ตอนที่1
ชื่อตอน จุดจบสู่การเริ่มต้นใหม่
ริตา วางปากกาลง เงยหน้า มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เธอขยับแว่นสายตาสำหรับกรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์
ทอดสายตามองดูเมฆสีเทาที่กำลังจับกลุ่มรวมตัวกันเป็นก้อน เวลานี้บนตึกสูงระฟ้า ชั้น24 หญิงสาวนั่งสรุปรายชื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อส่งให้ ผู้บริหารรับทราบหลังประชุมเสร็จสิ้นไปเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา ริตาเริ่มกังวลใจกลัวไปไม่ทันเวลานัดทานอาหารค่ำกับคนพิเศษ ถนนทุกสายในกรุงเทพกำลังคร่าคร่ำไปด้วยรถยนต์ สายฝนเริ่มลงเม็ด เย็นวันศุกร์สิ้นเดือนเช่นนี้ คงไปถึงไม่ทันเวลานัด อย่างแน่นอน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ค่ะ กฤษณ์”
“ผมจะไปถึง ที่ร้านหนึ่งทุ่มนะครับ”
“ได้ค่ะ แต่ริตา น่าจะไปถึงทุ่มกว่าๆนะคะ”
เสียงปลายสายเงียบ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
“ค่ะๆ ริตาจะรีบไปให้ทันหนึ่งทุ่มค่ะ” หญิงสาวตัดบทสนทนาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าปลายสายน่าจะเกิดอาการไม่ค่อยพอใจ
ริตามองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรง เธอมาช้ากว่าเวลานัดถึง1ชั่วโมง ภายในร้านอาหาร มีลูกค้านั่งทานมื้อค่ำและพูดคุยกันเบาๆอยู่3-4โต๊ะเธอนั่งลง ที่เก้าอี้ตรงข้ามชายหนุ่ม ใบหน้าเขาบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“รถติดไฟแดงนานค่ะกฤษณ์” ริตาวางกระเป๋า รู้สึกอึดอัด กระสับกระส่ายที่เห็นสายตาของเขา
“คุณออกมาช้ามากกว่าริตา ผมรู้จักนิสัยคุณดี ฮึ!งานคงสำคัญมากสินะ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงออกแนวประชดนิดๆ
“ค่ะก็สำคัญ เพราะกว่าริตาจะหารายชื่อลูกค้าได้ ต้องรอขอจากฝ่ายการตลาดอีกทีเลยช้า”
“ยอมรับมาแต่แรกเสียก็จบ ผมรู้จักคุณมานานเราเคยมีเวลาให้กันมากแค่ไหนตั้งแต่คุณมาทำงานที่นี่ ผมอดทนได้มาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ เราจะแต่งงานกัน... คือผมว่า มันคงไม่เหมาะแล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงคะ?” ริตา เริ่มเห็นเค้าลางไม่ชอบมาพากล
“ก็หมายความว่า ผมขอเบรคเรื่องงานแต่งงานออกไปก่อน อืม... คือ ไม่มีกำหนด และอีกอย่าง ที่ผมขอเบรค คือผมขอถอยความสัมพันธ์ของเรา ผมว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมจะดีกว่า”
ชายหนุ่มหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นจิบ ท่าทางไม่ค่อยแคร์เธอสักเท่าไหร่
หญิงสาวกุมมือตัวเองแน่น นี่คือการบอกเลิกกันใช่ไหมนะ เธอคิด
“ครับ ผมบอกเลิกคุณ”
ริตาสบตาเขา หัวใจหล่อนแทบหยุดเต้น เหงื่อค่อยๆซึมออกมา แทนความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ นี่เราเป็นอะไร ทำไมมันรู้สึกเจ็บแปลบๆในอกเช่นนี้
“ริตาขอโทษค่ะ” เธอหวังว่าที่เขาพูดออกมาแบบนั้น เป็นเพราะอารมณ์ไม่ดี
“สายไปแล้วครับ ริตา ผมลาก่อน” กฤษณ์ลุกไปจากเก้าอี้ ทิ้งเธอไว้คนเดียว ท่ามกลางแสงเทียน ที่กำลังส่องแสงสลัว นวลตาอยู่กลางโต๊ะ เคล้าเสียงดนตรี และแก้วไวน์ที่ว่างเปล่า
แก้วกาแฟถูกเสริฟ์ ริตามาถึงที่ออฟฟิตแต่เช้า เธอกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า ก่อนก้มลงอ่านรายงานที่ส่งมาจากฝ่ายการตลาด
“คุณริตามาเร็วจัง ดูเครียดๆนะคะเช้าวันนี้” สุนิสาเลขาประจำตัวเธอ พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“งานค้างเยอะเลยรีบมา ตั้งใจว่าจะขอลาพักร้อน อาจจะ1เดือน เลยต้องเคลียร์ให้เสร็จเร็วๆค่ะ” หญิงสาวตอบ
“พักร้อนยาว1เดือน!” เลขาของเธอเสียงสูง
“หืม มีอะไรเหรอสุนิสา” ริตาขมวดคิ้ว
“คือว่าหนูไม่เคยรู้มาก่อนว่า คุณริตาจะอยากพักร้อนยาวขนาดนั้น เพราะเห็นขยันตั้งใจทำงานมากๆ หยุดเสาร์อาทิตย์ยังแวะมาทำงานเลยค่ะ หนูก็เลยตกใจหนักไปหน่อย”
ริตายิ้ม เธออยากพักสมองกับหัวใจ เพิ่งโดนกฤษณ์บอกเลิกเมื่อวาน เลยได้ไอเดียสดๆร้อนๆ ถือโอกาสนี้หนีพักร้อนดีกว่า
“แล้วที่คุณริตา บอกให้หนู หาร้านถ่ายรูปพรีเว้ดดิ้งไว้ ก็ไม่ต้องแล้วอย่างนั้นหรือคะ แล้วดีไซน์เนอร์ ที่รับออกแบบ สถานที่ การ์ด ธีม เสื้อผ้า โรงแรม อาหาร ชุด ดอกไม้ อีกอย่างฤกษ์วันแต่งก็ได้แล้ว ข้าวของกินเลี้ยง งานพิธีทำบุญตอนเช้า ตอนเย็น เรื่องอื่นๆนี่แค่วางมัดจำก็จบแล้วนะคะ อ้อ แล้วที่บอกไว้กับผู้ใหญ่ ฝั่งเราฝั่งเขา...”
