
ค่ายรถยนต์ฟันธงตรงกัน รถยนต์ยุคใหม่ “รุกคืบ...ก้าวสู่สังคมรถไฟฟ้า” เชื่อมคน เชื่อมเทคโนโลยี เชื่อมสิ่งแวดล้อม เชื่อมบริการ พร้อมทุ่มงบวิจัยและพัฒนา เร่งให้ความรู้ผู้บริโภค ชี้ตลาดรถยนต์ปีนี้ทะลุล้านคันแน่นอน ปีหน้าโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5% ปัจจัยบวกเพียบ เก๋ง กระบะ อีโคคาร์ ยอดขายเพิ่มสูงสุดเป็นสถิติใหม่ ตลาดกระบะบรรทุกเพื่อการพาณิชย์

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า เนื่องจากปีนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ก้าวสู่มิติใหม่นั้นคือแนวโน้มการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยยอดการผลิตรถยนต์ทุกแบรนด์ในเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ 197,203 คัน เพิ่มขึ้น 20.62 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งมียอดการผลิต 76,905 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 9.31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถกระบะ 1 ตัน มียอดการผลิต 117,539 คัน เพิ่มขึ้น 30.15 เปอร์เซ็นต์ จะสังเกตเห็นได้ว่าในช่วงนี้การผลิตรถกระบะ 1 ตัน จำนวนเพิ่มมากขึ้น อันนี้ชี้ให้เห็นถึงการเติบของเศรษฐกิจของประเทศ เพราะรถกลุ่มนี้ผู้บริโภคจะซื้อไปใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าการผลิตรถในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะยังคงใกล้เคียงกับเดือนตุลาคม ด้วยเหตุที่ผู้ผลิตต้องเร่งผลิตรถล่วงหน้าเพื่อชดเชยวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ และผลิตรถรองรับยอดจองที่จะเกิดขึ้นในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ซึ่งคาดว่าจะมียอดจองประมาณ 4-5 หมื่นคัน
ทางด้านสถิติการผลิตรถยนต์ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 รวมทุกประเภทอยู่ที่ 1,801,319 คัน เพิ่มขึ้น 9.75 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่งผลิตอยู่ที่ 738,340 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อหน้า 8.19 เปอร์เซ็นต์ รถโดยสารมากกว่า 10 ตัน ผลิต 437 คัน เพิ่มขึ้น 95.09 เปอร์เซ็นต์ รถบรรทุกมากว่า 5 ตัน แต่ไม่เกิน 10 ตัน ผลิต26,899 คัน เพิ่มขึ้น 3.83 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถกระบะ 1 ตัน 1,035,643 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 11.05 เปอร์เซ็นต์ การผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่และการผลิตกระบะ 1 ตัน เติบโตเป็นดรรชนีชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ขยายตัวเติบโตขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการผลิตรถกระบะ 1 ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย 55 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อการส่งออก 45 เปอร์เซ็นต์
เมื่อมาดูสถิติการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 มีการผลิตเพื่อการส่งออกรวมทั้งสิ้น 961,615 คัน เพิ่มขึ้น 2.42 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 349,085 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 0.01 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะ 1 ตัน 612,530 คัน เพิ่มขึ้น 3.86 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะบรรทุก 74,068 คัน ลดลง 2.10 เปอร์เซ็นต์ ระกระบะดับเบิลแค็บ 441,493 คัน เพิ่มขึ้น 5.28 เปอร์เซ็นต์ รถอเนกประสงค์ PPV จำนวน 96,969 คัน เพิ่มขึ้น 2.32 เปอร์เซ็นต์ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศรมทั้งสิ้น 839,704 คัน เพิ่มขึ้น 19.56 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 389,255 คัน เพิ่มขึ้น 16.77 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะ 1 ตัน 423,113 คัน เพิ่มขึ้น 23.41 เปอร์เซ็นต์ แบ่งย่อยเป็นรถกระบะเพื่อการบรรทุก 215,212 คัน เพิ่มขึ้น 18.23 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะดับเบิลแค็บ 150,562 คัน เพิ่มขึ้น 31.84 เปอร์เซ็นต์ รถอเนกประสงค์ PPV 57,339 คัน เพิ่มขึ้น 22.96 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์โดยสาร 10 ตัน ขึ้นไป 437 คัน เพิ่มขึ้น 95.09 เปอร์เซ็นต์ และรถบรรทุก 26,899 คัน เพิ่มขึ้น 3.83 เปอร์เซ็นต์
