สวัสดีทุกคนครับ
ผมอยากจะเล่าถึงประสบการณ์การเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือเรียกสั้นๆว่า OSA)
ผมเป็นผู้ชายที่ชอบออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก สุขภาพค่อนข้างแข็งแรง ไม่เคยมีโรคอะไรร้ายแรงยกเว้นที่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้าตรวจพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไปตรวจร่างกายหลายๆอย่างก็ไม่พบความผิดปกติ จึงทำได้แค่กินยาเพื่อประคองอาการความดันสูง พอช่วงเรียนจบมาทำงาน เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วนอนห้องเดียวกัน เพื่อนจะบ่นให้ฟังว่าเรานอนกรน ไม่อยากจะนอนห้องเดียวกัน แต่เราก็คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็นอนกรน ไม่น่าจะเป็นอะไร
หลังจากเรียนจบก็ทำงานบริษัทตามปกติ มีอยู่ช่วงนึงที่ทำงานไปแล้วรู้สึกเหนือยมาก นั่งทำงานอยู่บางทีวูบหลับไปคาโต๊ะทำงาน เลิกงานกลับบ้านมานอนวันนึงไม่ต่ำกว่า 7- 8 ชั่วโมง แต่ก็ยังรู้สึกง่วงในเวลาทำงาน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่อยากไปไหน อยากจะนอนอย่างเดียว วันหยุดบางวันนอนวันละ 3 ครั้ง (กลางคืน,สาย,บ่าย) ออกกำลังกายก็ทำได้น้อยลง รู้สึกว่าเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แค่เดินขึ้นสะพานลอยก็เหนื่อยแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนวิ่งได้วันละเป็น 10 กิโล สามารถนอนหลับได้ทุกที่ ไปเตะบอลนั่งข้างสนามก็หลับได้ นั่งรถไม่ถึง 5 นาทีก็หลับ
มีอยู่วันนึงเพื่อนร่วมงาน เค้าบอกว่าเค้าง่วงนอนแบบผิดปกติจะไปทำ sleep test ผมเลยสนใจที่จะไปทำ เพราะคิดว่าตัวเองก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน เพราะเหมือนนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ เวลาตื่นนอนก็มักจะปวดหัว ไม่ค่อยสดชื่นด้วย
ซึ่งผมก็ไปทำ sleep test โดยนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน ผลออกมาคือผมหยุดหายใจมากกว่า 40 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าปกติคนทั่วไปควรหยุดหายใจไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมง หมอวินิจฉัยว่าผมป่วยเป็นโรคOSA ขั้นรุนแรง (หยุดหายใจมากกว่า 30 ครั้งคือขั้นรุนแรง)
ซึ่งการรักษาคุณหมอแนะนำให้ใช้เครื่อง CPAP ต้องใส่หน้ากากเวลานอน
หน้าตา CPAP จะประมาณนี้ครับ

ซึ่งหลังจากผมได้ทดลองใช้ CPAP 1 เดือน พบว่าตัวเองสุขภาพดีขึ้นมาก ความดันโลหิตลดลง ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนเดิม ไม่มีอาการปวดหัวหลังตื่นนอน ความจำก็ดีขึ้น เพิ่งจะมีความรู้สึกว่าตื่นนอนแล้วสดชื่นเป็นยังไง ตอนนี้ถ้าไม่ใช้ CPAP ความรู้สึกผมเหมือนว่าการนอนเป็นการทรมานตัวเองมากกว่าการพักผ่อนเลยครับ
ที่ผมเขียนบทความนี้เพราะอยากให้คนที่สงสัยว่าจะเป็นโรค OSA รีบไปตรวจกับแพทย์ครับ (ควรไปตรวจกับแพทย์ หู คอ จมูก และเป็นโรงพยาบาลที่ทำ Sleep test ได้) เพราะถ้าปล่อยไว้จะมีอันตราย
OSA ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง ถ้าไม่ได้รักษา เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจวาย
- โรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน , เส้นเลือดในสมองแตก
- โรคต้อหินที่ตา (ถ้าเกิดแล้วอาจทำให้ตาบอดได้ )
- โรคเบาหวาน
- โรคซึมเศร้า (ในต่างประเทศ พบว่าคนเป็นโรค OSA มี percent ที่จะฆ่าตัวตายสูงกว่าคนทั่วไป)
ซึ่งจากที่ผมพบมาบางคนหลังจากใช้ CPAP แค่ 3 วัน ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงจาก 140 เหลือ 100 , บางคนก่อนใช้ CPAP ต้องใส่แว่น พอใช้ CPAP สายตาดีขึ้น จนไม่ต้องใส่แว่น
