ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ
*เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ปี 2560 ได้ซื้อโทรศัพท์ติดสัญญากับค่ายทรูมูฟมา 1 เครื่อง สัญญาคือต้องเปิดเบอร์ใหม่ แล้วใช้แพ็คเก็จที่เค้ากำหนดมาให้ตามนั้น เป็นระยะเวลา 1 ปี เรื่องนี้ไม่มีปัญหา จบไปและรับได้กับสัญญาและข้อตกลง
**ส่วนเบอร์ที่เปิดมาใหม่ผมก็ไม่ได้นำมาใช้โทรเข้าโทรออก เพราะผมมีเบอร์ที่ใช้หลักๆอยู่แล้ว ก็เลยเอาไปใส่ iPad mini ไว้เผื่อเปิดใช้งานอะไรเล็กๆน้อยๆ (แต่เอาเข้าจริงๆ ก็แทบไม่ได้ใช้เลย เพราะที่บ้านและที่ทำงานก็มี Wifi ให้ใช้ตลอด)
และยังคงจ่ายรายเดือนให้ตลอด
*** จนกระทั่งต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2561 ซึ่งใกล้ครบกำหนดหมดสัญญา ผมจึงไปที่ Shop True ที่ห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ และได้ติดต่อสอบถามขอปิดเบอร์นี้ลง ด้วยความประสงค์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใดจากเบอร์นี้แล้ว พนักงานก็ขอข้อมูลเพิ่มเติมเป็น บัตรประชาชน และเบอร์ที่มีความประสงค์จะปิดเพื่อตรวจเช็คตามปกติ ก็ได้เรื่องว่า
เบอร์นี้ยังไม่หมดสัญญา จำเป็นต้องรอหมดสัญญาก่อนจึงจะยกเลิกและปิดเบอร์ลงได้ ซึ่งสัญญาจะหมดลงในวันที่ 11 มิถุนายน 2561
ผมจึงสอบถามเพิ่มเติมไปอีกว่าจะทำเรื่องยกเลิกรอเอาไว้ได้ไหม
----------
พนักงานตอบกลับมาว่า ไม่ได้ค่ะ แต่สามารถเปลี่ยนแพ็คเก็จให้เหลือเดือนล่ะ 100 บาท เอาไว้ก่อนได้ เพื่อเลี้ยงเบอร์เอาไว้ จะได้ไม่ต้องจ่ายเต็มเดือน ในกรณีที่มายกเลิกได้ไม่ทันในวันหมดสัญญา
ผมจึงตกลงและยอมเซ็นเอกสารต่างๆ ที่พนักงานนำมาให้เพื่อเปลี่ยนแพ็คเกจรอ และชำระรายเดือนของเดือนนั้น เป็นเงิน 471.- บาท จำเป็นต้องชำระถ้าไม่งั้นจะไม่มีผลกับการเปลี่ยนแพ็คเกจ จนเสร็จเรียบร้อย และเก็บใบเสร็จเอาไว้ดังรูป

**** จนเวลาล่วงเลยมาเกินวันที่สัญญาหมดลง คือวันที่ 13 มิถุนายน 2561 (แต่สัญญาหมดลงไปแล้ว ในวันที่ 11 มิถุนายน 2561) ผมจึง walk in เข้าไปที่ Shop truemove สาขาเดิมอีกครั้ง และได้ทำการปิดเบอร์ลง และจ่ายรายเดือนๆ สุดท้ายลง เป็นเงิน 748 .- บาท จนหมดสิ้น ดังใบเสร็จที่แนบมาตามรูป

***** เรื่องทั้งหมดควรจบลง ณ วันที่ไปจ่ายรายเดือนๆ สุดท้ายลง แต่มันยังไม่จบครับ
****** วันที่ 8 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ผมได้รับจดหมายจากค่ายโทรศัพท์ที่ผมได้ไปยกเลิกเอาไว้ เนื้อความดังนี้

******* ในวันเดียวกันนี้ ผมเจึงรีบติดต่อไปที่ Call center ของ ทรู เพื่อสอบถามถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และได้คำตอบจากพนักงาน ซึ่งตรงกันข้ามกับที่พนักงานใน Shop บอกเอาไว้ คือ
ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงข้อมูลแพ็คเกจใดๆได้ ในระหว่างที่ผมติดสัญญา 1 ปี ผมจึงค้านไปว่า ไม่ใช่เปลี่ยนในระหว่างที่ผมติดสัญญา แต่เปลี่ยนหลังจากหมดสัญญา ซึ่งพนักงานของทาง Shop เองก็เป็นคนบอกเอาไว้ ว่าทำได้ แล้วก็ให้ผมเซ็นต์เอกสารอะไรต่างๆมากมาย เอาบัตรประชาชนผมไปถ่าย ผมซึ่งเป็นลูกค้าก็คิดว่าทำได้ปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ แต่มา ณ วันนี้ อยู่ดีๆ มีบิลมาเรียกเก็บผมอีก ซึ่งผมมองว่า มันไม่โอเค และผมอยากรู้ว่ามีความผิดพลาดอะไรหรือเปล่า เลยโทรมาถาม คอมเซ็นเตอร์ดู คอลเซ็นเตอร์ก็ที่สนทนากับผม ได้แต่บอกว่า จะขอเช็คกับทางศูนย์ที่ผมไปยกเลิกก่อน แล้วก็จบการสนทนาไปแบบงงๆ ผมนะงง ไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์
******** เรื่องเงียบไป จนกระทั่งวันนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2561 มีจดหมายมาหาผมอีก จากบริษัท อัปสรศิริ แอนด์ โค จำกัด (เข้าใจว่าเป็นบริษัททวงถามหนี้ ที่ได้รับมอบอำนาจมาจากทรูอีกที) เนื้อความมีดังนี้ ในรูป

สรุปคือ ยังไงผมก็ต้องจ่ายเงินในเรื่องที่ผมไม่ได้ทำผิดอะไรเลยกับเรื่องนี้ อย่างงั้นหรือ?
