PRP (Platelet-Rich Plasma)
หนึ่งในการรักษาที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุด นั่นคือการรักษาด้วยเกร็ดเลือดของตัวเอง ในเลือดของเรามีพลาสม่า ซึ่งทำให้กระบวนการซ่อมแซมเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงนำนวกรรมการแพทย์นี้มาใช้ เพื่อเลี่ยงการใช้ยา และผ่าตัด
Platelet Rich Plasma (PRP) (พาเลท ริช พลาสมา) คือการสกัดเอาเกล็ดเลือด ซึ่งส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำเลือด (Plasma) ประกอบไปด้วยเกร็ดเลือด (Platelet) โปรตีนและเซลล์จากกระแสเลือดเข้มข้น แยกได้จากตัวเราเองเพื่อใช้สำหรับการรักษา ซ่อมแซมข้อต่อ เนื้อเยื่ออ่อน เอ็น หรือกล้ามเนื้อที่มีอาการบาดเจ็บและอักเสบ หรือเสื่อมเรื้อรัง นักกีฬาระดับโลกหลายคนที่มีชื่อเสียงหลายคนรวมทั้ง อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกอย่าง Tiger Woods,และนักเทนนิสอย่าง Rafael Nadal, ต่างก็เคยได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา ด้วยการฉีด PRP ของตัวเองเข้าสู่จุดที่เกิดการบาดเจ็บ
PRP นี้ได้มีการนำมาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งประสิทธิภาพในการรักษาดีและมีงานวิจัยตีพิมพ์ทางการแพทย์ที่สนับสนุนถึงการใช้ PRP ในการรักษา บำบัดอาการบาดเจ็บ ลดความเจ็บปวดรวมทั้งการลดริ้วรอย ชะลอความเสื่อมตามวัย
PRP ประกอบไปด้วย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด เกร็ดเลือดมีลักษณะเป็นเหมือนแผ่นเล็กๆที่มีอายุขัยเพียง 7-10 วัน ภายในเกร็ดเลือด ประกอบไปด้วยสารที่สำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด และ growth factor
ในขบวนการขั้นตอนการหายของแผล การซ่อมแซมของร่างกาย เกร็ดเลือดจะถูกกระตุ้นให้รวมตัวกันและปล่อยสารที่มีประโยชน์นี้กระตุ้นเกิดกระบวนการซ่อมแซม
ในเลือดจะประกอบด้วย เกร็ดเลือดเพียง 6 % แต่ขณะที่ PRP จะมีความเข้มข้นสูงกว่ามาก เพิ่มคุณสมบัติของเกร็ดเลือดต่อการซ่อมแซมร่างกายเหนือเกร็ดเลือดธรรมดา ซึ่งการเตรียม PRPที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะได้ PRP ที่มีคุณภาพ และต้องเพิ่มความเข้มข้นให้สูงอย่างน้อย 4 เท่าจึงจะมีประสิทธิภาพสูง
ผลข้างเคียงจากการใช้ PRP
เนื่องจาก Platelet rich plasma (PRP) ถูกเตรียมมาจากเลือดของคนที่จะถูกฉีดเอง จึงไม่มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาของเนื้อเยื่อไปเป็นเนื้องอกใดๆ
ผลข้างเคียงมีน้อยมาก อย่างไรก็ดีเนื่องจาก เป็นเหมือนการฉีดยา ผลข้างเคียงจึงมีเล็กน้อยเหมือนกัน เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บที่เส้นประสาท เส้นเลือด การมีแผลเป็นในเนื้อเยื่อ หรือหินปูนสะสม ในกรณีที่แพ้ยาชา ถ้าการฉีด PRP แพทย์ใช้ยาชาก็อาจจะมีอาการแพ้ได้เช่นกัน
ข้อบ่งชี้ ที่อาจนำไปสู่การรักษาด้วย PRP
การบาดเจ็บเอ็นที่ใดบ้างที่สามารถรักษาโดยวิธี PRP
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอกด้านนอก Tennis elbow (common extensor tendinosis)
เอ็นหน้าเข่าอักเสบ Jumper’s knee (patellar tendinosis)
เอ็นร้อยหวายอักเสบ Achilles tendinosis
รองช้ำ Plantar fasciitis
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอกด้านนอก Tennis elbow (common extensor tendinosis)
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอ
เอ็นอักเสบข้อพับเข่าด้านหลัง Hamstring tendons
เอ็นอักเสบขาหนีบ Adductor tendons
เอ็นอักเสบสะโพก Gluteal tendons
การบาดเจ็บกล้ามเนื้อที่ใดบ้างที่สามารถรักษาโดยวิธี PRP
กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง Hamstring Muscle ซึ่งมักพบในนักกีฬาฟุตบอล
กล้ามเนื้อน่อง Calf
กล้ามเนื้อต้นขาด้านนอก Quadriceps
การรักษาส่วนอื่นๆ โดยวิธี การฉีดPRP
รองช้ำกระดูกสะโพกด้านนอก Trochanteric bursitis
เอ็นประคองเข่าด้านในฉีก Knee MCL tears
โรคข้อเข่าเสื่อม และอักเสบ Knee osteoarthritis
โรคข้อสะโพกเสื่อม และอักเสบ Hip Osteoarthritis
โรคกระดูกสันหลังส่วนคอ และเอวเสื่อม Spondylosis
ทั้งนี้ PRP ยังสามารถใช้เป็น growth factor ในการบำรุงรักษาผิวพรรณ มีคุณสมบัติในการเรียกสเต็มเซลล์ ในร่างกายออกมาทำการรักษาในจุดนั้นๆ