หลายคนบอกว่าหลังจากรักษา OSA แล้วจะเหมือนได้ชีวิตใหม่เลยครับ สุขภาพกาย สุขภาพจิต ดีขึ้นมาก
คนที่ควรทำการตรวจ Sleep test
- คนที่นอนตื่นมาแล้วไม่สดชื่น ง่วงนอนในเวลากลางวัน ทั้งที่นอนตอนกลางคืนเยอะ
- คนที่นอนตื่นมาแล้วปวดหัว
- ความดันสูงโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ไม่มีสมาธิขี้ลืม
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
- กรนเสียงดัง . กรนเสียงไม่ดังแต่กรนถี่ (คนนอนกรน ไม่ได้เป็นโรค OSA ทุกคนนะครับ บางคนกรนแต่ไม่เป็นโรคก็มี)
โรคนี้บางคนเป็นแล้วไม่กรนก็มีนะครับ แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย
โรงพยาบาลบางส่วนที่สามารถทำ sleep test ได้ (มีมากกว่านี้นะครับ ผมแค่ยกตัวอย่าง)
รพ. รามา, รพ.ศิริราช, รพ.จุฬา,รพ.พระมงกุฏเกล้า
รพ. บำรุงราษฎร์ , รพ.คามิลเลียน , รพ.กรุงเทพ
ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
รพ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ซึ่งถ้าเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับนี้การรักษาจะทำได้ 3 วิธี
1. การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก CPAP ปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาหลักและเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก
2. การใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม เหมาะสำหรับกลุ่มที่รุนแรงน้อยหรือรุนแรงปานกลาง
3. การผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจในส่วนต่างๆที่มีภาวะตีบแคบ เช่น การผ่าตัดต่อมทอลซิล (โดยเฉพาะในเด็ก) การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกคด/เพดานอ่อน/กระดูกกราม โดยผลของการผ่าตัดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
โรค OSA สามารถเบิกค่าใช้จ่ายทำ sleep test , ค่าเครื่อง CPAP ได้หรือไม่ ?
ถ้าเป็นข้าราชการใช้สิทธิ์ข้าราชการเบิกได้ หรือถ้าเป็นคนทั่วไปไม่ใช่ข้าราชการ ถ้าจะใช้ประกันสังคม
ลองอ่านจากกระทู้นี้ครับ
https://pantip.com/topic/37062555
ถ้านอนคนเดียว จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองนอนกรนหรือไม่ ?
เดี๋ยวนี้มี APP free ในมือถือหลาย APP ที่สามารถอัดเสียงเราตอนนอน และวิเคราะห์การนอนเบื้องต้นได้ครับ เช่น APP snorelab เป็นต้น
แต่ใช้ตรวจสอบได้แค่เสียงกรนนะครับ ถ้าจะให้รู้ผลแน่นอนว่าเป็นโรค OSA หรือไม่ ควรไปทำ Sleep test ที่โรงพยาบาล เพราะจะมีการตรวจสอบหลายอย่างนอกจากการกรน เช่น ตรวจสอบว่าเวลาเรานอน ร่างกายได้รับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่ หรือบางคนไปนอนโรงพยาบาลแล้วนอนไม่หลับ เดี๋ยวนี้มีบริการทำ Sleep test ที่บ้านก็มีครับ
คนที่เป็นโรค OSA ส่วนมากจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็น ทำให้โรคนี้ค่อยๆ ทำลายสุขภาพไปเรื่อย
ในประเทศอเมริกามีคนเป็นโรคนี้มากกว่า 20 ล้านคน (จากประชากรประมาณ 325 ล้านคน) ประมาณคร่าวๆ ก็ 6 percent ของจำนวนประชากร
ซึ่งในไทยผมคิดว่าคนเป็นโรค OSA ก็น่าจะมีจำนวนมาก ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้
ผมเลยอยากเล่าประสบการณ์ให้ทุกคนฟัง เพื่อว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่เป็นโรคนี้ จะได้รีบรักษาก่อนที่สุขภาพจะแย่ครับ
ถ้าบทความนี้พอจะมีประโยชน์ รบกวนช่วยกด share , กดโหวด ให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ซูโม่กิ๊ก ก็เป็นโรค Sleep apnea ปัจจุบันใช้ CPAP ตอนนอนครับ