แล้วที่คอลเซ็นเตอร์บอกจะเช็คกับศูนย์ที่ผมไปยกเลิก คงได้เรื่องมาว่า กรณีผม มันทำไม่ได้สินะ ถ้าทำไม่ได้แล้วพนักงานคุณทำไมถึงบอกกับผมมาอย่างงั้น แล้วเอาเอกสารอะไรต่อมิอะไรมาให้ผมเซ็นเพื่อ??
เงินแค่นี้ผมไม่มีปัญหาหรอก แต่ที่ผมต้องการคือ ความเป็นธรรมจากค่ายมือถือมากกว่านี้ ในเมื่อระบบคุณมันผิดพลาด แล้วภายในของคุณเข้าใจไม่ตรงกันเอง ความผิดทั้งหมด ก็เลยกลายมาเป็นลูกค้า ที่ต้องรับกรรม จ่ายเงินอะไรที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแบบนี้หรือ
ทำกันแบบนี้ ผมรับไม่ได้ คุณลองคิดดูสิ ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ กับคนที่ไม่รู้ สัก 100 คน มันก็เป็นเงินเท่าไหร่แล้ว
ปิดเบอร์ไปแล้ว แต่ยังมีบิลมาเรียกเก็บ บอกว่าเป็นยอดที่เกิดขึ้นก่อนยกเลิกเบอร์ ก่อนยกเลิกได้มีการจ่ายปิดยอดไปหมดแล้ว??
*เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ปี 2560 ได้ซื้อโทรศัพท์ติดสัญญากับค่ายทรูมูฟมา 1 เครื่อง สัญญาคือต้องเปิดเบอร์ใหม่ แล้วใช้แพ็คเก็จที่เค้ากำหนดมาให้ตามนั้น เป็นระยะเวลา 1 ปี เรื่องนี้ไม่มีปัญหา จบไปและรับได้กับสัญญาและข้อตกลง
**ส่วนเบอร์ที่เปิดมาใหม่ผมก็ไม่ได้นำมาใช้โทรเข้าโทรออก เพราะผมมีเบอร์ที่ใช้หลักๆอยู่แล้ว ก็เลยเอาไปใส่ iPad mini ไว้เผื่อเปิดใช้งานอะไรเล็กๆน้อยๆ (แต่เอาเข้าจริงๆ ก็แทบไม่ได้ใช้เลย เพราะที่บ้านและที่ทำงานก็มี Wifi ให้ใช้ตลอด) และยังคงจ่ายรายเดือนให้ตลอด
*** จนกระทั่งต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2561 ซึ่งใกล้ครบกำหนดหมดสัญญา ผมจึงไปที่ Shop True ที่ห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ และได้ติดต่อสอบถามขอปิดเบอร์นี้ลง ด้วยความประสงค์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใดจากเบอร์นี้แล้ว พนักงานก็ขอข้อมูลเพิ่มเติมเป็น บัตรประชาชน และเบอร์ที่มีความประสงค์จะปิดเพื่อตรวจเช็คตามปกติ ก็ได้เรื่องว่า
เบอร์นี้ยังไม่หมดสัญญา จำเป็นต้องรอหมดสัญญาก่อนจึงจะยกเลิกและปิดเบอร์ลงได้ ซึ่งสัญญาจะหมดลงในวันที่ 11 มิถุนายน 2561
ผมจึงสอบถามเพิ่มเติมไปอีกว่าจะทำเรื่องยกเลิกรอเอาไว้ได้ไหม
----------
พนักงานตอบกลับมาว่า ไม่ได้ค่ะ แต่สามารถเปลี่ยนแพ็คเก็จให้เหลือเดือนล่ะ 100 บาท เอาไว้ก่อนได้ เพื่อเลี้ยงเบอร์เอาไว้ จะได้ไม่ต้องจ่ายเต็มเดือน ในกรณีที่มายกเลิกได้ไม่ทันในวันหมดสัญญา
ผมจึงตกลงและยอมเซ็นเอกสารต่างๆ ที่พนักงานนำมาให้เพื่อเปลี่ยนแพ็คเกจรอ และชำระรายเดือนของเดือนนั้น เป็นเงิน 471.- บาท จำเป็นต้องชำระถ้าไม่งั้นจะไม่มีผลกับการเปลี่ยนแพ็คเกจ จนเสร็จเรียบร้อย และเก็บใบเสร็จเอาไว้ดังรูป