“เดี๋ยวๆพอๆ สรุปงานแต่งของพี่หรือของเธอกันแน่จ้ะสุนิสา” ริตายิ้มกว้าง ไม่มีอาการเดือดร้อนใจอะไรแสดงออกมาสักนิด
เลขาสาวห่อไหล่ “ก็หนูตกใจ มันรู้สึกเสียใจ เสียดายแทนเลยค่ะ”
“เข้าใจ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปพบฝ่ายสื่อสารการตลาดหลังพักเที่ยง เตรียมเอกสารให้ด้วย อ้อ! ขอบคุณสำหรับกาแฟอร่อยๆในทุกๆวันนะสุนิสา” ริตาส่งยิ้มให้เลขาสาวอีกครั้งอย่างจริงใจ
ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด ไม่รู้สึกแม้แต่จะเสียใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่อกหักทั่วๆไป
‘หรือจริงๆแล้ว เราไม่ได้รักกฤษณ์ อาจใช่ เรารักงานมากกว่าเขาจริงๆ’
ริตาเกิดความรู้สึกหดหู่ ถูกต้องแล้วที่เขาไปจากเธอ เธอผิดเองจริงๆ สมควรแล้วที่เขาทนไม่ไหวจนต้องขอออกไปจากโลกใบเล็กๆของเธอที่มีแต่งาน มันคือโลกที่เธอไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยจริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------
ประตูลิฟท์เลื่อนเปิด ชลลดาประธานบริษัทหัวหน้าริตาก้าวเท้าเดินออกมา หอบเอกสาร มุ่งหน้าไปทางห้องประชุมที่ตอนนี้มีคนนั่งรออยู่ ก่อนเริ่มห้านาที
“คุณพิพัฒน์มาถึงแล้ว คุณใบหม่อนก็มาแล้ว อ้าว แล้วคุณริตาล่ะคะ” หญิงสาววางปึกเอกสารลงบนโต๊ะ กวาดตามองไปรอบห้อง
“ไม่ทราบครับบอส ” พิพัฒน์ตอบ
“อืม อีกห้านาทีรอก่อน” ชลลดาเปิดแฟ้ม
“บอสครับ นี่คือรายชื่อลูกค้าที่ปฏิเสธมาให้บอสดูครับ ผมทำแบบสอบถาม และสำรวจแล้วพบว่า ลูกค้าเหล่านี้เราควรข้ามไปก่อน ส่วนอันนี้คือชื่อกิจการต่างๆที่ลูกค้าใช้บริการ และเขาสนใจซื้อสินค้าเราแน่นอนครับ”
“ดี”หญิงสาวตอบ
“คุณชลลดาคะ ไลน์จากผู้ช่วยของคุณริตาแจ้งว่า เธอขออนุญาตไม่เข้าประชุมค่ะน่าจะไม่สบาย” ใบหม่อนเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านข้อความ
“อ้าว ริตาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นไรของริตาไว้ก่อน งั้นเริ่มประชุมกันเลยแล้วกันนะ”
ทั้งหมดเริ่มดำเนินการ เปิดแฟ้ม วางกลยุทธ์แผนการตลาด
หลังพักทานข้าวเที่ยงก่อนเริ่มงานช่วงบ่าย ริตา รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน เธอก้มหน้าฟุบไปกับโต๊ะ จู่ๆรู้สึกเหมือนห้องทั้งห้องกำลังหมุนคว้าง
“คุณริตา หนูไลน์ไปบอกคุณใบหม่อนแล้วนะคะว่าคุณริตาไม่เข้าประชุม”
“อืม” หญิงสาวครางในลำคอ ตาไม่ลืม
“ไหวไหมคะคุณริตา เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย”
“อืม รู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่ม เวียนหัว แน่นหน้าอก แต่เดี๋ยวก็คงหาย สุนิสาไปทำงานเถอะ อ้อ ฝาก อีเมล์ ลาพักร้อนให้ฝ่ายบุคคลด้วยนะ”
“ค่ะ แล้วคุณริตา จะลาเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้” หญิงสาวตัดสินใจได้ทันที ว่าเธอกำลังต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ไหวกับทุกเรื่องราวที่กำลังประโคมเข้ามา
ริตาไม่รอฝ่ายบุคคลอนุมัติการลาพักร้อน หญิงสาวกลับถึงคอนโด เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อชุดลายดอกชบา ที่ไม่ได้ใส่มานาน เสื้อแขนกุด เสื้อกล้าม เสื้อคล้องไหล่ ชุดกระโปรงลายลูกไม้ กางเกงขาสั้น ทุกชิ้นมีความสดใส สีสัน รับซัมเมอร์ แต่วันนี้มันคือวันที่1กันยายน เข้าสู่ปลายฝนต้นหนาว ชุดที่เตรียมไปออกจะผิดฤดูกาล คงจะเก็บกด พลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา เพราะไม่ได้หยุดเหมือนใครเขา เธอโดนคำสั่งให้ลุยปิดโปรเจคยักษ์กลางปี ส่วนความรักก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ห้วงนี้ฟิลลิ่งเธอ เหมือนคนทำอะไรขาดๆเกินๆ ของทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าเดินทางสองใบ มันเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายที่กำลังมุ่งหน้าคือทะเล ในหน้าฝน!
