เตยเป็นนักการตลาดของบริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน และผมก็เป็นลูกค้าของบริษัทนี้ด้วย เช้าวันหนึ่งเมื่อห้าเดือนก่อนผมได้รับข้อความว่า มีรถมือสองสภาพดี ตรงกับความต้องการของผมที่เคยบอกไว้เมื่อเคยเข้าไปซื้อรถยุโรปคันแรกในชีวิต
ผมคุยไลน์กับเธอได้สองวัน อะไรไม่รู้ที่ให้รู้สึกว่าเราต่างมีความสุขที่ได้คุยผ่านตัวหนังสือถึงกัน จนสองอาทิตย์ต่อมา ผมนัดหมายเอารถข้าไปเช็กที่ศูนย์และเข้าไปดูรถที่เธอแนะนำ วันนั้นเราจึงได้พบหน้ากัน ตามสไตล์ของนักขายหรือนักการตลาดสาว ที่ดูแคล่วคล่อง พูดจาฉะฉาน ลูกล่อลูกชนแพรวพราว ทั้งหมดนั้นรวมอยู่ในความพอดิบพอดีของการมีสัมมาคารวะ แต่แวบหนึ่งผมเห็นดวงตาของเธอมีแววหม่นหมองเล็ก ๆ
ผมเริ่มสานสัมพันธ์ แล้วเราเริ่มต้นคบหากัน ทั้งที่ผมไม่ได้ออกรถคันที่เธอเสนอ เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันเสาร์ อาทิตย์บ้างเมื่อผมเข้ากรุงเทพฯในเย็นวันศุกร์ บางครั้งก็ที่คอนโดของเธอหรือที่คอนโดของผม ผมรู้สึกว่าเคมีเราตรงกัน เจอหน้ากันก็โหยหา กินก็อร่อย เที่ยวไหนก็สนุก เธอว่า ใหม่ๆ ก็แบบนี้ ผมรู้สึกแย้งเพราะท่าทีแบบไม่ยี่หระของเธอมันมีแรงดึงดูดมหาศาลต่อตัวผม
เดือนสุดท้ายของปี ผมอยากมีโมเม้นต์ดีๆ จึงหาตั๋วไปสิงคโปร์ และจองโรงแรมใกล้ย่านไชนาทาวน์พักสองคืน ผมแพลนทริปคร่าวๆ ด้วยการไปเดินเล่น ซื้อของถนนออชาร์ต ล่องเรือกินปูที่แม่น้ำอะไรประมาณนี้ เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินและโรงแรมแล้ว ผมไลน์บอกเธอ เธอตอบตกลงไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ พร้อมข้อความว่า เราจะไปดูดาวสุดท้ายของปีด้วยกัน
เราใส่เสื้อคู่รักบินไปวันที่ 30 ธันวาคม เช็กอินแล้วไปเดินเที่ยวห้างย่านออชาร์ต ผมพาเธอไปกินข้าวมันไก่ร้านดัง และนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวชมเกาะสิงคโปร์ วันนี้ผมนึกโทษสิงโปร์ที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ผมอยากได้มาเติมเต็มหัวใจ พาลกับบรรยากาศที่ทำให้เราสองคนไม่สนุกเหมือนที่คาดการไว้ และคืนแรกที่สิงโปร์ ผมทำแค่เพียงจับมือเเธอแล้วหลับไปในค่ำคืนที่เหนื่อยอ่อน ความโหยหากันเหมือนไม่ได้มากับเราจากกรุงเทพ
วันสิ้นปีเราไปสวนสนุก ผู้คนมากมายและอากาศก็ร้อนมาก มันจึงไมไ่ด้เป็นสวนสนุกที่น่าหรรษาเท่าไรนัก ช่วงบ่ายผมแยกตัวไปหาเพื่อนที่นัดมาเจอที่นี่ ปล่อยเตยไว้ที่ห้องและบอกเธอว่าะจะมารับไปกินมื้อค่ำเพื่อส่งท่ายปีเก่าด้วยกัน