**** จนเวลาล่วงเลยมาเกินวันที่สัญญาหมดลง คือวันที่ 13 มิถุนายน 2561 (แต่สัญญาหมดลงไปแล้ว ในวันที่ 11 มิถุนายน 2561) ผมจึง walk in เข้าไปที่ Shop truemove สาขาเดิมอีกครั้ง และได้ทำการปิดเบอร์ลง และจ่ายรายเดือนๆ สุดท้ายลง เป็นเงิน 748 .- บาท จนหมดสิ้น ดังใบเสร็จที่แนบมาตามรูป
***** เรื่องทั้งหมดควรจบลง ณ วันที่ไปจ่ายรายเดือนๆ สุดท้ายลง แต่มันยังไม่จบครับ
****** วันที่ 8 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ผมได้รับจดหมายจากค่ายโทรศัพท์ที่ผมได้ไปยกเลิกเอาไว้ เนื้อความดังนี้
ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงข้อมูลแพ็คเกจใดๆได้ ในระหว่างที่ผมติดสัญญา 1 ปี ผมจึงค้านไปว่า ไม่ใช่เปลี่ยนในระหว่างที่ผมติดสัญญา แต่เปลี่ยนหลังจากหมดสัญญา ซึ่งพนักงานของทาง Shop เองก็เป็นคนบอกเอาไว้ ว่าทำได้ แล้วก็ให้ผมเซ็นต์เอกสารอะไรต่างๆมากมาย เอาบัตรประชาชนผมไปถ่าย ผมซึ่งเป็นลูกค้าก็คิดว่าทำได้ปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ แต่มา ณ วันนี้ อยู่ดีๆ มีบิลมาเรียกเก็บผมอีก ซึ่งผมมองว่า มันไม่โอเค และผมอยากรู้ว่ามีความผิดพลาดอะไรหรือเปล่า เลยโทรมาถาม คอมเซ็นเตอร์ดู คอลเซ็นเตอร์ก็ที่สนทนากับผม ได้แต่บอกว่า จะขอเช็คกับทางศูนย์ที่ผมไปยกเลิกก่อน แล้วก็จบการสนทนาไปแบบงงๆ ผมนะงง ไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์
******** เรื่องเงียบไป จนกระทั่งวันนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2561 มีจดหมายมาหาผมอีก จากบริษัท อัปสรศิริ แอนด์ โค จำกัด (เข้าใจว่าเป็นบริษัททวงถามหนี้ ที่ได้รับมอบอำนาจมาจากทรูอีกที) เนื้อความมีดังนี้ ในรูป
สรุปคือ ยังไงผมก็ต้องจ่ายเงินในเรื่องที่ผมไม่ได้ทำผิดอะไรเลยกับเรื่องนี้ อย่างงั้นหรือ?
แล้วที่คอลเซ็นเตอร์บอกจะเช็คกับศูนย์ที่ผมไปยกเลิก คงได้เรื่องมาว่า กรณีผม มันทำไม่ได้สินะ ถ้าทำไม่ได้แล้วพนักงานคุณทำไมถึงบอกกับผมมาอย่างงั้น แล้วเอาเอกสารอะไรต่อมิอะไรมาให้ผมเซ็นเพื่อ??
เงินแค่นี้ผมไม่มีปัญหาหรอก แต่ที่ผมต้องการคือ ความเป็นธรรมจากค่ายมือถือมากกว่านี้ ในเมื่อระบบคุณมันผิดพลาด แล้วภายในของคุณเข้าใจไม่ตรงกันเอง ความผิดทั้งหมด ก็เลยกลายมาเป็นลูกค้า ที่ต้องรับกรรม จ่ายเงินอะไรที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแบบนี้หรือ
ทำกันแบบนี้ ผมรับไม่ได้ คุณลองคิดดูสิ ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ กับคนที่ไม่รู้ สัก 100 คน มันก็เป็นเงินเท่าไหร่แล้ว