1. ใบมะขามอ่อนข้างบ้าน
พื้นที่โล่งที่ถัดจากบ้านของฉันไปสักสองหลังเป็นพื้นที่ที่กำลังถมดินเพื่อเตรียมปลูกบ้านใหม่ ต้นมะขามต้นใหญ่ติดกับรั้วของของพื้นที่นั้น ยืนต้นอยู่ตรงนั้นมานานตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก
“น่าเสียดายพิลึกถ้าคนสร้างบ้านใหม่เขาไม่เห็นค่า แล้วก็ตัดทิ้งไปนะ” คุณย่าว่า
“แต่มันไม่ออกฝักมาหลายปีแล้วนะคะ” ฉันบอก
“ไม่มีฝัก แต่ใบก็ยังกินได้นี่” คุณย่าแย้ง
วันนี้ฉันเลยไปยืนเขย่งเก็บยอดมะขามอ่อนจากกิ่งที่โน้มเลยรั้วออกมา ได้มากะละมังเล็กๆ แล้ววิ่งไปให้คุณย่าดู
“ตัวเตี้ย เลยได้มาแค่นี้ล่ะค่ะ” ฉันเกาหัวแกรกๆ หัวเราะแหะๆ
“เอาก็เอา” คุณย่าพยักหน้าเห็นด้วย (ว่าฉันเตี้ย) “หนูจะทำอะไรล่ะ”
“แกงคั่วไหมคะ” ฉันพูดขึ้นหลังจากค้นอินเตอร์เน็ตไปมาว่าใบมะขามอ่อนทำอะไรได้บ้าง
“เอ้า คนไม่ชอบแกงกะทิจะมาทำแกงคั่ว” คุณย่าขมวดคิ้วเอียงคอ
“มาๆ อย่างนี้ย่าต้องมาดูเองเสียหน่อย” ว่าแล้วคุณย่าก็ถกผ้าถุง ลุกเดินกระฉับกระเฉงจากเตียงมานั่งที่โต๊ะทานข้าว
ปีนี้คุณย่าอายุได้แปดสิบปลายๆแล้ว
หลายปีมานี้คุณย่าทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนอน ลุกมาทานข้าว ลุกมาคุยกับนก กับหมา เปิดทีวีดูลิเก แล้วก็กลับเข้าไปเอนหลัง หรือกลับไปงีบอีกหนตามภาษาของคุณย่า
อาการคนชราเริ่มแสดงให้เห็นมากขึ้นๆ
ฉันใจหายไม่น้อยทุกครั้งที่เห็นคุณย่าลุกจากเอนหลังตอนกลางวันมาตอน 5 โมงเย็น
แล้วทำท่าจะเดินไปหุงข้าว เพราะนึกว่าเป็นเช้ามืดตี 5
ถ้าการทำแกงคั่ววันนี้ทำให้คุณย่าน้ำเสียงสดใส ลุกดึงผ้าถุงเดินออกมาจากห้องได้แบบนี้ล่ะก็
จะให้ทานแกงกะทิอย่างที่ฉันไม่เคยนึกชอบไปสักอาทิตย์ ฉันก็ยอม
**ชวนคุณย่าเข้าครัว** แกงคั่วใบมะขามอ่อนใส่กุ้ง
พื้นที่โล่งที่ถัดจากบ้านของฉันไปสักสองหลังเป็นพื้นที่ที่กำลังถมดินเพื่อเตรียมปลูกบ้านใหม่ ต้นมะขามต้นใหญ่ติดกับรั้วของของพื้นที่นั้น ยืนต้นอยู่ตรงนั้นมานานตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก
“น่าเสียดายพิลึกถ้าคนสร้างบ้านใหม่เขาไม่เห็นค่า แล้วก็ตัดทิ้งไปนะ” คุณย่าว่า
“แต่มันไม่ออกฝักมาหลายปีแล้วนะคะ” ฉันบอก
“ไม่มีฝัก แต่ใบก็ยังกินได้นี่” คุณย่าแย้ง
วันนี้ฉันเลยไปยืนเขย่งเก็บยอดมะขามอ่อนจากกิ่งที่โน้มเลยรั้วออกมา ได้มากะละมังเล็กๆ แล้ววิ่งไปให้คุณย่าดู
“ตัวเตี้ย เลยได้มาแค่นี้ล่ะค่ะ” ฉันเกาหัวแกรกๆ หัวเราะแหะๆ
“เอาก็เอา” คุณย่าพยักหน้าเห็นด้วย (ว่าฉันเตี้ย) “หนูจะทำอะไรล่ะ”
“แกงคั่วไหมคะ” ฉันพูดขึ้นหลังจากค้นอินเตอร์เน็ตไปมาว่าใบมะขามอ่อนทำอะไรได้บ้าง
“เอ้า คนไม่ชอบแกงกะทิจะมาทำแกงคั่ว” คุณย่าขมวดคิ้วเอียงคอ
“มาๆ อย่างนี้ย่าต้องมาดูเองเสียหน่อย” ว่าแล้วคุณย่าก็ถกผ้าถุง ลุกเดินกระฉับกระเฉงจากเตียงมานั่งที่โต๊ะทานข้าว
ปีนี้คุณย่าอายุได้แปดสิบปลายๆแล้ว
หลายปีมานี้คุณย่าทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนอน ลุกมาทานข้าว ลุกมาคุยกับนก กับหมา เปิดทีวีดูลิเก แล้วก็กลับเข้าไปเอนหลัง หรือกลับไปงีบอีกหนตามภาษาของคุณย่า
อาการคนชราเริ่มแสดงให้เห็นมากขึ้นๆ
ฉันใจหายไม่น้อยทุกครั้งที่เห็นคุณย่าลุกจากเอนหลังตอนกลางวันมาตอน 5 โมงเย็น
แล้วทำท่าจะเดินไปหุงข้าว เพราะนึกว่าเป็นเช้ามืดตี 5
ถ้าการทำแกงคั่ววันนี้ทำให้คุณย่าน้ำเสียงสดใส ลุกดึงผ้าถุงเดินออกมาจากห้องได้แบบนี้ล่ะก็
จะให้ทานแกงกะทิอย่างที่ฉันไม่เคยนึกชอบไปสักอาทิตย์ ฉันก็ยอม