ไวน์ถูกเปิดระหว่างมื้อค่ำบนเรือล่องแม่น้ำสิงคโปร์ เตยดื่มหนัก ผมก็เช่นกัน เรายิ้มและคุยกันเหมือนเป็นหน้าที่ เบื้องล่างคือผืนน้ำ เบื้องบนคือแผ่นฟ้า ห่างแสนห่างแต่ก็ทาบทาแบบจุมพิษกันด้วยแสงเงา ห้อมล้อมด้วยแสงไฟที่ถูกประดับประดาแถบตึกสูงและท่าเรือ แต่เราใกล้แสนใกล้แต่เหมือนห่างไกลนับกิโล
หลังมื้อค่ำเรานั่งดื่มไวน์และกาแฟต่อที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องปูแถวนั้นเพื่อรอเวลา เตยเมาจนผมรู้สึกได้ เธอยกแก้วโห่ร้องยินดีกับวันใหม่ เต้นลำพังกับเพลงปีใหม่ด้วยน้ำตา ผมมองไปที่ดาวอีกดวงที่หลุบแสงหรี่ลงในาทีนั้น ความโหยหากันยังเดินทางมาไม่ถึงที่นี่
เมื่อกลับมาเราห่างหายกันไปในช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่ ไม่มีการติดต่ออะไรระหว่างเรา ไม่มีการสื่อสารที่แสดงถึงความคิดถึง ผมน่าจะเศร้าแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อไม่มีเตยอยู่ในสมอง ในวันที่มีข้อความจากเตยส่งมาว่า
"พี่รู้ไหมว่า พี่ไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่ออกจากชีวิตเตยไป ในวันสิ้นปี"
ภาพแววตาหม่นหมองของเตยขึ้นมาซ้อนกับดาวที่หมดแสงลงในวันสิ้นปี ผมกดลบเบอร์โทรและไลน์ของเตยออกจากโทรศัพท์ ความโหยหาครั้งใหม่ของผมกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
จนกว่าฟ้าจะสางมากลางพื้น
ฝันจะฝ่ากลางคืนมาสู่หล้า
หลายเดือนดับลับฝนปนน้ำตา
แล้วสัญญาก็จะเลือนไม่เหมือนเดิม
...........................
ปล.แวะมาพูดคุย ติ ชม กันได้ครับ
โบกมือลาดาวอีกดวงในคืนเคาน์ดาวน์
ผมคุยไลน์กับเธอได้สองวัน อะไรไม่รู้ที่ให้รู้สึกว่าเราต่างมีความสุขที่ได้คุยผ่านตัวหนังสือถึงกัน จนสองอาทิตย์ต่อมา ผมนัดหมายเอารถข้าไปเช็กที่ศูนย์และเข้าไปดูรถที่เธอแนะนำ วันนั้นเราจึงได้พบหน้ากัน ตามสไตล์ของนักขายหรือนักการตลาดสาว ที่ดูแคล่วคล่อง พูดจาฉะฉาน ลูกล่อลูกชนแพรวพราว ทั้งหมดนั้นรวมอยู่ในความพอดิบพอดีของการมีสัมมาคารวะ แต่แวบหนึ่งผมเห็นดวงตาของเธอมีแววหม่นหมองเล็ก ๆ
ผมเริ่มสานสัมพันธ์ แล้วเราเริ่มต้นคบหากัน ทั้งที่ผมไม่ได้ออกรถคันที่เธอเสนอ เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันเสาร์ อาทิตย์บ้างเมื่อผมเข้ากรุงเทพฯในเย็นวันศุกร์ บางครั้งก็ที่คอนโดของเธอหรือที่คอนโดของผม ผมรู้สึกว่าเคมีเราตรงกัน เจอหน้ากันก็โหยหา กินก็อร่อย เที่ยวไหนก็สนุก เธอว่า ใหม่ๆ ก็แบบนี้ ผมรู้สึกแย้งเพราะท่าทีแบบไม่ยี่หระของเธอมันมีแรงดึงดูดมหาศาลต่อตัวผม
