คุณรู้ไหม? ในโลกธุรกิจ... ความถูกต้องไม่ได้ชนะเสมอไป แต่คนที่ "สายป่านยาวกว่า" ต่างหากคือผู้ชนะ
สมมติเราเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ ที่คิดค้นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกได้ แต่ดันถูกยักษ์ใหญ่ขโมยไอเดียไปหน้าตาเฉย ใจอยากจะฟ้องเรียกค่าเสียหายสัก 1,000 ล้าน! แต่พอก้มดูเงินในกระเป๋าแล้ว
ท้อแท้... เพราะค่าทนายระดับท็อปชั่วโมงละ 30,000 บาท แถมคดีอาจลากยาว 5-10 ปี ต้องใช้เงินสู้คดีเป็นร้อยล้าน
คนส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมแพ้
แต่ในโลกการเงินยุคใหม่... มีฮีโร่ (หรือนายทุน?) เข้ามาบอกคุณว่า "ฟ้องเลยน้อง! พี่ออกเงินให้หมด แพ้ไม่ต้องจ่ายคืนสักบาท แต่ถ้าชนะ... พี่ขอแบ่งกำไรนะ"
วันนี้ Liberator จะพามาเปิดโลก Burford Capital ($BUR) บริษัทรับจ้างฟ้อง โมเดลธุรกิจที่ฟังดูเหมือน "พนัน" แต่จริงๆ แล้วคือการ "ลงทุน" ที่ฉลาดล้ำลึกที่สุดแบบหนึ่งใน Wall Street
- ① - มันมีจริงหรือ? ธุรกิจรับจ้างฟ้อง
Burford Capital ไม่ใช่แก๊งทวงหนี้โหด และไม่ใช่สำนักงานทนายความไก่กา แต่เขาคือบริษัทมหาชนระดับโลกที่จดทะเบียนทั้งในนิวยอร์ก (NYSE) และลอนดอน (LSE) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2009 โดยคนหัวกะทิจากวงการกฎหมายและการเงิน ที่มองเห็น "ช่องโหว่" ของความยุติธรรมว่า: "คนมีสิทธิ์ชนะคดีมีเยอะ... แต่คนมีเงินสู้คดีมีน้อย"
- ② - เขาทำเงินยังไง?
โมเดลการหาเงินของ Burford เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากครับ เรียกว่า Non-Recourse Financing
คัดเลือก ลูกค้าเดินเข้ามาพร้อมเรื่องราวความอยุติธรรม ทีมงาน Burford (ที่เป็นอดีตทนายมือพระกาฬ) จะวิเคราะห์เข้มข้นยิ่งกว่าขอสินเชื่อบ้าน ดูโอกาสชนะ ดูประวัติผู้พิพากษา ดูความรวยของคู่กรณี
ลงทุน ถ้าคดีผ่านเกณฑ์ Burford จะเซ็นเช็คจ่ายให้ทุกอย่าง! ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล ค่าที่ปรึกษา (สมมติลงทุนไป 100 ล้านบาท)
วัดดวง
❌ ถ้าแพ้คดี ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินคืนแม้แต่บาทเดียว (Burford ขาดทุน 100 ล้านทันที = ความเสี่ยงเป็นศูนย์สำหรับลูกค้า)
✅ ถ้าชนะคดี Burford จะขอเงินต้นคืน + ส่วนแบ่งกำไร (Success Fee)
คิดเลขเล่นๆ: ในอดีตเราอาจคิดว่ากำไรแค่ 30-40% ก็หรูแล้ว แต่จากข้อมูลล่าสุด (พ.ย. 2025) ROIC (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ของคดีที่ปิดจบไปแล้วของ Burford ทำได้สูงถึง 83%!! นี่คือผลตอบแทนระดับที่กองทุนหุ้นทั่วไปต้องมองค้อนครับ เขาจึงตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเป็น "ธนาคารสำหรับคดีความ" โดยเฉพาะ
- ③ - ทำไมถึงน่าสนใจ?
