พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
[img]https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/space1.gif[/img]ยมกวรรคที่ ๒
อวิชชาสูตร
[๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน
แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็
เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อม
กล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา
ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕ แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มี
อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓ แม้ทุจริต ๓ เรา
============
อัญญมัญญจตุถกะ จบ
[นัย ๘ มีสังขารมูลกนัยเป็นต้น]
[๒๙๐] อวิชชาเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะนามเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ฯลฯ
สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
อภิธรรมมาติกา จบ
ปล ตันหาเป็นปัจจัยๆลๆ หมายถึง มี อุปาทานต่อ แต่มีครบ 12 องค์
=====================
ใน การมนสิการปฏิจสมุทบาท จะไม่มีเงื้อนต้นอวิชา จะท่องว่า สังขารเกิด เพราะอวิชาเป็นปัจจัย ส่วนในพระสูตร อาหารของ อวิชา
เงื้อนต้นอวิชาไม่ปรากฏในกาลก่อน( หมายถึงก่อนหน้าทุกอย่าง ) หมายถึง อวิชาใน ปฏิจสมุทบาท ไม่ปรากฏ อวืชาเกิดเพราะปัจจัยใด
ต้นของอวิชาไม่มี แต่ ภายหลังจึงมี หมายถึง หลังจากมีอวิชา ก็มี สังขาร วิญญาณ นามรูป ๆลๆ
ภายหลังจึงมีเป็นปัจจัยให้อวิชาปรากฏ หมายถึง ธรรมต่างๆที่เกิดเพราะ อวิชาเป็นปัจจัย แล้ว เนื่องกันไป นั่นแหละ คือ ปัจจัยให้อวิชาปรากฏ
===============
ปฏิจสมุทบาทในอภิธรรม ที่ยกมา แสดง ปัจจัยของอวิชา มี 8 องค์ธรรม ขาด ภพ ชาติ ชรา มรณะ มาเป็นปัจจัยให้ อวิชา เพราะอะไร
ภพ ชาติ ชรา มรณะ ไม่เป็นปัจจัยให้ อวิชา เพราะอะไร เอาไว้คราวต่อไปละกัน เพราะ ต้องหา บาลี อ้างอิง ก่อน ถ้าไม่มี ก็ อด ไม่ต้องรู้เพราะ คงไม่
จำเป็น
============
ปล . บางที ก็ขี้เกียจยก บาลี มาอ้าง เพราะ อิงอาศัย บาลี หลายสูตร ข้ามปิฏก็มี บางอย่างเป็น 10 20 สูตร มาเชื่อมโยงดัน นุงนัง ยุ่งไปหมด ตอบแค่ ไม่กี่คำ แต่บาง คห ทำอยู่ 3 ชม กว่าจะ สำเร็จ แถมต้องมาแก้ ข้อ ป้ายสี อีก ไม่ต้องไปรู้ อะไร มากหรอก เพราะมันคงไม่จำเป็น หรือ เพราะเวรกรรม
เบื้องต้นอวิชา
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
อวิชชาสูตร
[๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน
แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็
เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อม
กล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา
ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕ แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มี
อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓ แม้ทุจริต ๓ เรา
[นัย ๘ มีสังขารมูลกนัยเป็นต้น]
[๒๙๐] อวิชชาเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะนามเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ฯลฯ
สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
อภิธรรมมาติกา จบ