วิญญาณ ตั้งอยู่ได้ในที่ใด
การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีอยู่ในที่นั้น
ภิกษุทั้งหลาย !
อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์ผู้เกิดแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด
อาหาร ๔ อย่างนั้นมีอะไรบ้าง
คือ
กวฬีการาหาร (อาหารคือคำข้าว) ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง
อาหารที่สอง คือ
ผัสสะ
อาหารที่สาม คือ
มโนสัญเจตนา
อาหารที่สี่ คือ
วิญญาณ
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านี้แลอาหาร ๔ อย่าง เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์ผู้เกิดแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด
ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้า
มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ คำข้าว แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้
ในอาหารคือคำข้าว นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้า
มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ ผัสสะ แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้
ในอาหารคือผัสสะ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้า
มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ มโนสัญเจตนา แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้
ในอาหารคือมโนสัญเจตนา นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้า
มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ วิญญาณ แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้
ในอาหารคือวิญญาณ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ภิกษุทั้งหลาย !
เปรียบเหมือนเรือนยอดหรือศาลาเรือนยอด มีหน้าต่างทางทิศออกอันเปิดไปทางทิศเหนือ หรือทิศใต้ก็ตาม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมา
แสงสว่าง (รัสมี) แห่งดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปทางหน้าต่างแล้ว จะปรากฏ อยู่ ที่ส่วนไหน แห่งเรือนนั้น ?
" จะปรากฏที่ฝาเรือน ด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า " (( สังขาร? ))
ถ้าฝาเรือนทางด้านทิศตะวันตกไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" จะปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า " (( สัญญา? ))
ถ้าพื้นดินไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" จะปรากฏในน้ำ พระเจ้าข้า " (( เวทนา? ))
ถ้าน้ำไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" แสงสว่าง แห่งดวงอาทิตย์นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ ไม่ปรากฏ แล้ว พระเจ้าข้า " (( รูป? ))
ภิกษุทั้งหลาย !
ข้อนี้ก็ฉันใด ถ้า
ไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ คำข้าว แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือคำข้าว นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้า
ไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ ผัสสะ แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือผัสสะ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้า
ไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ มโนสัญเจตนา แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือมโนสัญเจตนา นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้า
ไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ วิญญาณ แล้ว
วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือวิญญาณ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๒/๒๔๕.
" วิญญาณ " ตั้งอยู่ได้ในที่ใด " การก้าวลงแห่งนามรูป " ก็มีอยู่ในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีอยู่ในที่นั้น
ภิกษุทั้งหลาย !
อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์ผู้เกิดแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด
อาหาร ๔ อย่างนั้นมีอะไรบ้าง
คือ กวฬีการาหาร (อาหารคือคำข้าว) ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง
อาหารที่สอง คือ ผัสสะ
อาหารที่สาม คือ มโนสัญเจตนา
อาหารที่สี่ คือ วิญญาณ
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านี้แลอาหาร ๔ อย่าง เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์ผู้เกิดแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด
ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้ามีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ คำข้าว แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ ในอาหารคือคำข้าว นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้ามีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ ผัสสะ แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ ในอาหารคือผัสสะ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้ามีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ มโนสัญเจตนา แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ ในอาหารคือมโนสัญเจตนา นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ถ้ามีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ วิญญาณ แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ ในอาหารคือวิญญาณ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
ภิกษุทั้งหลาย !
เปรียบเหมือนเรือนยอดหรือศาลาเรือนยอด มีหน้าต่างทางทิศออกอันเปิดไปทางทิศเหนือ หรือทิศใต้ก็ตาม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมา แสงสว่าง (รัสมี) แห่งดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปทางหน้าต่างแล้ว จะปรากฏ อยู่ ที่ส่วนไหน แห่งเรือนนั้น ?
" จะปรากฏที่ฝาเรือน ด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า " (( สังขาร? ))
ถ้าฝาเรือนทางด้านทิศตะวันตกไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" จะปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า " (( สัญญา? ))
ถ้าพื้นดินไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" จะปรากฏในน้ำ พระเจ้าข้า " (( เวทนา? ))
ถ้าน้ำไม่มี แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จะปรากฏที่ไหน ?
" แสงสว่าง แห่งดวงอาทิตย์นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ ไม่ปรากฏ แล้ว พระเจ้าข้า " (( รูป? ))
ภิกษุทั้งหลาย !
ข้อนี้ก็ฉันใด ถ้าไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ คำข้าว แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในอาหารคือคำข้าว นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้าไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ ผัสสะ แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในอาหารคือผัสสะ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้าไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ มโนสัญเจตนา แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในอาหารคือมโนสัญเจตนา นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
ถ้าไม่มีราคะ นันทิ ตัณหา ใน อาหารคือ วิญญาณ แล้ว วิญญาณก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในอาหารคือวิญญาณ นั้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๒/๒๔๕.