้เป็นเรื่องง่ายต่อการปรับตัวเข้ากับโลกตามอาการโรคที่พวกเขาเป็นอยู่” Breska กล่าว  
ไม่มียาชนิดไหนช่วยเยียวยาในส่วนของการควบคุมระบบประสาทให้มีความสมดุลขึ้นมา รวมไปถึงการเล่นเกมคอมพิวเตอร์กับสมาท์โฟน การกระตุ้นสมองเชิงลึกและการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เขากล่าว  
ในการที่จะตั้งข้อสรุปนั้น Breska กับ Ivry ก็ได้ทำการเปรียบเทียบคนที่เป็นโรคพากินสันกับสมองน้อยเสื่อมถอยของคนไข้โดยมีเรื่องของการเลือกเวลาตัดสินใจหรือการให้พวกเขาโฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน  
คนไข้ทั้งสองกลุ่มก็ทำการแบบทดสอบโดยให้มองเห็นภาพแสดงจังหวะเป็นสีแดง ขาวและเขียว และคนที่มีภาวะสมองน้อยเสื่อมก็จะตอบสนองต่อจังหวะได้ดีกว่า  
ในกรณีอื่นๆนั้น สีที่แสดงก็จะเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น พร้อมกับดูความแตกต่างช่วงเวลาการตัดสินใจระหว่างแดงกับเขียว จึงเป็นเรื่องง่ายที่คนไข้พากินสันคาดการณ์ได้ง่ายและก็ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี  
“พวกเราอธิบายได้ว่า คนไข้ที่เป็นภาวะสมองน้อยเสื่อมถอยนั้นขาดความสามารถในเรื่องของการจับจังหวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่คนไข้ที่มีปมประสาทฐานเสื่อมถอยอย่างพากินสันก็ขาดความสามารถในเรื่องความจำในการจับจังหวะ  
สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ว่า สมองมีแยกกลไกการทำงาน 2 ส่วนทั้งการเลือกเวลาตัดสินใจ โดยความท้าทายทางทฤษฎีต่างๆก็จะต้องมาดูการรับมือระบบการทำงานของสมองในการเลือกเวลาตัดสินใจตามที่พวกเราต้องการ นักวิจัยกล่าว  
“ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ว่า อย่างน้อยความแตกต่างในการทำงานของสมองก็ช่วยให้คาดการณ์อนาคตที่เกิดขึ้นได้” กล่าวโดย Breska  
“ระบบการจับจังหวะเป็นการใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือดนตรี” เขากล่าว “และระบบมันก็จะช่วยเพิ่มทักษะความสามารถในการคาดกาณณ์ได้ ทั้งประสาทสัมผัสไปจนถึงการรับรู้ภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจากจังหวะที่ได้รับ” 
ผู้แปล : Mr.lawrence10 
ที่มา : sciencedaily.com 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่