นอนกรนอาจจะอันตรายกว่าที่คิด เล่าประสบการณ์การเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น OSA Obstructive Sleep Apnea
ผมอยากจะเล่าถึงประสบการณ์การเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือเรียกสั้นๆว่า OSA)
ผมเป็นผู้ชายที่ชอบออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก สุขภาพค่อนข้างแข็งแรง ไม่เคยมีโรคอะไรร้ายแรงยกเว้นที่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้าตรวจพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไปตรวจร่างกายหลายๆอย่างก็ไม่พบความผิดปกติ จึงทำได้แค่กินยาเพื่อประคองอาการความดันสูง พอช่วงเรียนจบมาทำงาน เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วนอนห้องเดียวกัน เพื่อนจะบ่นให้ฟังว่าเรานอนกรน ไม่อยากจะนอนห้องเดียวกัน แต่เราก็คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็นอนกรน ไม่น่าจะเป็นอะไร
หลังจากเรียนจบก็ทำงานบริษัทตามปกติ มีอยู่ช่วงนึงที่ทำงานไปแล้วรู้สึกเหนือยมาก นั่งทำงานอยู่บางทีวูบหลับไปคาโต๊ะทำงาน เลิกงานกลับบ้านมานอนวันนึงไม่ต่ำกว่า 7- 8 ชั่วโมง แต่ก็ยังรู้สึกง่วงในเวลาทำงาน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่อยากไปไหน อยากจะนอนอย่างเดียว วันหยุดบางวันนอนวันละ 3 ครั้ง (กลางคืน,สาย,บ่าย) ออกกำลังกายก็ทำได้น้อยลง รู้สึกว่าเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แค่เดินขึ้นสะพานลอยก็เหนื่อยแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนวิ่งได้วันละเป็น 10 กิโล สามารถนอนหลับได้ทุกที่ ไปเตะบอลนั่งข้างสนามก็หลับได้ นั่งรถไม่ถึง 5 นาทีก็หลับ
มีอยู่วันนึงเพื่อนร่วมงาน เค้าบอกว่าเค้าง่วงนอนแบบผิดปกติจะไปทำ sleep test ผมเลยสนใจที่จะไปทำ เพราะคิดว่าตัวเองก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน เพราะเหมือนนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ เวลาตื่นนอนก็มักจะปวดหัว ไม่ค่อยสดชื่นด้วย
ซึ่งผมก็ไปทำ sleep test โดยนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน ผลออกมาคือผมหยุดหายใจมากกว่า 40 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าปกติคนทั่วไปควรหยุดหายใจไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมง หมอวินิจฉัยว่าผมป่วยเป็นโรคOSA ขั้นรุนแรง (หยุดหายใจมากกว่า 30 ครั้งคือขั้นรุนแรง)
ซึ่งการรักษาคุณหมอแนะนำให้ใช้เครื่อง CPAP ต้องใส่หน้ากากเวลานอน
หน้าตา CPAP จะประมาณนี้ครับ
ซึ่งหลังจากผมได้ทดลองใช้ CPAP 1 เดือน พบว่าตัวเองสุขภาพดีขึ้นมาก ความดันโลหิตลดลง ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนเดิม ไม่มีอาการปวดหัวหลังตื่นนอน ความจำก็ดีขึ้น เพิ่งจะมีความรู้สึกว่าตื่นนอนแล้วสดชื่นเป็นยังไง ตอนนี้ถ้าไม่ใช้ CPAP ความรู้สึกผมเหมือนว่าการนอนเป็นการทรมานตัวเองมากกว่าการพักผ่อนเลยครับ
ที่ผมเขียนบทความนี้เพราะอยากให้คนที่สงสัยว่าจะเป็นโรค OSA รีบไปตรวจกับแพทย์ครับ (ควรไปตรวจกับแพทย์ หู คอ จมูก และเป็นโรงพยาบาลที่ทำ Sleep test ได้) เพราะถ้าปล่อยไว้จะมีอันตราย
OSA ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง ถ้าไม่ได้รักษา เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจวาย
- โรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน , เส้นเลือดในสมองแตก
- โรคต้อหินที่ตา (ถ้าเกิดแล้วอาจทำให้ตาบอดได้ )
- โรคเบาหวาน
- โรคซึมเศร้า (ในต่างประเทศ พบว่าคนเป็นโรค OSA มี percent ที่จะฆ่าตัวตายสูงกว่าคนทั่วไป)
ซึ่งจากที่ผมพบมาบางคนหลังจากใช้ CPAP แค่ 3 วัน ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงจาก 140 เหลือ 100 , บางคนก่อนใช้ CPAP ต้องใส่แว่น พอใช้ CPAP สายตาดีขึ้น จนไม่ต้องใส่แว่น
