ค่อนข้างซับซ้อนครับ
ขอสรุปอย่างย่อ ประมาณนี้ครับ
รพ. A = รพ.เอกชน ที่ผมใช้สิทธิ์ประกันสังคม
รพ. B = รพ.รัฐ ที่ผมจ่ายค่ารักษาเอง
รพ. C = รพ.รัฐ ที่ รพ. A ส่งตัวมารักษาต่อ (โดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม)
ผมเป็นผู้ประกันตนประกันสังคม มีปัญหาเรื่องการนอน การใช้ชีวิตประจำวันรวนมากๆ ครับ
ผมไปตรวจที่ รพ. A รักษาอยู่เกือบปี ก็ไม่หาย อาการแย่ลงกว่าเดิม
ผมก็เลยตัดสินใจไป รพ. B
รพ.B ให้ผม Sleep Test ตรวจการนอนหลับ (ผมเสียค่าใช้จ่ายเอง, เบิกไม่ได้) รอคิว 1 เดือน
ระหว่างที่รอคิว Sleep Test ที่ รพ. B ผมปรึกษาประกันสังคม เผื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ประกันสังคมบอกผมว่าต้องให้ รพ. A เป็นคนวินิจฉัย และ รพ. A ต้องรับผิดชอบการรักษา
ซึ่งถ้า รพ. A ไม่มีความพร้อมทางด้านนี้ รพ. A ต้องส่งตัว
ซึ่ง รพ. A จะส่งไปที่ รพ. C เท่านั้น ไม่สามารถส่งตัวไป รพ. B ได้
ผมสอบถามไป รพ. C คิวยาวครับ รออย่างน้อย 4-5 เดือน ผมจึงตัดสินใจ Sleep Test ที่ รพ. B (ยอมจ่ายเอง)
หลังจากทดสอบการนอนหลับ ผลตรวจบอกว่า ผมมีอาการภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ขั้นรุนแรง มีค่า AHI เกือบ 60
คุณหมอที่ รพ. B ให้ผมนอน Sleep Test อีกครั้ง (ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวครับ รอประมาณ 1 เดือน) และการนอน Sleep Test ครั้งต่อไปให้ผมใช้เครื่อง CPAP แต่เนื่องจากเครื่อง CPAP มีราคาสูง และการนอน Sleep Test ก็มีค่าใช้จ่ายสูง ผมจึงปรึกษาคุณหมอ รพ. B
คุณหมอ รพ. B ก็แนะนำว่าให้ลองติดต่อประกันสังคมดู เผื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
ผมติดต่อประกันสังคม
ประกันสังคมบอกว่าต้องให้ รพ. A เป็นผู้รับผิดชอบ โดยการให้คุณหมอ ที่ รพ. A เป็นคนประเมิน และเซ็นต์
ผมเอาผลตรวจการนอนหลับจาก รพ. B ไปให้คุณหมอ รพ. A ดู
รพ. A ส่งตัวผมไปรักษาต่อที่ รพ. C โดยเอาผลตรวจการนอนจาก รพ. B ไปด้วย
และ คุณหมอ รพ. A บอกผมว่า เบิกเครื่อง CPAP ได้
ผมไป รพ. C ตามนัด
คุณหมอ รพ. C บอกผมว่า ผมไม่ต้องนอน Sleep Test แล้ว เพราะผลจากการ Sleep Test ครั้งแรกนั้นชัดเจนแล้ว (จะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนสิทธิ์ผู้ป่วยคนอื่นที่เค้าจำเป็นต้องใช้ Sleep Lab)
กรณี เครื่อง CPAP เบิกไม่ได้ ให้ผมซื้อเครื่อง CPAP เอง (คุณหมอให้ผมไปติดต่อซื้อเครื่องได้ที่แผนก)
ซึ่งผมก็บอกคุณหมอไปว่า ทางประกันสังคมบอกว่าเบิกเครื่อง CPAP ได้ และคุณหมอต้องเขียนใบให้ผม เพื่อส่งไป รพ. A