‘แม่คะ หนูลางานไปพักผ่อนต่างจังหวัด ถ้ามีอะไรก็ส่งข้อความมาได้ตลอด ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฝากบอกพ่อด้วยจุ๊บๆ”
ริตาเก็บมือถือใส่กระเป๋า เตรียมตัวออกเดินทาง จุดหมายปลายทางคือ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันพักร้อนและการเดินทาง ของสาวโสดกลับมาสู่สถานะนี้ ในรอบ7ปี กำลังเริ่มต้น
ท้องทะเลสีคราม มีคลื่นลมเบาๆ สะท้อนแสงแดด ดูระยิบระยับ หาดทรายมีแนวต้นมะพร้าวไหวเอนตามแรงลม
ทุกสิ่งกำลังรอต้อนรับหญิงสาว ริตาสวมแว่นกันแดดใส่เสื้อดอกฉบาสีชมพูดอกโตๆ รถยนต์เช่าจากสี่แยกไฟแดงหัวหินขับมาถึงบ้านพักตากอากาศบริเวณเขาตะเกียบ
“ถึงเร็วกว่าที่คิดเลยนะครับผม เลขาของคุณนายบอกว่าจะมาถึงสักเย็นๆ”ลุงเหน่ง คนดูแลบ้านพัก ออกมาต้อนรับ พร้อมกับช่วยหญิงสาวยกกระเป๋า
“ตามผมมาทางนี้นะครับ ด้านหน้าที่ติดทะเลห้องเต็มแล้ว ของคุณนาย บ้านหลังนี้ครับ”
“อ้าว ไม่ได้บ้านติดทะเลหรอกเหรอ อ่อ อย่าเรียกคุณนายเลยค่ะหนูเพิ่งจะสามสิบเอง”
ชายสูงวัยพยักหน้า
“ลุงว่าแล้วหน้าคุณนายยังดูเด็กๆ นี่กุญแจนะครับ มีอะไรเรียกลูกสาวลุงได้นะ อยู่ตรงโน้น มันชื่อจิ๋ม พี่สาวมันชื่อแย้ม เวลาเรียกชื่อลูกพร้อมกันคนมองหาพวกมันกันใหญ่” ริตาหัวเราะออกมา เธอเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก ก่อนออกมานั่งเล่นรับลมริมทะเล พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงแดดยามเย็นทอแสงนวลตา ลมโชยเอื่อยๆ ชายหนุ่มสองคน กำลังก่อเตาเตรียมปิ้งอาหารทะเล ที่หน้าบ้านพัก ริตา นั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ห่างจากพวกเขาแค่ประมาณสามเมตร หญิงสาวแอบส่องจากระยะไกล วัยรุ่นพวกนี้น่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ดูแล้วน่าจะมาจากกรุงเทพเหมือนกันกับเธอ
“สวัสดีครับ พี่พักที่นี่ใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาสมทบหิ้วของพะรุงพะรังตะโกนทักทายริตา ที่กำลังจ้องมองอาหารของพวกเขาบนเตา ตาเขม็ง
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ” ริตารู้สึกเขินที่เหมือนไปละลาบละล้วง ส่งสายตาโลมเลียกุ้งกับหมึก จนแทบจืด
“เย็นนี้มาทานซีฟู้ดด้วยกันนะครับ เยอะแยะเลย พวกผมมากันแค่สามคน แต่ซื้อมาเพียบ” หนุ่มน้อยเอ่ยปากชวนด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมีจิตใจดี มีมิตรไมตรี ไม่ได้คิดร้ายอะไร
“ขอบคุณค่ะ พอดีพี่ว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดนัดกลางคืนอยู่พอดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ริตารีบลุกขึ้น เธอเดินกลับไปยังห้องพักหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็ก สวมเสื้อคลุม
จิ๋มรีบกระโดดคร่อมสตาร์ทรถอย่างคล่องแคล่วว่องไว รับอาสาขี่รถมอเตอร์ไซค์พาหญิงสาวซ้อนท้ายไปตลาดนัด ท่าทางกระตือรือร้น ก่อนพ้นสายตา ของหนุ่มๆ วิทย์ ดนัย และโชค กำลังง่วนกับอาหารซีฟู้ดบนเตาปิ้ง ควันโขมงลอยไปในอากาศ ทุกคน เหงื่อซึม กันหมด
“เมื่อกี้ไปชวนพี่เขา เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราอยากรู้จักหรอก แล้วถ้าพี่เขามากับแฟนล่ะ แฟนเขาจะเขม่น เตะนะไอ้วิทย์”
โชคเอะอะที่เห็นเพื่อนชวนริตาคุย อยากทำความรู้จัก
