ย่อมน้อมจิตไปในอมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ...นิพพาน
๑. “ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุ”
อมตธาตุ คือ ธาตุไม่ตาย ไม่เกิด ไม่แปรปรวน
คำว่า น้อมจิตไป
ไม่ได้แปลว่า “คิดเอา” หรือ “เพ่งเอา”
แต่หมายถึง
จิตที่เห็นโทษของสังขารโดยปัญญา
ย่อมเอน ย่อมโน้ม ย่อมคล้อย
เข้าไปในธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับเอง
เป็นการน้อมโดย ปัญญา ไม่ใช่ความอยาก
๒. “ว่า นั่นสงบ นั่นประณีต”
เมื่อจิตเห็นสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับไม่ได้
จิตจะเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติว่า
สิ่งใด “ไม่เกิด ไม่ดับ”
สิ่งนั้นสงบกว่าสิ่งที่เกิดดับทั้งหมด
คำว่า สงบ
ไม่ใช่แค่เงียบ
แต่หมายถึง
สงบจากการดิ้นรน สงบจากความปรุงแต่ง สงบจากความกระเพื่อมของภพชาติ
คำว่า ประณีต
หมายถึง
ละเอียดสูงสุด พ้นจากของหยาบทั้งหมดคือ รูป นาม ภพ
๓. “คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง”
ประโยคนี้สำคัญมาก
สังขาร คือ สิ่งที่ถูกปรุงแต่งทั้งหมด จาก กาย เวทน สัญญา
สังขาร วิญญาณ
ทั้งหมดนี้
ต้องอาศัยเหตุ ต้องแปรปรวน เกิด-ดับ
นิพพาน ไม่ใช่สังขาร
แต่เป็น
“ที่ดับของสังขาร”
ไม่ใช่ไปอยู่ในนิพพาน
แต่เป็น สังขารไม่เกิดอีก
จิตของผู้เจริญสมาธิ-วิปัสสนา
ตามลำดับคือ
1. จิตตั้งมั่นรวมเป็นเอกัคตา จิตเป็นอุเบกขาอันบริสุทธิ์ ฌาน 4
2. พิจารณาขันธ์ 5 ให้เห็นไตรลักษ์โทษของสังขารโดยปัญญา
3. จิตคลายความยึดถือโดยอัตโนมัติ
4. จิตโน้มไปสู่สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ คือ อมตธาตุ
5. จิตรู้เองว่า “นี่แหละ สงบจริง”
“นี่แหละ ประณีตจริง”
6. สิ่งนั้นคือ ความดับสนิทแห่งสังขารทั้งปวง คือ นิพพาน
ย่อมน้อมจิตไปในอมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ...นิพพาน
๑. “ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุ”
อมตธาตุ คือ ธาตุไม่ตาย ไม่เกิด ไม่แปรปรวน
คำว่า น้อมจิตไป
ไม่ได้แปลว่า “คิดเอา” หรือ “เพ่งเอา”
แต่หมายถึง
จิตที่เห็นโทษของสังขารโดยปัญญา
ย่อมเอน ย่อมโน้ม ย่อมคล้อย
เข้าไปในธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับเอง
เป็นการน้อมโดย ปัญญา ไม่ใช่ความอยาก
๒. “ว่า นั่นสงบ นั่นประณีต”
เมื่อจิตเห็นสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับไม่ได้
จิตจะเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติว่า
สิ่งใด “ไม่เกิด ไม่ดับ”
สิ่งนั้นสงบกว่าสิ่งที่เกิดดับทั้งหมด
คำว่า สงบ
ไม่ใช่แค่เงียบ
แต่หมายถึง
สงบจากการดิ้นรน สงบจากความปรุงแต่ง สงบจากความกระเพื่อมของภพชาติ
คำว่า ประณีต
หมายถึง
ละเอียดสูงสุด พ้นจากของหยาบทั้งหมดคือ รูป นาม ภพ
๓. “คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง”
ประโยคนี้สำคัญมาก
สังขาร คือ สิ่งที่ถูกปรุงแต่งทั้งหมด จาก กาย เวทน สัญญา
สังขาร วิญญาณ
ทั้งหมดนี้
ต้องอาศัยเหตุ ต้องแปรปรวน เกิด-ดับ
นิพพาน ไม่ใช่สังขาร
แต่เป็น
“ที่ดับของสังขาร”
ไม่ใช่ไปอยู่ในนิพพาน
แต่เป็น สังขารไม่เกิดอีก
จิตของผู้เจริญสมาธิ-วิปัสสนา
ตามลำดับคือ
1. จิตตั้งมั่นรวมเป็นเอกัคตา จิตเป็นอุเบกขาอันบริสุทธิ์ ฌาน 4
2. พิจารณาขันธ์ 5 ให้เห็นไตรลักษ์โทษของสังขารโดยปัญญา
3. จิตคลายความยึดถือโดยอัตโนมัติ
4. จิตโน้มไปสู่สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ คือ อมตธาตุ
5. จิตรู้เองว่า “นี่แหละ สงบจริง”
“นี่แหละ ประณีตจริง”
6. สิ่งนั้นคือ ความดับสนิทแห่งสังขารทั้งปวง คือ นิพพาน