ช่างไทย VS ช่างฝรั่ง EP2

ผมโตมาในยุคที่พ่อแม่คาดหวังให้ลูกเรียน หมอ วิศวะ เภสัช
ผมเองจบวิศวะโยธา แต่หลังจากทำงานได้ไม่กี่ปีก็เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งช่วงปี40  ผมโดน layoff จากงาน แถมโดนเทจากแฟนที่คบกันมาสามปี ช่วงเวลานั้นคือ

จุดเปลี่ยนของชีวิต มันทำให้หันมาทบทวนตัวเอง จากวัยเรียนเข้าสู่วัยทำงาน พอเริ่มหาเงินได้ก็ใช้จ่าย เที่ยวกินโดยไม่นึกถึงอนาคต เงินเก็บไม่มี พอตกงานก็

ต้องไปสิงตามบ้านเพื่อน อาศัยทำงานพาร์ทไทม์ ในอู่ซ่อมรถ ตอนนั้นเริ่มวางแผนและเตรียมตัวที่จะไปเมืองนอก เลยหันมาสนใจภาษาอังกฤษมากขึ้น


ผ่านไปสองเดือนผมโดนเรียกไปสัมภาษณ์งานโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของเมืองไทย มีฝรั่งหัวหน้าโครงการมาสัมภาษณ์ผมเกือบชั่วโมง ปรากฏว่าเขาตกลงรับเข้าทำงานเลย ประสบการณ์ผมมีน้อย เกรดเฉลี่ยก็แค่ 2.03 แถมมีผู้สมัครคนอื่น ที่จบจากนอก จบ ป.โท หรือประสบการณ์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้งาน (อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากหัวหน้าฝ่ายบุคคล)

เมื่อผมได้โอกาสอีกครั้ง คราวนี้ผมจะตั้งใจทำงานและเปลี่ยนทัศนะคติใหม่ จากการทำงานกับต่างชาติ ที่มีทั้งชาว อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลี
ประสบการณ์ที่น่าสนใจคือ..

1.เวลาสำคัญ ต้องตรงต่อเวลา เวลาทำงานก็จะทำแบบเอาเป็นเอาตาย

2.ต้องกล้าแสดงออก ไปประชุม อย่าเขินอาย มีความเห็นอะไรใส่ไปได้เลย

3.ข้อเสียของผมคือชอบยิ้ม ซึ่งฝรั่งโดยเฉพาะเยอรมัน จะไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะเขาดูว่าเราไม่จริงจังกับการทำงาน


4.ในสายงานก่อสร้าง จะเจอกับฝรั่งคอแดงซะมาก(RedNeck) พวกนี้ไม่ค่อยมีการศึกษา และดูถูกคนไทย มีคนขับรถเครนตีนตะขาบ ที่โดนฝรั่งด่า และสบถใส่ทุกวันเช้าเย็น แรกๆแกก็ไม่รู้สึกอะไรมากเพราะฟังไม่รู้เรื่อง  ด้วยความหวังดีผมเลยแปลให้คนขับเครนฟัง ว่าไอ้ฝรั่งพูดว่าอะไรบ้าง เท่านั้นแหละครับ ภาพ

เหตุการณ์นั้นผมยังจำติดตาอยู่ทุกวันนี้ คือคนขับเครนกระโดดลอยตัวใช้เท้าซ้ายฟาดไปที่กกหูฝรั่งอย่างเต็มเหนี่ยว วินาทีนั้นทำให้ฝรั่งได้สัมผัสมิติใหม่แห่งการนอน (หลับกลางอากาศ) โชคดีว่าหัวเขาล้มบนขี้เลน เลยไม่ได้กระแทกอะไรมาก หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฝรั่งพูดจาภาษาดอกไม้ แทนการสบถ

5.ช่วงที่เจาะอุโมงค์ไปสถานีลุมพินี มีซุปเปอร์ไวเซอร์ชาว ฝรั่งเศส มาทำงานวันแรกแล้วแกต้องทำกะกลางคืน แกนึกหิวเลยไปหาของกิน โชคไม่ดี นายใหญ่มาตรวจงานคืนนั้นพอดี วันรุ่งขึ้นบริษัทส่งตัวกลับฝรั่งเศสทันที เพราะจับได้ว่าแกไป“กินไก่” แถวสวนลุมฯ  งานนี้โดนคนไทยล้อ ยันลูกบวช

6.การทำงานกับต่างชาติต้องสตรอง กล้าชน กล้ารับแรงกดดัน บางทีที่ต้องปะทะ ก็ต้องทำ หลังๆผมกลายเป็นคนกร้าวมากขึ้น ไม่ไหวจริงผมก็ท้าต่อยเลย (ผมไม่กลัวครับ ผมมีคนขับเครนเป็นไอดอล)