จุดที่ทำให้ Burford เป็นหุ้นลูกรักของนักลงทุนสาย Value คือความเป็น Uncorrelated Asset หรือ "สินทรัพย์ที่ไม่สนโลก" ครับ
เศรษฐกิจพัง? ...ศาลไม่สน ศาลตัดสินตามพยานหลักฐาน
ดอกเบี้ยขึ้น? ...ไม่เกี่ยวกับรูปคดี
ตราบใดที่โลกนี้ยังมีการ "เบี้ยวสัญญา" และการ "ขี้โกง" เกิดขึ้น (ซึ่งบอกเลยว่า ยิ่งเศรษฐกิจแย่ คนยิ่งโกงกันเยอะ งานพี่แกยิ่งชุก!)
- ④ - ตำนานแจ็คพอต: คดี YPF (อัปเดตล่าสุด!)
(การเดิมพันที่โลกต้องจารึก)
ถ้าจะเล่าถึง Burford ต้องเล่าคดีนี้ครับ เรื่องมีอยู่ว่า รัฐบาลอาร์เจนตินา ไปยึดบริษัทน้ำมัน YPF คืนจากนักลงทุนรายย่อยแบบดื้อๆ Burford เห็นช่องชนะ จึงเข้าไป "ซื้อสิทธิในการฟ้องร้อง" (Buy Claim) มาบริหารเอง สู้กันมายาวนานเกือบ 10 ปี
ปี 2023 ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ฝ่าย Burford ชนะ! มูลค่าความเสียหายสูงถึง 16,000 ล้านดอลลาร์
ล่าสุด ปี 2025 เกมเดือดขึ้นไปอีก! เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2025 ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้รัฐบาลอาร์เจนตินา "โอนหุ้น Class D ของบริษัท YPF" ให้กับ Burford เพื่อชำระหนี้ แต่ทางอาร์เจนตินาก็ยังสู้ยิบตา ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล (Second Circuit) ซึ่งเพิ่งจะมีการไต่สวนกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา
แม้จะต้องรอลุ้นคำตัดสินอุทธรณ์อีกเฮือก แต่แค่สินทรัพย์ในคดีนี้ Burford ก็ประเมินมูลค่าไว้สูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์แล้วครับ เรียกว่ารวยเละแบบก้าวกระโดดของจริง
< เกร็ดความรู้สนุกๆ หลังม่านศาล >
AI สำคัญกว่ากฎหมาย? ยุคนี้ Burford ไม่ได้ใช้แค่ "ความเก่ง" ของทนาย แต่ในรายงานล่าสุดระบุชัดเจนว่าเขาใช้ Probabilistic Model ผสานกับ Machine Learning และ Generative AI มาช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง! เพื่อคำนวณแม่นๆ ว่า "คดีนี้มีโอกาสชนะกี่ %" เขาไม่ได้เล่นพนัน... แต่เขาคือ "นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล" ในคราบนักกฎหมายครับ
เปลี่ยนคดีเป็นเงินสด (Secondary Market) สมมติ Burford ถือคดีมา 3 ปีแล้วขี้เกียจรอ... เขาสามารถเอา "สิทธิ์ในคดี" ไปขายต่อให้นักลงทุนรายอื่นได้ด้วย! (เหมือนขายหุ้นเลย) ล่าสุดมีการตั้งนิติบุคคลชื่อ Colorado Investments Limited มาเพื่อขายสิทธิ์ในคดีลูกของ YPF (คดี Petersen) โดยเฉพาะ เพื่อหมุนเงินสดกลับมาลงทุนคดีใหม่ได้ทันที ไม่ต้องรอศาลตัดสินจนจบ
อ่านจบแล้ว... พอจะเห็นภาพไหมครับว่า "ความยุติธรรมคือสินค้าที่มีราคาแพง" และ Burford Capital ก็คือพ่อค้าคนกลางที่ทำกำไรจากราคานั้นได้อย่างชาญฉลาดที่สุด
CR
https://www.facebook.com/share/1bMP62NdaR/?mibextid=wwXIfr
ธุรกิจ “รับจ้างฟ้อง” เป็นอย่างไร?
สมมติเราเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ ที่คิดค้นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกได้ แต่ดันถูกยักษ์ใหญ่ขโมยไอเดียไปหน้าตาเฉย ใจอยากจะฟ้องเรียกค่าเสียหายสัก 1,000 ล้าน! แต่พอก้มดูเงินในกระเป๋าแล้ว
ท้อแท้... เพราะค่าทนายระดับท็อปชั่วโมงละ 30,000 บาท แถมคดีอาจลากยาว 5-10 ปี ต้องใช้เงินสู้คดีเป็นร้อยล้าน
คนส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมแพ้
แต่ในโลกการเงินยุคใหม่... มีฮีโร่ (หรือนายทุน?) เข้ามาบอกคุณว่า "ฟ้องเลยน้อง! พี่ออกเงินให้หมด แพ้ไม่ต้องจ่ายคืนสักบาท แต่ถ้าชนะ... พี่ขอแบ่งกำไรนะ"
วันนี้ Liberator จะพามาเปิดโลก Burford Capital ($BUR) บริษัทรับจ้างฟ้อง โมเดลธุรกิจที่ฟังดูเหมือน "พนัน" แต่จริงๆ แล้วคือการ "ลงทุน" ที่ฉลาดล้ำลึกที่สุดแบบหนึ่งใน Wall Street
- ① - มันมีจริงหรือ? ธุรกิจรับจ้างฟ้อง
Burford Capital ไม่ใช่แก๊งทวงหนี้โหด และไม่ใช่สำนักงานทนายความไก่กา แต่เขาคือบริษัทมหาชนระดับโลกที่จดทะเบียนทั้งในนิวยอร์ก (NYSE) และลอนดอน (LSE) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2009 โดยคนหัวกะทิจากวงการกฎหมายและการเงิน ที่มองเห็น "ช่องโหว่" ของความยุติธรรมว่า: "คนมีสิทธิ์ชนะคดีมีเยอะ... แต่คนมีเงินสู้คดีมีน้อย"
- ② - เขาทำเงินยังไง?
โมเดลการหาเงินของ Burford เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากครับ เรียกว่า Non-Recourse Financing
คัดเลือก ลูกค้าเดินเข้ามาพร้อมเรื่องราวความอยุติธรรม ทีมงาน Burford (ที่เป็นอดีตทนายมือพระกาฬ) จะวิเคราะห์เข้มข้นยิ่งกว่าขอสินเชื่อบ้าน ดูโอกาสชนะ ดูประวัติผู้พิพากษา ดูความรวยของคู่กรณี
ลงทุน ถ้าคดีผ่านเกณฑ์ Burford จะเซ็นเช็คจ่ายให้ทุกอย่าง! ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล ค่าที่ปรึกษา (สมมติลงทุนไป 100 ล้านบาท)
วัดดวง
❌ ถ้าแพ้คดี ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินคืนแม้แต่บาทเดียว (Burford ขาดทุน 100 ล้านทันที = ความเสี่ยงเป็นศูนย์สำหรับลูกค้า)
✅ ถ้าชนะคดี Burford จะขอเงินต้นคืน + ส่วนแบ่งกำไร (Success Fee)
คิดเลขเล่นๆ: ในอดีตเราอาจคิดว่ากำไรแค่ 30-40% ก็หรูแล้ว แต่จากข้อมูลล่าสุด (พ.ย. 2025) ROIC (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ของคดีที่ปิดจบไปแล้วของ Burford ทำได้สูงถึง 83%!! นี่คือผลตอบแทนระดับที่กองทุนหุ้นทั่วไปต้องมองค้อนครับ เขาจึงตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเป็น "ธนาคารสำหรับคดีความ" โดยเฉพาะ
- ③ - ทำไมถึงน่าสนใจ?
