หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 50 (1/3)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ







หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 50




เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเอื้อยมาถึงมูนไลท์ ผับชื่อดังที่ถูกปิดตัวลงสำหรับการค้นหาหลักฐาน หญิงสาวลงจากรถทันทีเมื่อรถจอดสนิท ร่างบางเดินตรงไปยังที่หมายเพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นของคุณนายแห่งมูนไลท์ รอบกายเธอรายล้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหลายนายที่ทำหน้าที่ให้ความปลอดภัยเธอระหว่างปฏิบัติงาน เพราะแม้ว่าที่นี่จะไร้เงาของเจ้าของ แต่ความเงียบสนิทนั้นไม่ได้เป็นการรับประกันว่าไม่มีคนของลูกน้องดาราคนไหนหลงเหลืออยู่
แต่หญิงสาวไม่ค่อยมีจิตใจในการทำงานครั้งนี้นัก เพราะยังคิดถึงเหตุการณ์ในวันที่ผ่านมา

หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวจากชายหนุ่มแล้ว มันทำให้รู้แจ้งว่าความแค้นแค้นที่ล้วนเกิดจากความโง่เขลาไร้หัวคิดมีแต่จะทำให้ชีวิตของตัวเองตกต่ำ และนั่นคงเป็นสิ่งที่คุณนายต้องการ ในเมื่อของเธอเกิดแค่กับตัวเธอ ก็ขอมันไหลไปกับกาลเวลา  และเธอจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมให้สมกับความตั้งใจของพ่อที่ทำให้ครอบครัวก่อนตาย    

การตัดสินใจเฉียบพลันทำให้เธอเลือกที่จะช่วยชีวิตผู้ชายที่เคยกระทำการอุบาทว์กับร่างกายตัวเองเมื่อรู้ว่าลูกสมุนของคุณนายต้องการยืมมือเธอฆ่าชายแก่ร่างท้วม เอื้อยตัดสินใจยิงปุ่มเตือนภัยเพลิงไหม้เพื่อสร้างความวุ่นวายและหาทางหนีรอดให้กับตาแก่บ้ากาม แต่ก็ไม่คาดคิดว่าดวงของเสี่ยบัญชาจะถึงฆาต

หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่เห็นชายหนุ่มอีกเลย เขาทำตามคำขอได้ดีเสียจนเธอคิดว่าเขาคงสลายกลายเป็นฟองอากาศ และตอนนี้เธอเองก็กำลังทำตามคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขาเช่นกัน เอื้อยเดินขึ้นบันไดไปบริเวณชั้นสองภายในมูนไลท์ที่สงบเงียบไม่เหมือนกับยามที่มันเปิดทำการ  คุณนายคงไม่มีโอกาสได้กลับที่นี่ เพราะตำรวจวางกำลังซุ่มจับตัวผู้หญิงที่มีชื่อปรากฏในหลักฐาน หากคุณนายปรากฏตัว เธอก็จะโดนจับกุมทันที

“ถ้าพวกคุณได้ตัวคุณนายไปแล้ว...เธอจะโดนอะไรบ้าง” เอื้อยพูดพลางเดินนำเจ้าหน้าที่ขึ้นไปยังห้องกระจกชั้นสอง

“อันดับแรกจะสอบสวนตามขั้นตอน แล้วยื่นฟ้องศาลขอคำพิพากษา หากผิดจริงเธอจะถูกลงโทษเนื้อความของการกระทำผิด” เจ้าหน้าที่อธิบายพลางสอดส่ายสายตาระวังภัย

“แต่เท่าที่รู้ตอนนี้คุณนายของเธอคงต้องโทษหนักทีเดียว ทั้งขายยา และฆ่าคน ไม่พ้นโทษประหารหรอก”

เอื้อยรู้สึกใจแป้วเมื่อนึกถึงใบหน้าแสนสวยของผู้หญิงที่เธอรักเหมือนพี่สาวผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยามเธอตกอับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมอบความรักและความเชื่อใจให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่พี่สาวคนนี้ทำไมถึงใจร้ายนัก ไม่นึกเลยว่าคุณนายกระทำการทุกอย่างโดยตั้งใจและหวังแค่การแก้แค้นที่พวกเธอไม่เคยได้รับรู้เหตุผล แต่พ่อของเธอไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับความแค้นของคุณนายหรือ คุณนายถึงได้ต้องการให้ครอบครัวของเธอตายไปจากโลกนี้

