1) “เรเซ่” สาวน้อยพราวเสน่ห์ที่เป็นเจ้าของเรื่องราวในภาคนี้ แม้ว่าจากตัวอย่างอนิเมชั่นที่ปล่อยออกมาหรือคนที่อ่านฉบับมังงะมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่าตัวเธอเป็นทั้งตัวเอกและตัวร้ายของเรื่อง แต่ทว่าความน่าสนใจอยู่ตรงที่แทบไม่มีใครเกลียดหรือโกรธตัวละครนี้หลังจบเรื่อง กลับกันคงต้องบอกว่าสิ่งที่เรเซ่แสดงออกมาในเรื่องกลับฝังลึกอยู่ในใจของผู้ชมอย่างแนบแน่น (โดยเฉพาะเหล่าชายชาตรีทั้งหลาย)
.
2) แต่สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคงหนีไม่พ้นเรื่องของงานภาพที่มีสุนทรียแบบภาพยนตร์ ทั้งแสง สี เงา มุมกล้อง และภาษาภาพ ซึ่งอาจจะเป็นอิทธิพลของตัวผู้เขียนอย่าง “ฟูจิโมโตะ ทัตสึกิ” (Fujimoto Tatsuki) ที่มักให้ความสำคัญกับความละเอียดละไมในการใช้ศิลปะทางภาพยนตร์มาอยู่ในผลงานอยู่แล้ว ทั้งงานก่อนหน้าอย่าง Look Back (2024) เองก็เช่นกัน หรือแม้แต่ใน Reze Arc ก็มีฉากที่ “เด็นจิ” (Toya Kikunosuke) กับ “มาคิมะ” (Kusunoki Tomori) เข้าไปชมภาพยนตร์ในโรงหนังด้วยกันอยู่ เหมือนว่า อ.ฟูจิโมโตะ ต้องการสอดแทรกสัญลักษณ์ทางภาพยนตร์เข้าไปในผลงานของเขาอยู่เสมอ
.
3) ทว่าเนื้อแท้ของ Chainsaw Man The Movie: Reze Arc ก็ยังคงเป็นแอคชั่นอนิเมชั่นอยู่วันยังค่ำ แม้ในช่วงแรกที่เป็นส่วนของเนื้อเรื่องสุดหวานปานจะกลืนกินของเรเซ่ (Ueda Reina) ที่ขโมยหัวใจของเด็นจิไปจนสิ้น แต่เมื่อเรื่องได้พลิกผันตอนกลางเรื่อง มันก็ได้กลายเป็นฉากแอคชั่นระหว่างเรเซ่และเด็นจิที่บ้าพลังและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ สตูดิโอผู้สร้างอย่าง MAPPA ได้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า งานของพวกเขายังคงยกระดับตัวอนิเมชั่นให้ชวนอ้าปากค้างได้เสมอ
.
4) ลองคิดเล่นๆ ว่า หากตัวเรื่องเก็บเงื่อนงำที่ว่าเรเซ่เป็นมนุษย์ปีศาจไว้แบบมิดชิดสุดๆ มันคงหักอกผู้ชมได้อย่างเจ็บแสบ แต่จะว่าก็ว่ามันก็ขัดกับประเด็นของเรื่องที่บอกว่า จะไม่มีใครเข้าหาเด็นจิของเราโดยบริสุทธิ์ใจหรือหลงเสน่ห์ในตัวของหมอนี่อยู่แล้ว แน่นอนการที่เรเซ่เข้ามาตีสนิทเหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่ท้องพ่อท้องแม่แบบนี้ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ๆ แต่ถามว่าพ่อหนุ่มเด็นจิจะรู้ตัวไหม ก็คงต้องตอบว่าไม่ (น่าเสียดายที่เหตุผลของภารกิจดูเบาบางและเข้าใจยากไปสักหน่อย)
.
5) อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับอนิเมชั่นนั่นก็คือ เพลงประกอบเรื่อง ซึ่งได้ “โยเนะซุ เค็นชิ” (Yonezu Kenshi) มาร้องให้เช่นเคย หลังจากที่ร้องเพลงเปิดของซีซั่นแรกอย่าง Kick Back ไปแล้ว และสิ่งที่แฟนๆ ให้ความสนใจถัดมาเห็นทีจะเป็นการที่ได้นักร้องหญิงระดับขึ้นหิ้งของญี่ปุ่น “อุทาดะ ฮิคารุ” (Utada Hikaru) มาร่วมร้องในเพลงปิดชื่อว่า Jane Doe อีกด้วย กลายเป็นกระแสที่ทำให้เพลงประสบความสำเร็จไม่แพ้ตัวอนิเมชั่นเลย แน่นอนว่าเพลงเปิดอย่าง Iris Out เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
.
6) คำถามสำคัญอย่างสุดท้ายเป็นคำถามคลาสสิกที่ว่า “ถ้าไม่เคยดูฉบับทีวีซีรีส์” มาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม อาจจะต้องตอบว่า คงจะไม่สามารถเข้าใจรายละเอียดหลายๆ อย่างได้ โดยเฉพาะเรื่องราวของแต่ละตัวละคร รวมถึงองค์ประกอบด้านเนื้อเรื่องหลายๆ ส่วน แต่ส่วนที่เป็นประเด็นสากลเรื่องความแตกต่างของ “หนูนากับหนูเมือง” ที่น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นส่วนนึงของนัยยะของ Chainsaw Man ที่พูดถึงระบบสังคม การทำงานและการใช้ชีวิต ทำให้มันมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอนิเมชั่นแนวแอคชั่นโชเน็น ที่มักมีเป้าหมายเป็นการเอาชนะอุปสรรคไปพร้อมๆ กับผองเพื่อนด้วยพลังใจและพลังสามัคคี
Story Decoder
[รีวิว] Chainsaw Man The Movie: Reze Arc - นิทานรักจากหนูนาผู้มาฝากฝังความรู้สึกที่ทั้งหวานทั้งขมเอาไว้
Story Decoder