แต่คุณหมอก็ยืนยันว่าเบิกไม่ได้ และก็ไม่ได้เขียนใบอะไรให้ผม และให้ผมลงไปคุยกับ จนท. ที่แผนกเรื่องการใช้เครื่อง CPAP ซึ่งตามขั้นตอน เค้าจะให้ เซล จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายเครื่อง CPAP โทรมาคุย (มีหลายเจ้า ให้เลือก)
รบกวนปรึกษาครับ
1. จริงๆ แล้วผมใช้สิทธิ์ประกันสังคมเบิกเครื่อง CPAP ได้ไหม (ประกันสังคม กับ คุณหมอ รพ. A เบิกได้, หมอ รพ. C บอกผมเบิกไม่ได้)
คุณหมอ รพ. C บอกผมว่า เพื่อสุขภาพตัวผมเองแล้วเครื่อง CPAP มันจำเป็น การที่ผมมีเงินซื้อมือถือได้ ซื้อนู่นซื้อนี่ได้ เครื่อง CPAP ทำไมจะจ่ายไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มือถือผมเก่ามากครับ
2. ความเห็นคุณหมอ รพ. B กับ รพ. C ไม่ตรงกันครับ
คุณหมอ รพ. B ให้ผม Sleep Test อีกครั้ง แต่คุณหมอ รพ. C บอกว่าไม่จำเป็นต้อง Sleep Test แล้ว เพราะว่ามีผลชัดเจนจากการ Sleep Test ครั้งแรกแล้ว
การที่ผมต้อง Sleep Test อีกครั้ง จะทำให้เสียสิทธิ์ผู้ป่วยคนอื่น
อยากทราบว่า จริงๆ แล้ว กรณีผมมีความจำเป็นต้อง Sleep Test อีกครั้งไหมครับ
ตอนนี้ผมงงครับ ไม่รู้จะยังไงต่อละครับ
ขอบคุณครับ
[ปรึกษา] ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หมอให้ซื้อเครื่อง CPAP เอง, Sleep Test อีกรอบ, สิทธิ์ประกันสังคมเบิกได้ไหมครับ [งง]
ขอสรุปอย่างย่อ ประมาณนี้ครับ
รพ. A = รพ.เอกชน ที่ผมใช้สิทธิ์ประกันสังคม
รพ. B = รพ.รัฐ ที่ผมจ่ายค่ารักษาเอง
รพ. C = รพ.รัฐ ที่ รพ. A ส่งตัวมารักษาต่อ (โดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม)
ผมเป็นผู้ประกันตนประกันสังคม มีปัญหาเรื่องการนอน การใช้ชีวิตประจำวันรวนมากๆ ครับ
ผมไปตรวจที่ รพ. A รักษาอยู่เกือบปี ก็ไม่หาย อาการแย่ลงกว่าเดิม
ผมก็เลยตัดสินใจไป รพ. B
รพ.B ให้ผม Sleep Test ตรวจการนอนหลับ (ผมเสียค่าใช้จ่ายเอง, เบิกไม่ได้) รอคิว 1 เดือน
ระหว่างที่รอคิว Sleep Test ที่ รพ. B ผมปรึกษาประกันสังคม เผื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ประกันสังคมบอกผมว่าต้องให้ รพ. A เป็นคนวินิจฉัย และ รพ. A ต้องรับผิดชอบการรักษา
ซึ่งถ้า รพ. A ไม่มีความพร้อมทางด้านนี้ รพ. A ต้องส่งตัว
ซึ่ง รพ. A จะส่งไปที่ รพ. C เท่านั้น ไม่สามารถส่งตัวไป รพ. B ได้
ผมสอบถามไป รพ. C คิวยาวครับ รออย่างน้อย 4-5 เดือน ผมจึงตัดสินใจ Sleep Test ที่ รพ. B (ยอมจ่ายเอง)
หลังจากทดสอบการนอนหลับ ผลตรวจบอกว่า ผมมีอาการภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ขั้นรุนแรง มีค่า AHI เกือบ 60
