"ซัมมิท"รุกตลาดภาคเหนือเปิดศูนย์บริการ ตั้งเป้าปี 60 อนุมัติรถมอไซค์ใหม่ภาคเหนือ 230 ล้านบาท
บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เดินหน้ากลยุทธ์ BECOMING Number 1 ขยายธุรกิจสู่ภาคเหนือ ซึ่งเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเหนือ โดยเจาะตลาดผ่านดีลเลอร์(ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์)โดยปีที่ผ่านมาเปิดสาขาใน 8 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และเพชรบูรณ์ ได้ผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าและดีลเลอร์ โดยปี2560 ตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ในภาคเหนือ 230 ล้านบาท
นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ยอดจำหน่ายจักรยานยนต์ทั่วประเทศในปี 2559 อยู่ที่ 1,738,0000 คัน คิดเป็นยอดจำหน่ายในภาคเหนือ 250,000 คัน หรือ 14.2 เปอร์เซ็นต์ และจากที่เปิดตลาดอย่างไม่เป็นทางการ 9 เดือนในภาคเหนือนั้น บริษัทฯมียอดจัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากกว่า 1,270 สัญญา
โดยการเปิดตลาดสู่ภาคเหนือในครั้งนี้จะเปิดเป็นศูนย์บริการสาขาหลัก 2 สาขา คือ เชียงใหม่ และพิษณุโลก ซึ่งในปีแรกตั้งเป้าจัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ต่อเดือนที่ 500 คันขึ้นไป และในปีต่อๆไป หวังยอดจัดสินเชื่อเช่าซื้อภาคเหนือสูง 2 พันคัน
และภายในปี 2560 นี้จะเปิดศูนย์บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภาคเหนือตอนบนเพิ่มอีก 3-4 สาขา
อย่างไรก็ตามในปี 2559 บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลิสซิ่ง มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่รวมกับสินเชื่อรถจักรยานยนต์มือสองอยู่ในอันดับ3 ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่อย่างเดียวอยู่อันดับ 2
ทั้งนี้ซัมมิท แคปปิตอล หวังขยายพื้นที่จัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ให้ครอบคลุม 65 จังหวัดในปี 2560 และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ของสินเชื่อรถจักรยายนต์ในปี 2561
ตลาดรถฟื้นดันสินเชื่อเช่าซื้อโต 4%
"ลีสซิ่งกสิกร"คาดสินเชื่อตลาดเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้โต 2-4% หลังรถยนต์เริ่มฟื้นตัวในรอบ5ปี กระทบตลาดรถมืองสองชะลอตัวลง เหตุเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2560 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า มีโอกาสขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ประมาณ 2-7% หรือมียอดขายประมาณ 785,000-825,000 คัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และโครงการรถยนต์คันแรก ที่จะทยอยครบกำหนดในครึ่งปีหลัง 2560 นี้
นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับประเภทของรถยนต์ที่มีโอกาสจะเติบโตได้ดี คือ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถหรูสัญชาติตะวันตก รถบรรทุก และรถกระบะแบบ 4 ประตู (Double Cab) โดยกลุ่มรถยนต์นั่งมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นที่ 3-8% หรือ 337,000-355,000 คัน จากการซื้อรถคันใหม่เมื่อครบกำหนดโครงการรถยนต์คันแรกและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีแนวโน้มเติบโตตามการลงทุนของประเทศ ทั้งการลงทุนจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่บรรเทาลง โดยคาดจะมีโอกาสขยายตัว 2-7% หรือ 448,000-470,000 คัน ซึ่งกลุ่มที่คาดมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดี คือ รถบรรทุกและรถกระบะทั้งแบบตอนเดียว (Single Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) "แนวโน้มตลาดรถยนต์มือสองปีนี้ มีทิศทางชะลอตัวลง จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงปริมาณรถจากโครงการรถยนต์คันแรกที่เข้าสู่ตลาดรถมือสองเพิ่มขึ้น ทำให้โอกาสรถยนต์มือสองจะปรับขึ้นราคาทำได้ยาก"
ส่วนตลาดสินเชื่อรถช่วยได้ หรือการนำรถมากู้เงินยังมีแนวโน้มที่สดใส โดยคาดว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขสองหลัก และมีระดับหนี้เสียต่ำเนื่องจากผู้ที่ขอสินเชื่อประเภทนี้ส่วนใหญ่มักมีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ และบางรายอาจใช้รถเพื่อทำธุรกิจทำให้มีความเสี่ยงน้อยลง สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงสนใจขยายตลาดดังกล่าว
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ปีนี้ คาดว่า ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกกว่า 17% หรือคิดเป็นยอดขาย 2.7 หมื่นคัน จากยอดขาย 2.3 หมื่นคันในปี 2559 โดยมีแรงหนุนจากการเพิ่มรถรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการขยายเซ็กเมนต์เพื่อตอบสนองลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น "ทิศทางสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของตลาดรวมปีนี้ คาดมีโอกาสฟื้นตัว 2-4% ส่วนการดำเนินธุรกิจของลีสซิ่งกสิกรไทย จะเน้นทำการตลาดในเซ็กเมนท์ที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มรถยนต์นั่งและกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์และแคมเปญส่งเสริมการขายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างที่ 96,430 ล้านบาท และตั้งเป้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ไม่เกิน 1.82%
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทปี 2559 สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 79,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 9.72% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่งและสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 37,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.21% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 42,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 90,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.28% ขณะที่สภาพตลาดรถยนต์ในประเทศโดยรวมในปีที่แล้ว หดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งนี้บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.65% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 820 ล้านบาทเติบโต 25.19%