“ห่า กูไม่ได้คิดอะไร ก็ชวนแฟนพี่เขาด้วยสิวะไอ้บ้า งั้นกูเตะก่อนเลยดีไหมสาด” แล้วทั้งคู่ก็วิ่งไล่เตะกันลงทะเล
“เฮ้ยเล่นอะไรกัน มาปิ้งปลาเป็นเพื่อนกูก่อน เฮ้ยกลับมา นั่นเปียกกันหมดแล้วพวกเอ้ย อะไรเนี่ย ทิ้งกูซะแล้ว”เหลือดนัยยืนปิ้งอาหารบนเตาอยู่คนเดียว
แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ริตาสั่งหอยทอดเจ้าดังในตลาด มานั่งละเลียดกินคนเดียวอย่างเหงาๆ ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ฝรั่ง คนไทย จิ๋มทิ้งเธอไว้ตรงนี้ บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมารับ เพราะได้โอกาสแอบพ่อ นัดผู้ชายไว้ที่งานวัด ริตาเริ่มคิดถึงกฤษณ์ อดีตแฟนจับใจ ยิ่งย้ำว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นค่าเขาเลย
ตอนนี้หญิงสาวรู้ซึ้งถึงคำว่าคุณค่าของเขา ถ้าจะส่งไลน์บอกว่า กลับมาเถอะยังทันไหม ดราม่าไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ เขาจากไปแล้วยอมรับมันเถอะริตา หญิงสาวก้มหน้าน้ำตาเอ่อคลอ เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ สวนทางบรรยากาศคึกคัก ผู้คนมากมาย แต่ไร้คนรู้ใจนั่งข้างๆนี่แหละคือการเผชิญหน้ากับความว้าเหว่แท้ๆเมื่อต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง
เช้าวันแรก ของการลาพักร้อนเที่ยวคนเดียวแบบเหงาๆ หญิงสาวลืมตา แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่าง เมื่อวานยังอยู่บนเตียงที่คุ้นเคยในกรุงเทพ เช้านี้มาอยู่บนเตียงนอนแปลกที่ในหัวหินคนเดียว ความรู้สึกต่างที่ต่างถิ่น
ยังไม่ชิน เริ่มก่อตัวทำให้เกิดอาการคิดถึงบ้าน ริตาเริ่มคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงสุนิสา คิดถึงเพื่อนร่วมงาน ป่านนี้จะเป็นยังไง
บ้างนะ ถ้าจะให้อ่านไลน์ เช็คว่าใครส่งข้อความถึงเธอบ้างไหม ก็ไม่อยากอ่าน อยากเก็บตัวเงียบๆแบบนี้ไปสักพัก หญิงสาวสูดลมหายใจ ปรับอารมณ์ ลุกจากเตียง ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัววางแผน วันนี้จะไปเที่ยวที่นี่ให้ทั่วอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาพักร้อน อย่ากังวลต้องใช้เวลาให้คุ้มสิ
“วันนี้คุณนายจะไปเที่ยวที่ไหนครับ ลุงให้เมียทำข้าวต้มกุ้งไว้หม้อใหญ่ ร้อนๆเลยเตรียมไว้ให้ทุกคน ทานก่อนนะครับ เมียลุงแกแม่ครัวเก่า รับรองอร่อยแน่นอน”
“ค่ะคุณลุง น่าทานจัง” ปกติริตาไม่ชอบกินข้าวเช้าหนักๆ มีแค่กาแฟ กับแซนด์วิช ไม่ก็น้ำเต้าหู้ ข้าวเหนียวหมูปิ้งเกรียมๆ แบบฉบับคนเมืองที่รีบเร่งแข่งกับเวลา ตอนนี้รู้สึกชีวิตสโลว์ไลฟ
บอกรักวันพักร้อน Tell Me About Yours Holiday ตอน1 , ตอน2 (มีทั้งหมด 9 ตอน)
ชื่อตอน จุดจบสู่การเริ่มต้นใหม่
ริตา วางปากกาลง เงยหน้า มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เธอขยับแว่นสายตาสำหรับกรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์
ทอดสายตามองดูเมฆสีเทาที่กำลังจับกลุ่มรวมตัวกันเป็นก้อน เวลานี้บนตึกสูงระฟ้า ชั้น24 หญิงสาวนั่งสรุปรายชื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อส่งให้ ผู้บริหารรับทราบหลังประชุมเสร็จสิ้นไปเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา ริตาเริ่มกังวลใจกลัวไปไม่ทันเวลานัดทานอาหารค่ำกับคนพิเศษ ถนนทุกสายในกรุงเทพกำลังคร่าคร่ำไปด้วยรถยนต์ สายฝนเริ่มลงเม็ด เย็นวันศุกร์สิ้นเดือนเช่นนี้ คงไปถึงไม่ทันเวลานัด อย่างแน่นอน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ค่ะ กฤษณ์”
“ผมจะไปถึง ที่ร้านหนึ่งทุ่มนะครับ”