“การเติบโตขึ้นของตลาดรถกระบะเพื่อบรรทุกเป็นดรรชนีชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากความต้องการใช้รถของผู้บริโภคเพื่อใช้งานเพื่อการพาณิชย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง-โครงพื้นฐาน และเกษตรกรรม นอกจากนี้ความต้องการรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ SUV ยังสดใสตลาดเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาส่วนแบ่งจากตลาดจากกลุ่มรถยนต์นั่งสูงถึง 69 เปอร์เซ็นต์ โดยปัจจัยบวกมาจากขนาดเครื่องยนต์เล็กลง ทำให้ราคาลดลง ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น อัตราการเติบโตจึงดีมากๆ นอกจากนี้ตลาดรถอเนกประสงค์ PPV ยังเติบโต 8.9 เปอร์เซ็นต์ ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์รถยนต์ในกลุ่มนี้” นายสุรพงษ์ กล่าว
จากการความต้องการของตลาดภายในประเทศมากขึ้นคาดว่า ประมาณการการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่ 2,100,000 คัน เติบโต 5.59 เปอร์เซ็นต์ เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,000,000 คัน เพิ่มขึ้น 15.96 เปอร์เซ็นต์ และผลิตเพื่อการส่งออก 1,100,000 คัน ลดลง 2.35 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 201,326 คัน เพิ่มขึ้น 2.78 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นผลิตรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 167,314 คัน เพิ่มขึ้น 1.91 เปอร์เซ็นต์ และชิ้นส่วนประกอบ (CKD) 34,012 คัน เพิ่มขึ้น 2.78 เปอร์เซ็นต์ (คำนวณจากการใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คิดเป็น 1 คัน) ทางด้านการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2643- ตุลาคม 2561 มีการผลิตทั้งหมด 2,387,512 คัน ผลิตเพื่อส่งออก 1,314,492 คัน คิดเป็นเป็นสัดส่วน 55 เปอร์เซ็นต์ ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,073,020 คัน คิดเป็นสัดส่วน 45 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 มีจำนวน 317,621 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 7 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการผลิตเพื่อกาส่งออก 145,183 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกัน 12 เปอร์เซ็นต์ แลผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 172,438 คัน เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการส่งออกอีโคคาร์ลดลง เนื่องจากความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น สัดส่วนการจำหน่ายอีโคคาร์ในประเทศเพิ่มเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 45 เปอร์เซ็นต์ จากในช่วงเดียวกันของปีก่อนจำหน่ายในประเทศ 45 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 55 เปอร์เซ็นต์ โดยอีโคคาร์มีสัดส่วนจากการผลิตรถทั้งหมด 317,621 คัน หรือมีสัดส่วนจากยอดการผลิตรถทั้งหมด 17.63 เปอร์เซ็นต์ เป็นการส่งออก 15.10 เปอร์เซ็นต์ จำหน่ายในประเทศ 20.54 เปอร์เซ็นต์
ส่วนสถิติการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 2,130,381 คัน เพิ่มขึ้น 1.67 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) จำนวน 1,724,595 คัน เพิ่มขึ้น 0.38 เปอร์เซ็นต์ และชิ้นส่วนประกอบ (CKD) จำนวน 405,786 คัน เพิ่มขึ้น 5.43 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากค่ายรถจักรยานยนต์ใช้ประเทศไทยเป็นการผลิตจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เพื่อส่งออกไปต่างประเทศกำลังการผลิตจึงเพิ่มขึ้นตามคงามต้องการของตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงทั่วโลก แต่สำหรับในประเทศไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมถึงเดือนตุลาคม 2561 จำนวน 1.435 คัน เพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนเมษายน 2561 ที่มียอดจดทะเบียนสะสม 1,374 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 133 คัน เพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 3 คัน รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 1,131 คัน โดยรถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์มากกว่ารถยนต์