คุณหมอที่ รพ. B ให้ผมนอน Sleep Test อีกครั้ง (ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวครับ รอประมาณ 1 เดือน) และการนอน Sleep Test ครั้งต่อไปให้ผมใช้เครื่อง CPAP แต่เนื่องจากเครื่อง CPAP มีราคาสูง และการนอน Sleep Test ก็มีค่าใช้จ่ายสูง ผมจึงปรึกษาคุณหมอ รพ. B
คุณหมอ รพ. B ก็แนะนำว่าให้ลองติดต่อประกันสังคมดู เผื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
ผมติดต่อประกันสังคม
ประกันสังคมบอกว่าต้องให้ รพ. A เป็นผู้รับผิดชอบ โดยการให้คุณหมอ ที่ รพ. A เป็นคนประเมิน และเซ็นต์
ผมเอาผลตรวจการนอนหลับจาก รพ. B ไปให้คุณหมอ รพ. A ดู
รพ. A ส่งตัวผมไปรักษาต่อที่ รพ. C โดยเอาผลตรวจการนอนจาก รพ. B ไปด้วย
และ คุณหมอ รพ. A บอกผมว่า เบิกเครื่อง CPAP ได้
ผมไป รพ. C ตามนัด
คุณหมอ รพ. C บอกผมว่า ผมไม่ต้องนอน Sleep Test แล้ว เพราะผลจากการ Sleep Test ครั้งแรกนั้นชัดเจนแล้ว (จะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนสิทธิ์ผู้ป่วยคนอื่นที่เค้าจำเป็นต้องใช้ Sleep Lab)
กรณี เครื่อง CPAP เบิกไม่ได้ ให้ผมซื้อเครื่อง CPAP เอง (คุณหมอให้ผมไปติดต่อซื้อเครื่องได้ที่แผนก)
ซึ่งผมก็บอกคุณหมอไปว่า ทางประกันสังคมบอกว่าเบิกเครื่อง CPAP ได้ และคุณหมอต้องเขียนใบให้ผม เพื่อส่งไป รพ. A
แต่คุณหมอก็ยืนยันว่าเบิกไม่ได้ และก็ไม่ได้เขียนใบอะไรให้ผม และให้ผมลงไปคุยกับ จนท. ที่แผนกเรื่องการใช้เครื่อง CPAP ซึ่งตามขั้นตอน เค้าจะให้ เซล จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายเครื่อง CPAP โทรมาคุย (มีหลายเจ้า ให้เลือก)
รบกวนปรึกษาครับ
1. จริงๆ แล้วผมใช้สิทธิ์ประกันสังคมเบิกเครื่อง CPAP ได้ไหม (ประกันสังคม กับ คุณหมอ รพ. A เบิกได้, หมอ รพ. C บอกผมเบิกไม่ได้)
คุณหมอ รพ. C บอกผมว่า เพื่อสุขภาพตัวผมเองแล้วเครื่อง CPAP มันจำเป็น การที่ผมมีเงินซื้อมือถือได้ ซื้อนู่นซื้อนี่ได้ เครื่อง CPAP ทำไมจะจ่ายไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ความเห็นคุณหมอ รพ. B กับ รพ. C ไม่ตรงกันครับ
คุณหมอ รพ. B ให้ผม Sleep Test อีกครั้ง แต่คุณหมอ รพ. C บอกว่าไม่จำเป็นต้อง Sleep Test แล้ว เพราะว่ามีผลชัดเจนจากการ Sleep Test ครั้งแรกแล้ว
การที่ผมต้อง Sleep Test อีกครั้ง จะทำให้เสียสิทธิ์ผู้ป่วยคนอื่น
อยากทราบว่า จริงๆ แล้ว กรณีผมมีความจำเป็นต้อง Sleep Test อีกครั้งไหมครับ
ตอนนี้ผมงงครับ ไม่รู้จะยังไงต่อละครับ
ขอบคุณครับ