
หลายคนคงเคยอ่านกระทู้เก่าๆของผมมาบ้าง เนื้อหาก็คงไม่ต่างจากเดิมแค่ผมอยากมาย้ำว่าความสำเร็จในการลดความอ้วนหรือการทำตัวเองให้แข็งแรง มันไม่ใช่การทำที่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่ต้องทำตลอดไป
ผมเริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มเรียนจบด้วยพฤคิกรรมแย่ๆ ดื่มหนัก ชอบของมัน ติดรสหวาน ร่างกายอุดมไปด้วยไขมันที่คอที่พุง จากพฤติกรรมแย่ๆผมก็เริ่มเป็นเบาหวาน ตามด้วยความดันสูง สุดท้ายก็เส้นเลือดหัวใจตีบ เกือบจบชีวิตด้วยวัย40 ยังจำประโยคเด็ดของคุณหมอได้ ถ้าเมื่อกี้คุณหลับคุณจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย
ผมใช้ชีวิตแบบคนป่วยโรคหัวใจอยู่5ปี ไม่ออกแรงหนัก ไม่ทำอะไรที่เหนื่อย ชีวิตก็เหมือนคนป่วยโรคหัวใจส่วนใหญ่ ไม่กล้าจะออกกำลังกาย เพราะติดกับคำว่า คนเป็นโรคหัวใจห้ามออกกำลังกาย 5ปีนั้นก็เลยเป็นผู้ชายอ้วนๆที่ทำอะไรหนักไม่ได้ ขึ้นบันไดยังเหนื่อย
7 ปีที่แล้วแฟนและลูกๆชวนไปฟิตเนส ผมเริ่มออกกำลังกายเบาๆผ่านไป1เดือนผมรู้สึกได้ว่าผมแข็งแรงขึ้น จากนั้นผมก็เริ่มควบคุมอาหาร ผมใช้เวลาไม่กี่เดือนผมก็รีดไขมันได้เป็นทึ่น่าพอใจ
ตลอด7ปีที่ผ่านมา
ผมออกกำลังกาย5-6วันต่อสัปดาห์ เวท+คาร์ดิโอ
ผมควบคุมอาหารมาตลอด7ปี
ร่างกายผมเริ่มแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ผมเริ่มกลับมาเตะบอลได้ มันเหมือนฝัน ฟุตบอลเป็นสิ่งที่ผมรัก โรคหัวใจเคยทำให้ผมคิดว่าไม่มีทางที่ผมจะกลับไปสัมผัสมันได้อีกครั้ง
เมื่อ2ปีก่อนผมสนใจที่จะวิ่งจริงจัง ผมเริ่มหัดวิ่งระยะไกล ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะก้าวข้ามผ่านมันมาได้ ผมติดกับคำว่าวิ่งคือต้องวิ่งเร็วแต่จริงๆถ้าจะวิ่งระยะไกลมันไม่ต้องวิ่งเร็วแบบวิ่ง100เมตรแต่เป็นการวิ่งที่ความเร็วที่เรารับความเหนื่อยได้
วิ่งเป็นกีฬาต้องฝึกซ้อม มันเลยมีเสน่ห์เพราะมันเกิดจากความพยายาม พค.60ผมลงงานวิ่ง10km.ครั้งแรก มค.61ผมจบHalf(21.1km.)ครั้งแรก สค.61ผมจบFull(42.195km.) ครั้งแรก
ระยะMarathon 42.195km. เป็นระยะที่ผมยังงงว่าผมมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ด้วยโรคที่ผมเป็นระยะนี้มันดูเสี่ยงเกินไป แต่จริงๆผมมีวันนี้ได้ผมเตรียมร่างกายมาตลอด ร่างกายไม่มีทางแข็งแรงได้เพียงข้ามคืน ทุกอย่างตัองใช้เวลา ต้องฝึกซ้อม
สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า หลักการการทำให้ตัวเองแข็งแรงมีแค่3อย่าง กิน พักผ่อน ออกกำลังกาย
ควบคุมอาหาร กินให้เพียงพอ
นอนหลับพักผ่อนให้พอ
ออกกำลังกายตามสมควรไม่หักโหม
ถ้ายังไม่ป่วยก็ดูแลตัวเองไม่ให้ป่วย
ถ้าป่วยแล้วจะยอมใช้ชีวิตเป็นคนป่วยตลอดไปหรือจะดูแลตัวเองให้เป็นคนป่วยที่แข็งแรง
คนอ้วนไม่มีทางผอมได้เพียงข้ามคืน ถ้าอยากหุ่นดีต้องใช้เวลา
วินัยทำให้ผมมีวันนี้ ความซื่อสัตย์ต่อความตั้งใจทำให้ผมถึงเป้าหมาย
วันนี้คุณดูแลตัวเองหรือยังครับ?