ค่ายรถฟันธรง ทิศทางรถใหม่ สู้สังคมรถไฟฟ้า ปีนี้มั่นใจยอดทะลุล้านคัน คาดปีหน้ายอดขายรถโตไม่ต่ำกว่า 5%
ค่ายรถยนต์ฟันธงตรงกัน รถยนต์ยุคใหม่ “รุกคืบ...ก้าวสู่สังคมรถไฟฟ้า” เชื่อมคน เชื่อมเทคโนโลยี เชื่อมสิ่งแวดล้อม เชื่อมบริการ พร้อมทุ่มงบวิจัยและพัฒนา เร่งให้ความรู้ผู้บริโภค ชี้ตลาดรถยนต์ปีนี้ทะลุล้านคันแน่นอน ปีหน้าโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5% ปัจจัยบวกเพียบ เก๋ง กระบะ อีโคคาร์ ยอดขายเพิ่มสูงสุดเป็นสถิติใหม่ ตลาดกระบะบรรทุกเพื่อการพาณิชย์
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า เนื่องจากปีนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ก้าวสู่มิติใหม่นั้นคือแนวโน้มการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยยอดการผลิตรถยนต์ทุกแบรนด์ในเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ 197,203 คัน เพิ่มขึ้น 20.62 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งมียอดการผลิต 76,905 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 9.31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถกระบะ 1 ตัน มียอดการผลิต 117,539 คัน เพิ่มขึ้น 30.15 เปอร์เซ็นต์ จะสังเกตเห็นได้ว่าในช่วงนี้การผลิตรถกระบะ 1 ตัน จำนวนเพิ่มมากขึ้น อันนี้ชี้ให้เห็นถึงการเติบของเศรษฐกิจของประเทศ เพราะรถกลุ่มนี้ผู้บริโภคจะซื้อไปใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าการผลิตรถในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะยังคงใกล้เคียงกับเดือนตุลาคม ด้วยเหตุที่ผู้ผลิตต้องเร่งผลิตรถล่วงหน้าเพื่อชดเชยวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ และผลิตรถรองรับยอดจองที่จะเกิดขึ้นในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ซึ่งคาดว่าจะมียอดจองประมาณ 4-5 หมื่นคัน
ทางด้านสถิติการผลิตรถยนต์ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 รวมทุกประเภทอยู่ที่ 1,801,319 คัน เพิ่มขึ้น 9.75 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่งผลิตอยู่ที่ 738,340 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อหน้า 8.19 เปอร์เซ็นต์ รถโดยสารมากกว่า 10 ตัน ผลิต 437 คัน เพิ่มขึ้น 95.09 เปอร์เซ็นต์ รถบรรทุกมากว่า 5 ตัน แต่ไม่เกิน 10 ตัน ผลิต26,899 คัน เพิ่มขึ้น 3.83 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถกระบะ 1 ตัน 1,035,643 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 11.05 เปอร์เซ็นต์ การผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่และการผลิตกระบะ 1 ตัน เติบโตเป็นดรรชนีชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ขยายตัวเติบโตขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการผลิตรถกระบะ 1 ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย 55 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อการส่งออก 45 เปอร์เซ็นต์
เมื่อมาดูสถิติการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 มีการผลิตเพื่อการส่งออกรวมทั้งสิ้น 961,615 คัน เพิ่มขึ้น 2.42 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 349,085 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 0.01 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะ 1 ตัน 612,530 คัน เพิ่มขึ้น 3.86 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะบรรทุก 74,068 คัน ลดลง 2.10 เปอร์เซ็นต์ ระกระบะดับเบิลแค็บ 441,493 คัน เพิ่มขึ้น 5.28 เปอร์เซ็นต์ รถอเนกประสงค์ PPV จำนวน 96,969 คัน เพิ่มขึ้น 2.32 เปอร์เซ็นต์ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศรมทั้งสิ้น 839,704 คัน เพิ่มขึ้น 19.56 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 389,255 คัน เพิ่มขึ้น 16.77 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะ 1 ตัน 423,113 คัน เพิ่มขึ้น 23.41 เปอร์เซ็นต์ แบ่งย่อยเป็นรถกระบะเพื่อการบรรทุก 215,212 คัน เพิ่มขึ้น 18.23 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะดับเบิลแค็บ 150,562 คัน เพิ่มขึ้น 31.84 เปอร์เซ็นต์ รถอเนกประสงค์ PPV 57,339 คัน เพิ่มขึ้น 22.96 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์โดยสาร 10 ตัน ขึ้นไป 437 คัน เพิ่มขึ้น 95.09 เปอร์เซ็นต์ และรถบรรทุก 26,899 คัน เพิ่มขึ้น 3.83 เปอร์เซ็นต์