เดือนสุดท้ายของปี ผมอยากมีโมเม้นต์ดีๆ จึงหาตั๋วไปสิงคโปร์ และจองโรงแรมใกล้ย่านไชนาทาวน์พักสองคืน ผมแพลนทริปคร่าวๆ ด้วยการไปเดินเล่น ซื้อของถนนออชาร์ต ล่องเรือกินปูที่แม่น้ำอะไรประมาณนี้ เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินและโรงแรมแล้ว ผมไลน์บอกเธอ เธอตอบตกลงไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ พร้อมข้อความว่า เราจะไปดูดาวสุดท้ายของปีด้วยกัน
เราใส่เสื้อคู่รักบินไปวันที่ 30 ธันวาคม เช็กอินแล้วไปเดินเที่ยวห้างย่านออชาร์ต ผมพาเธอไปกินข้าวมันไก่ร้านดัง และนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวชมเกาะสิงคโปร์ วันนี้ผมนึกโทษสิงโปร์ที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ผมอยากได้มาเติมเต็มหัวใจ พาลกับบรรยากาศที่ทำให้เราสองคนไม่สนุกเหมือนที่คาดการไว้ และคืนแรกที่สิงโปร์ ผมทำแค่เพียงจับมือเเธอแล้วหลับไปในค่ำคืนที่เหนื่อยอ่อน ความโหยหากันเหมือนไม่ได้มากับเราจากกรุงเทพ
วันสิ้นปีเราไปสวนสนุก ผู้คนมากมายและอากาศก็ร้อนมาก มันจึงไมไ่ด้เป็นสวนสนุกที่น่าหรรษาเท่าไรนัก ช่วงบ่ายผมแยกตัวไปหาเพื่อนที่นัดมาเจอที่นี่ ปล่อยเตยไว้ที่ห้องและบอกเธอว่าะจะมารับไปกินมื้อค่ำเพื่อส่งท่ายปีเก่าด้วยกัน
ไวน์ถูกเปิดระหว่างมื้อค่ำบนเรือล่องแม่น้ำสิงคโปร์ เตยดื่มหนัก ผมก็เช่นกัน เรายิ้มและคุยกันเหมือนเป็นหน้าที่ เบื้องล่างคือผืนน้ำ เบื้องบนคือแผ่นฟ้า ห่างแสนห่างแต่ก็ทาบทาแบบจุมพิษกันด้วยแสงเงา ห้อมล้อมด้วยแสงไฟที่ถูกประดับประดาแถบตึกสูงและท่าเรือ แต่เราใกล้แสนใกล้แต่เหมือนห่างไกลนับกิโล
หลังมื้อค่ำเรานั่งดื่มไวน์และกาแฟต่อที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องปูแถวนั้นเพื่อรอเวลา เตยเมาจนผมรู้สึกได้ เธอยกแก้วโห่ร้องยินดีกับวันใหม่ เต้นลำพังกับเพลงปีใหม่ด้วยน้ำตา ผมมองไปที่ดาวอีกดวงที่หลุบแสงหรี่ลงในาทีนั้น ความโหยหากันยังเดินทางมาไม่ถึงที่นี่
เมื่อกลับมาเราห่างหายกันไปในช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่ ไม่มีการติดต่ออะไรระหว่างเรา ไม่มีการสื่อสารที่แสดงถึงความคิดถึง ผมน่าจะเศร้าแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อไม่มีเตยอยู่ในสมอง ในวันที่มีข้อความจากเตยส่งมาว่า
"พี่รู้ไหมว่า พี่ไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่ออกจากชีวิตเตยไป ในวันสิ้นปี"
ภาพแววตาหม่นหมองของเตยขึ้นมาซ้อนกับดาวที่หมดแสงลงในวันสิ้นปี ผมกดลบเบอร์โทรและไลน์ของเตยออกจากโทรศัพท์ ความโหยหาครั้งใหม่ของผมกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
จนกว่าฟ้าจะสางมากลางพื้น
ฝันจะฝ่ากลางคืนมาสู่หล้า
หลายเดือนดับลับฝนปนน้ำตา
แล้วสัญญาก็จะเลือนไม่เหมือนเดิม
...........................
ปล.แวะมาพูดคุย ติ ชม กันได้ครับ