PRP คืออะไร มาทำความรู้จักกันดีกว่า^^
หนึ่งในการรักษาที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุด นั่นคือการรักษาด้วยเกร็ดเลือดของตัวเอง ในเลือดของเรามีพลาสม่า ซึ่งทำให้กระบวนการซ่อมแซมเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงนำนวกรรมการแพทย์นี้มาใช้ เพื่อเลี่ยงการใช้ยา และผ่าตัด
Platelet Rich Plasma (PRP) (พาเลท ริช พลาสมา) คือการสกัดเอาเกล็ดเลือด ซึ่งส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำเลือด (Plasma) ประกอบไปด้วยเกร็ดเลือด (Platelet) โปรตีนและเซลล์จากกระแสเลือดเข้มข้น แยกได้จากตัวเราเองเพื่อใช้สำหรับการรักษา ซ่อมแซมข้อต่อ เนื้อเยื่ออ่อน เอ็น หรือกล้ามเนื้อที่มีอาการบาดเจ็บและอักเสบ หรือเสื่อมเรื้อรัง นักกีฬาระดับโลกหลายคนที่มีชื่อเสียงหลายคนรวมทั้ง อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกอย่าง Tiger Woods,และนักเทนนิสอย่าง Rafael Nadal, ต่างก็เคยได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา ด้วยการฉีด PRP ของตัวเองเข้าสู่จุดที่เกิดการบาดเจ็บ
PRP นี้ได้มีการนำมาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งประสิทธิภาพในการรักษาดีและมีงานวิจัยตีพิมพ์ทางการแพทย์ที่สนับสนุนถึงการใช้ PRP ในการรักษา บำบัดอาการบาดเจ็บ ลดความเจ็บปวดรวมทั้งการลดริ้วรอย ชะลอความเสื่อมตามวัย
PRP ประกอบไปด้วย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด เกร็ดเลือดมีลักษณะเป็นเหมือนแผ่นเล็กๆที่มีอายุขัยเพียง 7-10 วัน ภายในเกร็ดเลือด ประกอบไปด้วยสารที่สำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด และ growth factor
ในขบวนการขั้นตอนการหายของแผล การซ่อมแซมของร่างกาย เกร็ดเลือดจะถูกกระตุ้นให้รวมตัวกันและปล่อยสารที่มีประโยชน์นี้กระตุ้นเกิดกระบวนการซ่อมแซม
ในเลือดจะประกอบด้วย เกร็ดเลือดเพียง 6 % แต่ขณะที่ PRP จะมีความเข้มข้นสูงกว่ามาก เพิ่มคุณสมบัติของเกร็ดเลือดต่อการซ่อมแซมร่างกายเหนือเกร็ดเลือดธรรมดา ซึ่งการเตรียม PRPที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะได้ PRP ที่มีคุณภาพ และต้องเพิ่มความเข้มข้นให้สูงอย่างน้อย 4 เท่าจึงจะมีประสิทธิภาพสูง
ผลข้างเคียงจากการใช้ PRP
เนื่องจาก Platelet rich plasma (PRP) ถูกเตรียมมาจากเลือดของคนที่จะถูกฉีดเอง จึงไม่มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาของเนื้อเยื่อไปเป็นเนื้องอกใดๆ
ผลข้างเคียงมีน้อยมาก อย่างไรก็ดีเนื่องจาก เป็นเหมือนการฉีดยา ผลข้างเคียงจึงมีเล็กน้อยเหมือนกัน เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บที่เส้นประสาท เส้นเลือด การมีแผลเป็นในเนื้อเยื่อ หรือหินปูนสะสม ในกรณีที่แพ้ยาชา ถ้าการฉีด PRP แพทย์ใช้ยาชาก็อาจจะมีอาการแพ้ได้เช่นกัน
ข้อบ่งชี้ ที่อาจนำไปสู่การรักษาด้วย PRP
การบาดเจ็บเอ็นที่ใดบ้างที่สามารถรักษาโดยวิธี PRP
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอกด้านนอก Tennis elbow (common extensor tendinosis)
เอ็นหน้าเข่าอักเสบ Jumper’s knee (patellar tendinosis)
เอ็นร้อยหวายอักเสบ Achilles tendinosis
รองช้ำ Plantar fasciitis
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอกด้านนอก Tennis elbow (common extensor tendinosis)
เอ็นอักเสบ ที่ข้อศอ
เอ็นอักเสบข้อพับเข่าด้านหลัง Hamstring tendons
เอ็นอักเสบขาหนีบ Adductor tendons
เอ็นอักเสบสะโพก Gluteal tendons
การบาดเจ็บกล้ามเนื้อที่ใดบ้างที่สามารถรักษาโดยวิธี PRP
กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง Hamstring Muscle ซึ่งมักพบในนักกีฬาฟุตบอล
กล้ามเนื้อน่อง Calf
กล้ามเนื้อต้นขาด้านนอก Quadriceps
การรักษาส่วนอื่นๆ โดยวิธี การฉีดPRP
รองช้ำกระดูกสะโพกด้านนอก Trochanteric bursitis
เอ็นประคองเข่าด้านในฉีก Knee MCL tears
โรคข้อเข่าเสื่อม และอักเสบ Knee osteoarthritis
โรคข้อสะโพกเสื่อม และอักเสบ Hip Osteoarthritis
โรคกระดูกสันหลังส่วนคอ และเอวเสื่อม Spondylosis
ทั้งนี้ PRP ยังสามารถใช้เป็น growth factor ในการบำรุงรักษาผิวพรรณ มีคุณสมบัติในการเรียกสเต็มเซลล์ ในร่างกายออกมาทำการรักษาในจุดนั้นๆ