หลายคนบอกว่าหลังจากรักษา OSA แล้วจะเหมือนได้ชีวิตใหม่เลยครับ สุขภาพกาย สุขภาพจิต ดีขึ้นมาก
คนที่ควรทำการตรวจ Sleep test
- คนที่นอนตื่นมาแล้วไม่สดชื่น ง่วงนอนในเวลากลางวัน ทั้งที่นอนตอนกลางคืนเยอะ
- คนที่นอนตื่นมาแล้วปวดหัว
- ความดันสูงโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ไม่มีสมาธิขี้ลืม
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
- กรนเสียงดัง . กรนเสียงไม่ดังแต่กรนถี่ (คนนอนกรน ไม่ได้เป็นโรค OSA ทุกคนนะครับ บางคนกรนแต่ไม่เป็นโรคก็มี)
โรคนี้บางคนเป็นแล้วไม่กรนก็มีนะครับ แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย
โรงพยาบาลบางส่วนที่สามารถทำ sleep test ได้ (มีมากกว่านี้นะครับ ผมแค่ยกตัวอย่าง)
รพ. รามา, รพ.ศิริราช, รพ.จุฬา,รพ.พระมงกุฏเกล้า
รพ. บำรุงราษฎร์ , รพ.คามิลเลียน , รพ.กรุงเทพ
ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
รพ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ซึ่งถ้าเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับนี้การรักษาจะทำได้ 3 วิธี
1. การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก CPAP ปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาหลักและเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก
2. การใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม เหมาะสำหรับกลุ่มที่รุนแรงน้อยหรือรุนแรงปานกลาง
3. การผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจในส่วนต่างๆที่มีภาวะตีบแคบ เช่น การผ่าตัดต่อมทอลซิล (โดยเฉพาะในเด็ก) การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกคด/เพดานอ่อน/กระดูกกราม โดยผลของการผ่าตัดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
โรค OSA สามารถเบิกค่าใช้จ่ายทำ sleep test , ค่าเครื่อง CPAP ได้หรือไม่ ?
ถ้าเป็นข้าราชการใช้สิทธิ์ข้าราชการเบิกได้ หรือถ้าเป็นคนทั่วไปไม่ใช่ข้าราชการ ถ้าจะใช้ประกันสังคม
ลองอ่านจากกระทู้นี้ครับ https://pantip.com/topic/37062555
ถ้านอนคนเดียว จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองนอนกรนหรือไม่ ?
เดี๋ยวนี้มี APP free ในมือถือหลาย APP ที่สามารถอัดเสียงเราตอนนอน และวิเคราะห์การนอนเบื้องต้นได้ครับ เช่น APP snorelab เป็นต้น
แต่ใช้ตรวจสอบได้แค่เสียงกรนนะครับ ถ้าจะให้รู้ผลแน่นอนว่าเป็นโรค OSA หรือไม่ ควรไปทำ Sleep test ที่โรงพยาบาล เพราะจะมีการตรวจสอบหลายอย่างนอกจากการกรน เช่น ตรวจสอบว่าเวลาเรานอน ร่างกายได้รับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่ หรือบางคนไปนอนโรงพยาบาลแล้วนอนไม่หลับ เดี๋ยวนี้มีบริการทำ Sleep test ที่บ้านก็มีครับ
คนที่เป็นโรค OSA ส่วนมากจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็น ทำให้โรคนี้ค่อยๆ ทำลายสุขภาพไปเรื่อย
ในประเทศอเมริกามีคนเป็นโรคนี้มากกว่า 20 ล้านคน (จากประชากรประมาณ 325 ล้านคน) ประมาณคร่าวๆ ก็ 6 percent ของจำนวนประชากร
ซึ่งในไทยผมคิดว่าคนเป็นโรค OSA ก็น่าจะมีจำนวนมาก ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้
ผมเลยอยากเล่าประสบการณ์ให้ทุกคนฟัง เพื่อว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่เป็นโรคนี้ จะได้รีบรักษาก่อนที่สุขภาพจะแย่ครับ
ถ้าบทความนี้พอจะมีประโยชน์ รบกวนช่วยกด share , กดโหวด ให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ซูโม่กิ๊ก ก็เป็นโรค Sleep apnea ปัจจุบันใช้ CPAP ตอนนอนครับ