“ได้ค่ะ แต่ริตา น่าจะไปถึงทุ่มกว่าๆนะคะ”
เสียงปลายสายเงียบ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
“ค่ะๆ ริตาจะรีบไปให้ทันหนึ่งทุ่มค่ะ” หญิงสาวตัดบทสนทนาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าปลายสายน่าจะเกิดอาการไม่ค่อยพอใจ
ริตามองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรง เธอมาช้ากว่าเวลานัดถึง1ชั่วโมง ภายในร้านอาหาร มีลูกค้านั่งทานมื้อค่ำและพูดคุยกันเบาๆอยู่3-4โต๊ะเธอนั่งลง ที่เก้าอี้ตรงข้ามชายหนุ่ม ใบหน้าเขาบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“รถติดไฟแดงนานค่ะกฤษณ์” ริตาวางกระเป๋า รู้สึกอึดอัด กระสับกระส่ายที่เห็นสายตาของเขา
“คุณออกมาช้ามากกว่าริตา ผมรู้จักนิสัยคุณดี ฮึ!งานคงสำคัญมากสินะ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงออกแนวประชดนิดๆ
“ค่ะก็สำคัญ เพราะกว่าริตาจะหารายชื่อลูกค้าได้ ต้องรอขอจากฝ่ายการตลาดอีกทีเลยช้า”
“ยอมรับมาแต่แรกเสียก็จบ ผมรู้จักคุณมานานเราเคยมีเวลาให้กันมากแค่ไหนตั้งแต่คุณมาทำงานที่นี่ ผมอดทนได้มาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ เราจะแต่งงานกัน... คือผมว่า มันคงไม่เหมาะแล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงคะ?” ริตา เริ่มเห็นเค้าลางไม่ชอบมาพากล
“ก็หมายความว่า ผมขอเบรคเรื่องงานแต่งงานออกไปก่อน อืม... คือ ไม่มีกำหนด และอีกอย่าง ที่ผมขอเบรค คือผมขอถอยความสัมพันธ์ของเรา ผมว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมจะดีกว่า”
ชายหนุ่มหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นจิบ ท่าทางไม่ค่อยแคร์เธอสักเท่าไหร่
หญิงสาวกุมมือตัวเองแน่น นี่คือการบอกเลิกกันใช่ไหมนะ เธอคิด
“ครับ ผมบอกเลิกคุณ”
ริตาสบตาเขา หัวใจหล่อนแทบหยุดเต้น เหงื่อค่อยๆซึมออกมา แทนความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ นี่เราเป็นอะไร ทำไมมันรู้สึกเจ็บแปลบๆในอกเช่นนี้
“ริตาขอโทษค่ะ” เธอหวังว่าที่เขาพูดออกมาแบบนั้น เป็นเพราะอารมณ์ไม่ดี
“สายไปแล้วครับ ริตา ผมลาก่อน” กฤษณ์ลุกไปจากเก้าอี้ ทิ้งเธอไว้คนเดียว ท่ามกลางแสงเทียน ที่กำลังส่องแสงสลัว นวลตาอยู่กลางโต๊ะ เคล้าเสียงดนตรี และแก้วไวน์ที่ว่างเปล่า
แก้วกาแฟถูกเสริฟ์ ริตามาถึงที่ออฟฟิตแต่เช้า เธอกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า ก่อนก้มลงอ่านรายงานที่ส่งมาจากฝ่ายการตลาด
“คุณริตามาเร็วจัง ดูเครียดๆนะคะเช้าวันนี้” สุนิสาเลขาประจำตัวเธอ พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“งานค้างเยอะเลยรีบมา ตั้งใจว่าจะขอลาพักร้อน อาจจะ1เดือน เลยต้องเคลียร์ให้เสร็จเร็วๆค่ะ” หญิงสาวตอบ
“พักร้อนยาว1เดือน!” เลขาของเธอเสียงสูง
“หืม มีอะไรเหรอสุนิสา” ริตาขมวดคิ้ว
“คือว่าหนูไม่เคยรู้มาก่อนว่า คุณริตาจะอยากพักร้อนยาวขนาดนั้น เพราะเห็นขยันตั้งใจทำงานมากๆ หยุดเสาร์อาทิตย์ยังแวะมาทำงานเลยค่ะ หนูก็เลยตกใจหนักไปหน่อย”
ริตายิ้ม เธออยากพักสมองกับหัวใจ เพิ่งโดนกฤษณ์บอกเลิกเมื่อวาน เลยได้ไอเดียสดๆร้อนๆ ถือโอกาสนี้หนีพักร้อนดีกว่า
“แล้วที่คุณริตา บอกให้หนู หาร้านถ่ายรูปพรีเว้ดดิ้งไว้ ก็ไม่ต้องแล้วอย่างนั้นหรือคะ แล้วดีไซน์เนอร์ ที่รับออกแบบ สถานที่ การ์ด ธีม เสื้อผ้า โรงแรม อาหาร ชุด ดอกไม้ อีกอย่างฤกษ์วันแต่งก็ได้แล้ว ข้าวของกินเลี้ยง งานพิธีทำบุญตอนเช้า ตอนเย็น เรื่องอื่นๆนี่แค่วางมัดจำก็จบแล้วนะคะ อ้อ แล้วที่บอกไว้กับผู้ใหญ่ ฝั่งเราฝั่งเขา...”