Marathonที่2ของผม ให้บทเรียนที่ผมต้องไปทำการบ้าน ตะคริวบุกถึงท้อง กว่าจะพาร่างเข้าเส้นได้ลุ้นกันเหนื่อย ไว้ขอแก้มือfull3ครับ

ขอบคุณครอบครัวที่ให้ความร่วมมือทุกกิจกรรมที่ผมทำ ปีนี้ทั้งแฟนและลูกตั้งเป้าจะจบHalf(21.1km.)ให้ได้


7 ปีกับภารกิจลดพุงลดโรค...ผมจะเป็นคนป่วยที่แข็งแรง
หลายคนคงเคยอ่านกระทู้เก่าๆของผมมาบ้าง เนื้อหาก็คงไม่ต่างจากเดิมแค่ผมอยากมาย้ำว่าความสำเร็จในการลดความอ้วนหรือการทำตัวเองให้แข็งแรง มันไม่ใช่การทำที่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่ต้องทำตลอดไป
ผมเริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มเรียนจบด้วยพฤคิกรรมแย่ๆ ดื่มหนัก ชอบของมัน ติดรสหวาน ร่างกายอุดมไปด้วยไขมันที่คอที่พุง จากพฤติกรรมแย่ๆผมก็เริ่มเป็นเบาหวาน ตามด้วยความดันสูง สุดท้ายก็เส้นเลือดหัวใจตีบ เกือบจบชีวิตด้วยวัย40 ยังจำประโยคเด็ดของคุณหมอได้ ถ้าเมื่อกี้คุณหลับคุณจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย
ผมใช้ชีวิตแบบคนป่วยโรคหัวใจอยู่5ปี ไม่ออกแรงหนัก ไม่ทำอะไรที่เหนื่อย ชีวิตก็เหมือนคนป่วยโรคหัวใจส่วนใหญ่ ไม่กล้าจะออกกำลังกาย เพราะติดกับคำว่า คนเป็นโรคหัวใจห้ามออกกำลังกาย 5ปีนั้นก็เลยเป็นผู้ชายอ้วนๆที่ทำอะไรหนักไม่ได้ ขึ้นบันไดยังเหนื่อย
7 ปีที่แล้วแฟนและลูกๆชวนไปฟิตเนส ผมเริ่มออกกำลังกายเบาๆผ่านไป1เดือนผมรู้สึกได้ว่าผมแข็งแรงขึ้น จากนั้นผมก็เริ่มควบคุมอาหาร ผมใช้เวลาไม่กี่เดือนผมก็รีดไขมันได้เป็นทึ่น่าพอใจ
ตลอด7ปีที่ผ่านมา
ผมออกกำลังกาย5-6วันต่อสัปดาห์ เวท+คาร์ดิโอ
ผมควบคุมอาหารมาตลอด7ปี
ร่างกายผมเริ่มแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ผมเริ่มกลับมาเตะบอลได้ มันเหมือนฝัน ฟุตบอลเป็นสิ่งที่ผมรัก โรคหัวใจเคยทำให้ผมคิดว่าไม่มีทางที่ผมจะกลับไปสัมผัสมันได้อีกครั้ง
เมื่อ2ปีก่อนผมสนใจที่จะวิ่งจริงจัง ผมเริ่มหัดวิ่งระยะไกล ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะก้าวข้ามผ่านมันมาได้ ผมติดกับคำว่าวิ่งคือต้องวิ่งเร็วแต่จริงๆถ้าจะวิ่งระยะไกลมันไม่ต้องวิ่งเร็วแบบวิ่ง100เมตรแต่เป็นการวิ่งที่ความเร็วที่เรารับความเหนื่อยได้
วิ่งเป็นกีฬาต้องฝึกซ้อม มันเลยมีเสน่ห์เพราะมันเกิดจากความพยายาม พค.60ผมลงงานวิ่ง10km.ครั้งแรก มค.61ผมจบHalf(21.1km.)ครั้งแรก สค.61ผมจบFull(42.195km.) ครั้งแรก
ระยะMarathon 42.195km. เป็นระยะที่ผมยังงงว่าผมมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ด้วยโรคที่ผมเป็นระยะนี้มันดูเสี่ยงเกินไป แต่จริงๆผมมีวันนี้ได้ผมเตรียมร่างกายมาตลอด ร่างกายไม่มีทางแข็งแรงได้เพียงข้ามคืน ทุกอย่างตัองใช้เวลา ต้องฝึกซ้อม
สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า หลักการการทำให้ตัวเองแข็งแรงมีแค่3อย่าง กิน พักผ่อน ออกกำลังกาย
ควบคุมอาหาร กินให้เพียงพอ
นอนหลับพักผ่อนให้พอ
ออกกำลังกายตามสมควรไม่หักโหม
ถ้ายังไม่ป่วยก็ดูแลตัวเองไม่ให้ป่วย
ถ้าป่วยแล้วจะยอมใช้ชีวิตเป็นคนป่วยตลอดไปหรือจะดูแลตัวเองให้เป็นคนป่วยที่แข็งแรง
คนอ้วนไม่มีทางผอมได้เพียงข้ามคืน ถ้าอยากหุ่นดีต้องใช้เวลา
วินัยทำให้ผมมีวันนี้ ความซื่อสัตย์ต่อความตั้งใจทำให้ผมถึงเป้าหมาย
วันนี้คุณดูแลตัวเองหรือยังครับ?
Marathonที่2ของผม ให้บทเรียนที่ผมต้องไปทำการบ้าน ตะคริวบุกถึงท้อง กว่าจะพาร่างเข้าเส้นได้ลุ้นกันเหนื่อย ไว้ขอแก้มือfull3ครับ
ขอบคุณครอบครัวที่ให้ความร่วมมือทุกกิจกรรมที่ผมทำ ปีนี้ทั้งแฟนและลูกตั้งเป้าจะจบHalf(21.1km.)ให้ได้