“การเติบโตขึ้นของตลาดรถกระบะเพื่อบรรทุกเป็นดรรชนีชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากความต้องการใช้รถของผู้บริโภคเพื่อใช้งานเพื่อการพาณิชย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง-โครงพื้นฐาน และเกษตรกรรม นอกจากนี้ความต้องการรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ SUV ยังสดใสตลาดเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาส่วนแบ่งจากตลาดจากกลุ่มรถยนต์นั่งสูงถึง 69 เปอร์เซ็นต์ โดยปัจจัยบวกมาจากขนาดเครื่องยนต์เล็กลง ทำให้ราคาลดลง ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น อัตราการเติบโตจึงดีมากๆ นอกจากนี้ตลาดรถอเนกประสงค์ PPV ยังเติบโต 8.9 เปอร์เซ็นต์ ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์รถยนต์ในกลุ่มนี้” นายสุรพงษ์ กล่าว
จากการความต้องการของตลาดภายในประเทศมากขึ้นคาดว่า ประมาณการการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่ 2,100,000 คัน เติบโต 5.59 เปอร์เซ็นต์ เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,000,000 คัน เพิ่มขึ้น 15.96 เปอร์เซ็นต์ และผลิตเพื่อการส่งออก 1,100,000 คัน ลดลง 2.35 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 201,326 คัน เพิ่มขึ้น 2.78 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นผลิตรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 167,314 คัน เพิ่มขึ้น 1.91 เปอร์เซ็นต์ และชิ้นส่วนประกอบ (CKD) 34,012 คัน เพิ่มขึ้น 2.78 เปอร์เซ็นต์ (คำนวณจากการใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คิดเป็น 1 คัน) ทางด้านการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2643- ตุลาคม 2561 มีการผลิตทั้งหมด 2,387,512 คัน ผลิตเพื่อส่งออก 1,314,492 คัน คิดเป็นเป็นสัดส่วน 55 เปอร์เซ็นต์ ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,073,020 คัน คิดเป็นสัดส่วน 45 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 มีจำนวน 317,621 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 7 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการผลิตเพื่อกาส่งออก 145,183 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกัน 12 เปอร์เซ็นต์ แลผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 172,438 คัน เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการส่งออกอีโคคาร์ลดลง เนื่องจากความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น สัดส่วนการจำหน่ายอีโคคาร์ในประเทศเพิ่มเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 45 เปอร์เซ็นต์ จากในช่วงเดียวกันของปีก่อนจำหน่ายในประเทศ 45 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 55 เปอร์เซ็นต์ โดยอีโคคาร์มีสัดส่วนจากการผลิตรถทั้งหมด 317,621 คัน หรือมีสัดส่วนจากยอดการผลิตรถทั้งหมด 17.63 เปอร์เซ็นต์ เป็นการส่งออก 15.10 เปอร์เซ็นต์ จำหน่ายในประเทศ 20.54 เปอร์เซ็นต์
ส่วนสถิติการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 2,130,381 คัน เพิ่มขึ้น 1.67 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) จำนวน 1,724,595 คัน เพิ่มขึ้น 0.38 เปอร์เซ็นต์ และชิ้นส่วนประกอบ (CKD) จำนวน 405,786 คัน เพิ่มขึ้น 5.43 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากค่ายรถจักรยานยนต์ใช้ประเทศไทยเป็นการผลิตจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เพื่อส่งออกไปต่างประเทศกำลังการผลิตจึงเพิ่มขึ้นตามคงามต้องการของตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงทั่วโลก แต่สำหรับในประเทศไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมถึงเดือนตุลาคม 2561 จำนวน 1.435 คัน เพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนเมษายน 2561 ที่มียอดจดทะเบียนสะสม 1,374 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 133 คัน เพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 3 คัน รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 1,131 คัน โดยรถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์มากกว่ารถยนต์