“เดี๋ยวๆพอๆ สรุปงานแต่งของพี่หรือของเธอกันแน่จ้ะสุนิสา” ริตายิ้มกว้าง ไม่มีอาการเดือดร้อนใจอะไรแสดงออกมาสักนิด
เลขาสาวห่อไหล่ “ก็หนูตกใจ มันรู้สึกเสียใจ เสียดายแทนเลยค่ะ”
“เข้าใจ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปพบฝ่ายสื่อสารการตลาดหลังพักเที่ยง เตรียมเอกสารให้ด้วย อ้อ! ขอบคุณสำหรับกาแฟอร่อยๆในทุกๆวันนะสุนิสา” ริตาส่งยิ้มให้เลขาสาวอีกครั้งอย่างจริงใจ
ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด ไม่รู้สึกแม้แต่จะเสียใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่อกหักทั่วๆไป
‘หรือจริงๆแล้ว เราไม่ได้รักกฤษณ์ อาจใช่ เรารักงานมากกว่าเขาจริงๆ’
ริตาเกิดความรู้สึกหดหู่ ถูกต้องแล้วที่เขาไปจากเธอ เธอผิดเองจริงๆ สมควรแล้วที่เขาทนไม่ไหวจนต้องขอออกไปจากโลกใบเล็กๆของเธอที่มีแต่งาน มันคือโลกที่เธอไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยจริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------
ประตูลิฟท์เลื่อนเปิด ชลลดาประธานบริษัทหัวหน้าริตาก้าวเท้าเดินออกมา หอบเอกสาร มุ่งหน้าไปทางห้องประชุมที่ตอนนี้มีคนนั่งรออยู่ ก่อนเริ่มห้านาที
“คุณพิพัฒน์มาถึงแล้ว คุณใบหม่อนก็มาแล้ว อ้าว แล้วคุณริตาล่ะคะ” หญิงสาววางปึกเอกสารลงบนโต๊ะ กวาดตามองไปรอบห้อง
“ไม่ทราบครับบอส ” พิพัฒน์ตอบ
“อืม อีกห้านาทีรอก่อน” ชลลดาเปิดแฟ้ม
“บอสครับ นี่คือรายชื่อลูกค้าที่ปฏิเสธมาให้บอสดูครับ ผมทำแบบสอบถาม และสำรวจแล้วพบว่า ลูกค้าเหล่านี้เราควรข้ามไปก่อน ส่วนอันนี้คือชื่อกิจการต่างๆที่ลูกค้าใช้บริการ และเขาสนใจซื้อสินค้าเราแน่นอนครับ”
“ดี”หญิงสาวตอบ
“คุณชลลดาคะ ไลน์จากผู้ช่วยของคุณริตาแจ้งว่า เธอขออนุญาตไม่เข้าประชุมค่ะน่าจะไม่สบาย” ใบหม่อนเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านข้อความ
“อ้าว ริตาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นไรของริตาไว้ก่อน งั้นเริ่มประชุมกันเลยแล้วกันนะ”
ทั้งหมดเริ่มดำเนินการ เปิดแฟ้ม วางกลยุทธ์แผนการตลาด
หลังพักทานข้าวเที่ยงก่อนเริ่มงานช่วงบ่าย ริตา รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน เธอก้มหน้าฟุบไปกับโต๊ะ จู่ๆรู้สึกเหมือนห้องทั้งห้องกำลังหมุนคว้าง
“คุณริตา หนูไลน์ไปบอกคุณใบหม่อนแล้วนะคะว่าคุณริตาไม่เข้าประชุม”
“อืม” หญิงสาวครางในลำคอ ตาไม่ลืม
“ไหวไหมคะคุณริตา เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย”
“อืม รู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่ม เวียนหัว แน่นหน้าอก แต่เดี๋ยวก็คงหาย สุนิสาไปทำงานเถอะ อ้อ ฝาก อีเมล์ ลาพักร้อนให้ฝ่ายบุคคลด้วยนะ”
“ค่ะ แล้วคุณริตา จะลาเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้” หญิงสาวตัดสินใจได้ทันที ว่าเธอกำลังต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ไหวกับทุกเรื่องราวที่กำลังประโคมเข้ามา