7.การโดนลองของก็มีบ้างครับ ในเรื่องวิชาการ และการคำนวณ  “ยูคำนวณแรงดันดิน(Soil เด็กวิดวะจะเรียก “ซอย”)หน้าหัวเจาะ ที่ความลึก X และ Y เมตร ให้หน่อย” ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.03 ของผม ผมถนัดซอย(กริยา) มากกว่า Soil(ดิน เป็นนาม)...... หมายถึงซอยขิง ซอยผิวมะกูดน่ะครับ

การทำงานกับต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น ผมได้เรียนรู้ปรัชญาการทำงานที่เรียกว่า Kaizen (ไคเซ็น) ที่หมายถึงการพัฒนาอย่าต่อเนื่อง หลังเลิกงานวิศวกร ทั้งฝรั่งและญี่ปุ่น ก็ยังทำงานต่อ บ้างป้อนข้อมูลจากหน้างานเข้าคอมฯ แล้วมาวิเคราะห์ บ้างอ่านเจอนอล และวางแผนงานสำหรับวันต่อไป

วิศวกรไทยก็มีสไตน์ ในการทำงานอีกแบบ คือหลังเลิกงานเราคิดว่าจะไปอาบน้ำที่ไหนดี(อากาศมันร้อน เจอทั้งแดดและฝุ่น) และจะไปกินเหล้าที่ไหนต่อ จะเรียกให้ถูก มันคือปรัชญาแบบ “ใคร(จะ)เซ็น
หมายถึงมื้อหน้าใครจะเซ็นกับเจ้ เจ้าของร้าน หรือจะเซ็นบัตรเครดิตก็แล้วแต่

ปัจจุบันผมอยู่แคนาดา อาชีพวิศวะผมเลิกทำไปยี่สิบปีแล้ว แต่เวลาในช่วงนั้น มันให้อะไรกับผมเยอะ คือ ฝึกความเป็นผู้นำ ทำให้เราคิดเป็นระบบ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักคำด่าฝรั่ง อาบน้ำที่ไหนดี(คนอื่นเล่ามาอีกที)....ฯลฯ

ผมเคยอ่านเจอในงานเขียนของพี่ประภาศ (จิก) ชลศรานนท์ ที่มีนักศึกษาทันตแพทย์ เขียนไปถามพี่แกว่าตัวเองไม่ชอบเรียนสายนี้(ที่ต้องเรียนเพราะพ่อแม่อยากให้เรียน) จริงๆแล้วอยากแต่งเพลง ควรลาออกแล้วทำตามฝัน จะดีไหม
ลองหาอ่านดูครับ พี่แกตอบดีมาก


หลายปีทีแล้ว ร้านอาหารที่ผมทำ กำลังจะยื่นขอใบอนุญาติขายเหล้า(Liquor license)หนึ่งในเอกสารที่ต้องยื่นคือแปลนร้าน ทนายบอกว่าต้องจ้างสถาปนิก หรือวิศวกรเขียน ค่าใช้จ่ายประมาณ $3000-$4000 ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวผมจะเขียนเอง ทนายเตือนว่าถ้ายื่นไม่ผ่านคุณจะเสียเวลาและ ค่าทนายเพิ่ม  ไม่เป็นไรผมจะลองดู ผมเลยลงทุนซื้อปากกาและกระดาษเขียนแบบไม่ถึง $20

ลึกๆผมก็หวั่นว่าจะไม่เป็นตามมาตรฐานของแคนาดา ผมตั้งใจเขียนมันมาก รายละเอียด สเกล สัญลักษณ์ต่างๆ ต้องกลับไปรื้อความรู้เก่าๆ

ถึงวันยื่นแบบ เจ้าหน้าที่หยิบแปลนขึ้นมาดูแล้วนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดว่า “This is perfect!” ผมโล่งอกเพราะพึ่งเซฟเงินได้ สามสี่พันเหรียญ
ผมกลับบ้านด้วยความดีใจและ บอกแม่บ้านว่า เงินที่ผมช่วยประหยัดได้โดยไม่ต้องจ้างเขาเขียนแบบ ผมขอเก็บไว้ซื้อ “ไทรอัมพ์”นะ เธอบอก ขอบคุณ แต่ขอเป็น “วิคตอเรีย ซีเคร็ท” แทน




ผมนึกในใจ ไอ้ ไทรอัมพ์ ที่ว่า มันคือ มอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ ยกทรง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่