“เรื่องข้อความที่อยู่ในหลักฐาน ตอนนี้ทางตำรวจได้ข้อมูลอะไรมากขึ้นหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามถึงความคืบหน้าของการสืบสวน

“เสียใจ แต่ฉันยังบอกเธอเรื่องนี้ไม่ได้...เธอจะได้รู้อีกครั้งตอนที่มีการสอบสวนพยาน”

แม้จะเป็นคำตอบที่เธอรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังมิวายถาม กระดาษแผ่นน้อยที่พ่อของเธอส่งให้กับป๋องกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังเอามาคืนให้เธอด้วยมือของเขาเองตามสัญญา หญิงสาวทอดถอนหายใจแล้วว่ากล่าวตัวเองที่เอาเขาย้อนกลับเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง เอื้อยสะบัดเอาภาพใบหน้าของเขาออกแล้วเอื้อมมือจับลูกบิดหมุนเปิดเข้าสู่ห้องทำงานของผู้บริหารมูนไลท์

“คุณนายไม่ได้เอาของส่วนตัวไว้ที่นี่มากนักหรอกค่ะ” เอื้อยเอ่ยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเมื่อเขาเดินตามเข้ามา “ฉันเกรงว่าพวกคุณจะไม่ได้อะไรกลับไป”

“หน้าที่ของเธอคือบอกเราว่าอะไรคือสิ่งของคุณนายดาราเท่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปค้นโต๊ะทำงานตัวนั้นได้เลย” เอื้อยเอ่ยพลางพยักพเยิดใบหน้าแล้วเดินไปหยุดที่หน้าต่างบานที่คุณนายชอบยืนมอง ภาพผับเบื้องล่าง ในมุมมองเดียวกับคุณนาย เธอสามารถเห็นผับทั้งผับอยู่ในสายตาย โดยเฉพาะเวทีขนาดใหญ่

แปลกใจนักที่เธอรูสึกเศร้าเมื่อมองเวทีที่ไร้แสงไฟ โต๊ะและเก้าอี้ที่ยกขึ้นคว่ำ แก้วเบียร์ที่ถูกวางเกลื่อนกราด เอื้อยผูกพันกับมูนไลท์ไปแล้ว แม้ที่นี่มันคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บช้ำ เธอยังจำวันแรกที่เข้ามาเหยียบย่ำที่นี่ได้ นักเรียนหญิงในชุดสถาบันพาณิชย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณนายแห่งมูนไลท์ตื่นตาตื่นใจกับการเต้นของเหล่าหญิงสาวบนเวที และโชว์แรกของเธอก็สร้างความประทับใจให้กับแขกทั้งหลายได้รับสมญา
‘ดาวเด่นแห่งมูนไลท์’

แม้ในตอนนั้นเธอจะภาคภูมิใจในตำเหน่งที่ได้มาเพราะคิดว่าผู้ชมชื่นชอบการเต้นของเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอถึงรู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย แต่เพราะเนื้อหนังมังสาของเธอต่างหากที่ดึงดูดสายตาของชายหื่นทั้งหลายให้หลั่งไหลเข้ามาจ่ายเงินค่าแอลกอฮอล์แสนเพียงเพียงเพื่อดูเธอเต้นด้วยท่าทางยั่วยวน

หญิงสาวถอนหายใจเสียงยาวแล้วใช้มือเรียวยกขึ้นเสยผมที่ปล่อยสยาย พลันเกิดเสียงกระพรวนที่แสนไพเราะ มันคงอยากปลอบเธอว่าอย่าเศร้าไปเลย เพราะชีวิตเธอไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป วันนี้เธอจะได้เป็นอิสรภาพจากความทุกข์โศกทุกอย่าง การได้พูดคุยกับแม่และน้องที่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ทำให้เธอสบายใจว่าพวกเขาอยู่สุขสบายและก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เงินที่สะสมมาก็เพียงพอกับการส่งเสียน้องๆ ให้จบการศึกษา ดังนั้นเธอพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินตามฝันของตัวเอง

เสียงสายเรียกเข้าเป็นเพลงบรรเลงไพเราะดังขึ้น หญิงสาวดูชื่อของคนที่ต้องการคุยกับเธอแล้วรับสายนั้นทันที

“สวัสดีค่ะ คุณซ้อมแข่งเสร็จแล้วหรือคะ เอื้อยยังไม่เสร็จธุระเลยค่ะ แต่ยังไงเอื้อยจะไปให้ทันนัดของเราคืนนี้แน่นอน ถ้ากลับถึงคอนโดของคุณเมื่อไหร่เอื้อยจะรีบโทรบอกทันที”

“เราไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเลยครับผู้กอง” เสียงเจ้าหน้าที่ดังขึ้น

เอื้อยวางสายนั้นแล้วหันไปมองเหล่าผู้ชายในเครื่องแบบที่กำลังรื้อค้นข้าวของในห้องทำงานของดาราซึ่งมันเป็นอย่างที่เธอคิด คุณนายไม่เก็บอะไรไว้ที่นี่ แม้เธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธอที่นี่ก็ตาม แต่เอื้อยมักจะลอบเห็นว่าดารามักนั่งเหม่อลอยเสียมากกว่า งานด้านการเงินต่างๆ ก็มอบหมายให้ลูกน้องหัวทองจัดการหมด พูดได้เลยว่าถ้าไม่มีคุณนาย คนที่จะบริหารมูนไลท์ได้ดีกว่าเสี่ยก็คือชายหัวทองนั่นเอง

“ฉันจะพาพวกคุณไปที่คฤหาสน์ของเสี่ยบัญชา ที่นั่นอาจมีสิ่งที่พวกคุณต้องการ”

“แต่พรุ่งนี้ทางกรมมีแผนจะเข้าไปตรวจค้นที่นั่นอยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่ที่มียศสูงที่สุดในที่นั้นเอ่ย

“ถ้ารอให้ถึงพรุ่งนี้ บางทีอาจจะมีใครแอบเข้าไปทำลายหลักฐานนะคะ”

เธอมีเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายในเครื่องแบบทั้งหลายเชื่อ แม้ว่าคฤหาสน์หลังนั้นจะถูกตีเส้นเป็นเขตหวงห้าม แต่หากมันเคยเป็นของคุณนายดาราที่เลี้ยงอดีตสมุนของนายพนาล่ะก็อะไรก็เกิดขึ้นได้

เมื่อเจ้าหน้าที่นำเธอมาถึงคฤหาสน์หลังโตที่กลายเป็นคฤหาสน์ร้าง เอื้อยเดินวนเวียนไปรอบห้องที่คิดว่าเป็นห้องทำงานของคุณนาย หญิงสาวเองก็กวาดสายตาช่วยมองหาสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นหลักฐานได้ แต่ก็ไม่พบอะไรที่นี่เช่นกัน

    หญิงสาวเดินออกจากห้องทำงานไปตามห้องต่างๆ พลางคิดว่าถ้าผู้หญิงอย่างเธอชอบเก็บสิ่งสำคัญไว้ที่ไหน เมื่อนึกได้เธอจึงลองเข้าไปยังห้องนอนของคุณนายแต่มันกลับถูกล็อคเอาไว้

    “เหลือแค่ห้องนี้แหละ” ผู้กองตามมายืนข้างเธอ เขาจับลูกบิดขยับไปมาแล้วเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมาพร้อมกับอุปกรณ์การงัดแงะ เมื่อประตูถูกเปิดกว้าง สิ่งที่พวกเขาพบคือห้องนอนที่แสนเรียบง่าย เจ้าหน้าที่ที่เหลือตามมาสมทบแล้วเริ่มทำการตรวจค้นหา

    “ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงสวยๆ จะร้ายถึงขนาดนี้ ดูสิ เธอไม่เหลืออะไรไว้ทั้งสิ้นเลย” มีเสียงพูดจากันระหว่างปฏิบัติงาน

    “อ้าว ก็อย่างที่เขาว่ากันไงล่ะ กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลมคม”

    “อย่ามัวแต่พูดกัน รีบเร่งมือเร็วเข้า เราต้องรายงานสารวัตรถึงผลการตรวจค้น” ผู้กองเอ่ยเตือนแล้วมาหันมาทางหญิงสาวคนเดียวของที่นี่ “เธอมีข้อมูลอะไรที่จะทำให้สาวถึงประวัติของคุณนายดาราคนนี้อีกหรือเปล่า”  