ริตาไม่รอฝ่ายบุคคลอนุมัติการลาพักร้อน หญิงสาวกลับถึงคอนโด เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อชุดลายดอกชบา ที่ไม่ได้ใส่มานาน เสื้อแขนกุด เสื้อกล้าม เสื้อคล้องไหล่ ชุดกระโปรงลายลูกไม้ กางเกงขาสั้น ทุกชิ้นมีความสดใส สีสัน รับซัมเมอร์ แต่วันนี้มันคือวันที่1กันยายน เข้าสู่ปลายฝนต้นหนาว ชุดที่เตรียมไปออกจะผิดฤดูกาล คงจะเก็บกด พลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา เพราะไม่ได้หยุดเหมือนใครเขา เธอโดนคำสั่งให้ลุยปิดโปรเจคยักษ์กลางปี ส่วนความรักก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ห้วงนี้ฟิลลิ่งเธอ เหมือนคนทำอะไรขาดๆเกินๆ ของทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าเดินทางสองใบ มันเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายที่กำลังมุ่งหน้าคือทะเล ในหน้าฝน!
‘แม่คะ หนูลางานไปพักผ่อนต่างจังหวัด ถ้ามีอะไรก็ส่งข้อความมาได้ตลอด ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฝากบอกพ่อด้วยจุ๊บๆ”
ริตาเก็บมือถือใส่กระเป๋า เตรียมตัวออกเดินทาง จุดหมายปลายทางคือ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันพักร้อนและการเดินทาง ของสาวโสดกลับมาสู่สถานะนี้ ในรอบ7ปี กำลังเริ่มต้น
ท้องทะเลสีคราม มีคลื่นลมเบาๆ สะท้อนแสงแดด ดูระยิบระยับ หาดทรายมีแนวต้นมะพร้าวไหวเอนตามแรงลม
ทุกสิ่งกำลังรอต้อนรับหญิงสาว ริตาสวมแว่นกันแดดใส่เสื้อดอกฉบาสีชมพูดอกโตๆ รถยนต์เช่าจากสี่แยกไฟแดงหัวหินขับมาถึงบ้านพักตากอากาศบริเวณเขาตะเกียบ
“ถึงเร็วกว่าที่คิดเลยนะครับผม เลขาของคุณนายบอกว่าจะมาถึงสักเย็นๆ”ลุงเหน่ง คนดูแลบ้านพัก ออกมาต้อนรับ พร้อมกับช่วยหญิงสาวยกกระเป๋า
“ตามผมมาทางนี้นะครับ ด้านหน้าที่ติดทะเลห้องเต็มแล้ว ของคุณนาย บ้านหลังนี้ครับ”
“อ้าว ไม่ได้บ้านติดทะเลหรอกเหรอ อ่อ อย่าเรียกคุณนายเลยค่ะหนูเพิ่งจะสามสิบเอง”
ชายสูงวัยพยักหน้า
“ลุงว่าแล้วหน้าคุณนายยังดูเด็กๆ นี่กุญแจนะครับ มีอะไรเรียกลูกสาวลุงได้นะ อยู่ตรงโน้น มันชื่อจิ๋ม พี่สาวมันชื่อแย้ม เวลาเรียกชื่อลูกพร้อมกันคนมองหาพวกมันกันใหญ่” ริตาหัวเราะออกมา เธอเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก ก่อนออกมานั่งเล่นรับลมริมทะเล พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงแดดยามเย็นทอแสงนวลตา ลมโชยเอื่อยๆ ชายหนุ่มสองคน กำลังก่อเตาเตรียมปิ้งอาหารทะเล ที่หน้าบ้านพัก ริตา นั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ห่างจากพวกเขาแค่ประมาณสามเมตร หญิงสาวแอบส่องจากระยะไกล วัยรุ่นพวกนี้น่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ดูแล้วน่าจะมาจากกรุงเทพเหมือนกันกับเธอ
“สวัสดีครับ พี่พักที่นี่ใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาสมทบหิ้วของพะรุงพะรังตะโกนทักทายริตา ที่กำลังจ้องมองอาหารของพวกเขาบนเตา ตาเขม็ง
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ” ริตารู้สึกเขินที่เหมือนไปละลาบละล้วง ส่งสายตาโลมเลียกุ้งกับหมึก จนแทบจืด
“เย็นนี้มาทานซีฟู้ดด้วยกันนะครับ เยอะแยะเลย พวกผมมากันแค่สามคน แต่ซื้อมาเพียบ” หนุ่มน้อยเอ่ยปากชวนด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมีจิตใจดี มีมิตรไมตรี ไม่ได้คิดร้ายอะไร
“ขอบคุณค่ะ พอดีพี่ว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดนัดกลางคืนอยู่พอดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ริตารีบลุกขึ้น เธอเดินกลับไปยังห้องพักหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็ก สวมเสื้อคลุม