จุดที่ทำให้ Burford เป็นหุ้นลูกรักของนักลงทุนสาย Value คือความเป็น Uncorrelated Asset หรือ "สินทรัพย์ที่ไม่สนโลก" ครับ
เศรษฐกิจพัง? ...ศาลไม่สน ศาลตัดสินตามพยานหลักฐาน
ดอกเบี้ยขึ้น? ...ไม่เกี่ยวกับรูปคดี
ตราบใดที่โลกนี้ยังมีการ "เบี้ยวสัญญา" และการ "ขี้โกง" เกิดขึ้น (ซึ่งบอกเลยว่า ยิ่งเศรษฐกิจแย่ คนยิ่งโกงกันเยอะ งานพี่แกยิ่งชุก!)
- ④ - ตำนานแจ็คพอต: คดี YPF (อัปเดตล่าสุด!)
(การเดิมพันที่โลกต้องจารึก)
ถ้าจะเล่าถึง Burford ต้องเล่าคดีนี้ครับ เรื่องมีอยู่ว่า รัฐบาลอาร์เจนตินา ไปยึดบริษัทน้ำมัน YPF คืนจากนักลงทุนรายย่อยแบบดื้อๆ Burford เห็นช่องชนะ จึงเข้าไป "ซื้อสิทธิในการฟ้องร้อง" (Buy Claim) มาบริหารเอง สู้กันมายาวนานเกือบ 10 ปี
ปี 2023 ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ฝ่าย Burford ชนะ! มูลค่าความเสียหายสูงถึง 16,000 ล้านดอลลาร์
ล่าสุด ปี 2025 เกมเดือดขึ้นไปอีก! เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2025 ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้รัฐบาลอาร์เจนตินา "โอนหุ้น Class D ของบริษัท YPF" ให้กับ Burford เพื่อชำระหนี้ แต่ทางอาร์เจนตินาก็ยังสู้ยิบตา ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล (Second Circuit) ซึ่งเพิ่งจะมีการไต่สวนกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา
แม้จะต้องรอลุ้นคำตัดสินอุทธรณ์อีกเฮือก แต่แค่สินทรัพย์ในคดีนี้ Burford ก็ประเมินมูลค่าไว้สูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์แล้วครับ เรียกว่ารวยเละแบบก้าวกระโดดของจริง
< เกร็ดความรู้สนุกๆ หลังม่านศาล >
AI สำคัญกว่ากฎหมาย? ยุคนี้ Burford ไม่ได้ใช้แค่ "ความเก่ง" ของทนาย แต่ในรายงานล่าสุดระบุชัดเจนว่าเขาใช้ Probabilistic Model ผสานกับ Machine Learning และ Generative AI มาช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง! เพื่อคำนวณแม่นๆ ว่า "คดีนี้มีโอกาสชนะกี่ %" เขาไม่ได้เล่นพนัน... แต่เขาคือ "นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล" ในคราบนักกฎหมายครับ
เปลี่ยนคดีเป็นเงินสด (Secondary Market) สมมติ Burford ถือคดีมา 3 ปีแล้วขี้เกียจรอ... เขาสามารถเอา "สิทธิ์ในคดี" ไปขายต่อให้นักลงทุนรายอื่นได้ด้วย! (เหมือนขายหุ้นเลย) ล่าสุดมีการตั้งนิติบุคคลชื่อ Colorado Investments Limited มาเพื่อขายสิทธิ์ในคดีลูกของ YPF (คดี Petersen) โดยเฉพาะ เพื่อหมุนเงินสดกลับมาลงทุนคดีใหม่ได้ทันที ไม่ต้องรอศาลตัดสินจนจบ
อ่านจบแล้ว... พอจะเห็นภาพไหมครับว่า "ความยุติธรรมคือสินค้าที่มีราคาแพง" และ Burford Capital ก็คือพ่อค้าคนกลางที่ทำกำไรจากราคานั้นได้อย่างชาญฉลาดที่สุด
CR https://www.facebook.com/share/1bMP62NdaR/?mibextid=wwXIfr