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/740515
ข่าวลีสซิ่ง
บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เดินหน้ากลยุทธ์ BECOMING Number 1 ขยายธุรกิจสู่ภาคเหนือ ซึ่งเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเหนือ โดยเจาะตลาดผ่านดีลเลอร์(ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์)โดยปีที่ผ่านมาเปิดสาขาใน 8 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และเพชรบูรณ์ ได้ผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าและดีลเลอร์ โดยปี2560 ตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ในภาคเหนือ 230 ล้านบาท
นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ยอดจำหน่ายจักรยานยนต์ทั่วประเทศในปี 2559 อยู่ที่ 1,738,0000 คัน คิดเป็นยอดจำหน่ายในภาคเหนือ 250,000 คัน หรือ 14.2 เปอร์เซ็นต์ และจากที่เปิดตลาดอย่างไม่เป็นทางการ 9 เดือนในภาคเหนือนั้น บริษัทฯมียอดจัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากกว่า 1,270 สัญญา
โดยการเปิดตลาดสู่ภาคเหนือในครั้งนี้จะเปิดเป็นศูนย์บริการสาขาหลัก 2 สาขา คือ เชียงใหม่ และพิษณุโลก ซึ่งในปีแรกตั้งเป้าจัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ต่อเดือนที่ 500 คันขึ้นไป และในปีต่อๆไป หวังยอดจัดสินเชื่อเช่าซื้อภาคเหนือสูง 2 พันคัน
และภายในปี 2560 นี้จะเปิดศูนย์บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภาคเหนือตอนบนเพิ่มอีก 3-4 สาขา
อย่างไรก็ตามในปี 2559 บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลิสซิ่ง มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่รวมกับสินเชื่อรถจักรยานยนต์มือสองอยู่ในอันดับ3 ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่อย่างเดียวอยู่อันดับ 2
ทั้งนี้ซัมมิท แคปปิตอล หวังขยายพื้นที่จัดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ให้ครอบคลุม 65 จังหวัดในปี 2560 และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ของสินเชื่อรถจักรยายนต์ในปี 2561
ตลาดรถฟื้นดันสินเชื่อเช่าซื้อโต 4%
"ลีสซิ่งกสิกร"คาดสินเชื่อตลาดเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้โต 2-4% หลังรถยนต์เริ่มฟื้นตัวในรอบ5ปี กระทบตลาดรถมืองสองชะลอตัวลง เหตุเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2560 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า มีโอกาสขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ประมาณ 2-7% หรือมียอดขายประมาณ 785,000-825,000 คัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และโครงการรถยนต์คันแรก ที่จะทยอยครบกำหนดในครึ่งปีหลัง 2560 นี้
นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับประเภทของรถยนต์ที่มีโอกาสจะเติบโตได้ดี คือ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถหรูสัญชาติตะวันตก รถบรรทุก และรถกระบะแบบ 4 ประตู (Double Cab) โดยกลุ่มรถยนต์นั่งมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นที่ 3-8% หรือ 337,000-355,000 คัน จากการซื้อรถคันใหม่เมื่อครบกำหนดโครงการรถยนต์คันแรกและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีแนวโน้มเติบโตตามการลงทุนของประเทศ ทั้งการลงทุนจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่บรรเทาลง โดยคาดจะมีโอกาสขยายตัว 2-7% หรือ 448,000-470,000 คัน ซึ่งกลุ่มที่คาดมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดี คือ รถบรรทุกและรถกระบะทั้งแบบตอนเดียว (Single Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) "แนวโน้มตลาดรถยนต์มือสองปีนี้ มีทิศทางชะลอตัวลง จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงปริมาณรถจากโครงการรถยนต์คันแรกที่เข้าสู่ตลาดรถมือสองเพิ่มขึ้น ทำให้โอกาสรถยนต์มือสองจะปรับขึ้นราคาทำได้ยาก"
ส่วนตลาดสินเชื่อรถช่วยได้ หรือการนำรถมากู้เงินยังมีแนวโน้มที่สดใส โดยคาดว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขสองหลัก และมีระดับหนี้เสียต่ำเนื่องจากผู้ที่ขอสินเชื่อประเภทนี้ส่วนใหญ่มักมีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ และบางรายอาจใช้รถเพื่อทำธุรกิจทำให้มีความเสี่ยงน้อยลง สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงสนใจขยายตลาดดังกล่าว
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ปีนี้ คาดว่า ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกกว่า 17% หรือคิดเป็นยอดขาย 2.7 หมื่นคัน จากยอดขาย 2.3 หมื่นคันในปี 2559 โดยมีแรงหนุนจากการเพิ่มรถรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการขยายเซ็กเมนต์เพื่อตอบสนองลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น "ทิศทางสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของตลาดรวมปีนี้ คาดมีโอกาสฟื้นตัว 2-4% ส่วนการดำเนินธุรกิจของลีสซิ่งกสิกรไทย จะเน้นทำการตลาดในเซ็กเมนท์ที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มรถยนต์นั่งและกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์และแคมเปญส่งเสริมการขายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างที่ 96,430 ล้านบาท และตั้งเป้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ไม่เกิน 1.82%
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทปี 2559 สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 79,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 9.72% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่งและสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 37,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.21% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 42,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 90,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.28% ขณะที่สภาพตลาดรถยนต์ในประเทศโดยรวมในปีที่แล้ว หดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งนี้บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.65% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 820 ล้านบาทเติบโต 25.19%
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/740515