จิ๋มรีบกระโดดคร่อมสตาร์ทรถอย่างคล่องแคล่วว่องไว รับอาสาขี่รถมอเตอร์ไซค์พาหญิงสาวซ้อนท้ายไปตลาดนัด ท่าทางกระตือรือร้น ก่อนพ้นสายตา ของหนุ่มๆ วิทย์ ดนัย และโชค กำลังง่วนกับอาหารซีฟู้ดบนเตาปิ้ง ควันโขมงลอยไปในอากาศ ทุกคน เหงื่อซึม กันหมด
“เมื่อกี้ไปชวนพี่เขา เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราอยากรู้จักหรอก แล้วถ้าพี่เขามากับแฟนล่ะ แฟนเขาจะเขม่น เตะนะไอ้วิทย์”
โชคเอะอะที่เห็นเพื่อนชวนริตาคุย อยากทำความรู้จัก
“ห่า กูไม่ได้คิดอะไร ก็ชวนแฟนพี่เขาด้วยสิวะไอ้บ้า งั้นกูเตะก่อนเลยดีไหมสาด” แล้วทั้งคู่ก็วิ่งไล่เตะกันลงทะเล
“เฮ้ยเล่นอะไรกัน มาปิ้งปลาเป็นเพื่อนกูก่อน เฮ้ยกลับมา นั่นเปียกกันหมดแล้วพวกเอ้ย อะไรเนี่ย ทิ้งกูซะแล้ว”เหลือดนัยยืนปิ้งอาหารบนเตาอยู่คนเดียว
แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ริตาสั่งหอยทอดเจ้าดังในตลาด มานั่งละเลียดกินคนเดียวอย่างเหงาๆ ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ฝรั่ง คนไทย จิ๋มทิ้งเธอไว้ตรงนี้ บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมารับ เพราะได้โอกาสแอบพ่อ นัดผู้ชายไว้ที่งานวัด ริตาเริ่มคิดถึงกฤษณ์ อดีตแฟนจับใจ ยิ่งย้ำว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นค่าเขาเลย
ตอนนี้หญิงสาวรู้ซึ้งถึงคำว่าคุณค่าของเขา ถ้าจะส่งไลน์บอกว่า กลับมาเถอะยังทันไหม ดราม่าไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ เขาจากไปแล้วยอมรับมันเถอะริตา หญิงสาวก้มหน้าน้ำตาเอ่อคลอ เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ สวนทางบรรยากาศคึกคัก ผู้คนมากมาย แต่ไร้คนรู้ใจนั่งข้างๆนี่แหละคือการเผชิญหน้ากับความว้าเหว่แท้ๆเมื่อต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง
เช้าวันแรก ของการลาพักร้อนเที่ยวคนเดียวแบบเหงาๆ หญิงสาวลืมตา แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่าง เมื่อวานยังอยู่บนเตียงที่คุ้นเคยในกรุงเทพ เช้านี้มาอยู่บนเตียงนอนแปลกที่ในหัวหินคนเดียว ความรู้สึกต่างที่ต่างถิ่น
ยังไม่ชิน เริ่มก่อตัวทำให้เกิดอาการคิดถึงบ้าน ริตาเริ่มคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงสุนิสา คิดถึงเพื่อนร่วมงาน ป่านนี้จะเป็นยังไง
บ้างนะ ถ้าจะให้อ่านไลน์ เช็คว่าใครส่งข้อความถึงเธอบ้างไหม ก็ไม่อยากอ่าน อยากเก็บตัวเงียบๆแบบนี้ไปสักพัก หญิงสาวสูดลมหายใจ ปรับอารมณ์ ลุกจากเตียง ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัววางแผน วันนี้จะไปเที่ยวที่นี่ให้ทั่วอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาพักร้อน อย่ากังวลต้องใช้เวลาให้คุ้มสิ
“วันนี้คุณนายจะไปเที่ยวที่ไหนครับ ลุงให้เมียทำข้าวต้มกุ้งไว้หม้อใหญ่ ร้อนๆเลยเตรียมไว้ให้ทุกคน ทานก่อนนะครับ เมียลุงแกแม่ครัวเก่า รับรองอร่อยแน่นอน”
“ค่ะคุณลุง น่าทานจัง” ปกติริตาไม่ชอบกินข้าวเช้าหนักๆ มีแค่กาแฟ กับแซนด์วิช ไม่ก็น้ำเต้าหู้ ข้าวเหนียวหมูปิ้งเกรียมๆ แบบฉบับคนเมืองที่รีบเร่งแข่งกับเวลา ตอนนี้รู้สึกชีวิตสโลว์ไลฟ