    เอื้อยใช้ความคิดแล้วเอ่ยตอบ “ฉันเคยได้ยินเสี่ยพูดว่าคุณนายเคยพักอยู่ที่ห้องเช่าที่ฉันอยู่”

    “ถ้าอย่างนั้นเราจะไปสอบถามคนแถวนั้นในคราวหลัง” เขาเอ่ยด้วยท่าทีครุ่นคิด “วันนี้เราขอบใจเธอมากที่ให้ความร่วมมือ ตามจริงแล้วหากไอ้หัวทองไม่ยิงตัวตายเสียก่อน เธอคงต้องเสี่ยงอันตรายในการช่วยเก็บหลักฐานและลายนิ้วมือของคุณนาย”

    หญิงสาวยิ้มเพียงนิด “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ที่ฉันทำก็เพื่อช่วยเหลือสายลับของคุณเท่านั้นเอง”

    “สายลับ? อ๋อ เด็กหนุ่มคนนั้น...”

    “ฉันฝากอะไรถึงเขาหน่อยได้ไหมคะ...” เอื้อยพูดพลางก้มหน้าบีบมือตัวเองเมื่อนึกถึงชายหนุ่ม “ฝากบอกเขาว่า...ฉันไม่ต้องการให้เขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบชีวิตของฉันที่เกิดขึ้นจากเรื่องในอดีต และฉันไม่โกรธเคืองที่เขาเป็นต้นเหตุของชีวิตรันทดในช่วงเวลาที่ผ่านมา  แต่กลับขอบคุณที่ช่วยให้ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าไม่มีเขาฉันก็คงเป็นแค่ผู้หญิงติดยาไร้อนาคตคนหนึ่ง”

    “ทำไมเธอไม่บอกเขาเองล่ะ” เจ้าหน้าที่คนนั้นเอ่ยถาม

    หญิงสาวยิ้มแล้วส่ายหน้า “ฉันเกือบจะฆ่าคนที่มีพระคุณขนาดนั้น ฉันไม่กล้าพบเขาหรอกค่ะ”

    “ผู้กองครับ เราค้นเจอบางอย่างแล้วครับ !” เสียงตะโกนบอกของผู้ใต้บังคับบัญชาดังขึ้น คนที่เป็นหัวหน้าหันไปพยักพเยิดให้แล้วหันกลับมายังหญิงสาว

    “เธอมีอะไรฝากอีกไหม”

    “ฉันฝากบอกเขาว่า...น้องสาวคนนี้จะนับถือและศรัทธาเขาเป็นดั่งพี่ชายเสมอ...”

    เสียงฝีเท้าหนักนอกห้องทำให้เอื้อยหันไปมองแต่ไม่มีเงาของใคร ทว่าเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์กับเสียงเร่งเครื่องทำให้เธอต้องรีบวิ่งออกไปนอกคฤหาสน์ มอเตอร์ไซค์สีดำวาววิ่งออกไปด้วยความเร็วและแผ่นหลังของผู้ขับขี่คนนั้นที่เธอจำได้ดีว่าเขาเป็นใคร เอื้อยน้ำตารื้นและตื้นตันใจนักที่เขายังคงคอยติดตามดูแลเธออยู่เสมอโดยไม่ให้เห็นหน้า แต่เป็นแบบนี้ดีแล้ว ได้แต่หวังให้เขาจะเข้าใจในสิ่งที่เธอฝากบอกผ่านเจ้าหน้าที่

“ลาก่อนค่ะคุณกลาง ขอบคุณความอบอุ่นที่เคยมอบให้ผู้หญิงคนนี้”
       
    คำสั่งลาจากหัวใจที่จำต้องตัดใยความสัมพันธ์เส้นหนึ่งเพื่อผูกใหม่ด้วยเส้นที่เหนียวแน่นกว่า ความรักแบบใหม่ที่เธอมีให้เขาจะเป็นรักที่ยืนยาวและมั่นคง นั่นคือการยกย่องเทิดทูนให้เขาเป็นผู้กู้ชีวิตที่เธอจะให้ความศรัทธาตลอดไป แต่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่อาจมีวันแตกหักและแยกจากกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่