.
คุณรู้ไหมว่ามีเรื่องราวหลายอย่างที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ เพราะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกหลุดโลก เกินสามัญสำนึกของคนเรา ฉันจึงไม่ตำหนิคุณหรอก หากฟังแล้วคุณจะหัวเราะ เพราะฉันเองก็คงจะทำอย่างนี้เหมือนกันถ้าได้ฟังครั้งแรก
มันเริ่มต้นด้วยความกลัว
ฉันมีเหตุผลที่ต้องกลัว แต่ไม่รู้จะเล่าระบายให้ใครฟัง ใช่..ปัญหาไม่ได้มาจากคนไกลตัว ไม่ใช่ใครอื่น คนใกล้ตัวในที่นี้ ก็คุณสามีตัวดีของฉันนั่นเอง ผู้ทำให้ฉันสติแตกจิตตก ความจริงแล้วเราก็อยู่กันอย่างปกติสุขตลอดมา ทั้งหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว จะเรียกว่ามันสมบูรณ์แบบเกินไปเสียด้วยซ้ำ เกินหน้าเกินตาหลายคู่ หลายครอบครัวอิจฉาพวกเรา จัดเป็นครอบครัวที่มีความสุข และฉันเองก็พอใจมากกับชีวิตครอบครัวของฉัน
แต่ความผิดปกติมันก็เริ่มเกิดขึ้นไม่นานมานี่เอง
สามีคนเก่งของฉันเปลี่ยนไปจากเดิม จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเศร้าหมองหดหู่ ลางานมาอยู่กับบ้านมากขึ้น...และมากขึ้น จนฉันเกือบแน่ใจว่าเขาไม่สนใจงานหรือว่าอะไรอีกแล้ว เธอเคยเห็นสีหน้าท่าทางของคนสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากในชีวิตไหม...นั่นล่ะที่เขาเป็น เขาเหมือนคนจะลาตายในไม่ช้า
แน่นอนว่าฉันถามซักไซ้ไล่เรียงหาสาเหตุ เขาได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมอธิบายอะไร แต่มีสีหน้าแววตาลำบากยุ่งยากใจแบบไม่เคยเห็นมาก่อน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับฉันแทบตลอดเวลา ราวกับกำลังจะจากกันไปแบบไม่มีโอกาสกลับมาเห็นหน้ากันอีก
ฟังดูมันน่าใจหายใช่ไหม
ฉันคิดว่าเขาป่วยเป็นโรคร้ายไม่มีทางรักษา และกำลังจะตายวันนี้พรุ่งนี้ แต่เขาปฏิเสธ ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหก เมื่อเธอใช้ชีวิตอยู่กับใครบางคนเป็นเวลานานอย่างน้อยก็พอจะเดาทางกันออกได้ หรือจะตรงข้ามก็ไม่รู้นะ...บางคู่อยู่ด้วยกันมาแทบตลอดชีวิตแต่กลับคล้ายคนแปลกหน้า ไม่รู้จักกันดีพอ แต่ในที่สุดบ่ายวันนี้ เขาก็เริ่มเล่าบางอย่างให้ฉันฟัง หลังจากขาดงานมาเกือบสองสัปดาห์ เขาไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป ถ้าโลกแตกออกเป็นเสี่ยงต่อหน้าต่อตา ฉันว่าสีหน้าท่าทางของเขาคงไม่ตื่นเต้นเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“ผมกำลังจะจากคุณไป จากไปอย่างไม่มีวันเจอคุณอีก” น้ำเสียงของเขาเศร้าและสิ้นหวังอย่างน่าใจหาย ฉันนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนตั้งสติ มองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ว่าเขาพยายามบอกอะไรกับฉัน
“ผมรักคุณเหลือเกิน รักมากจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้คุณเข้าใจ คุณเป็นคนดีที่สุดในโลก ผมไม่เคยรักใครมากเท่าคุณมาก่อน ทั้งอดีตและอนาคต ผมไม่สามารถรักใครได้มากกว่านี้อีกแล้ว คุณเป็นนางฟ้าคนดีที่หนึ่งของผมตลอดไป แต่...”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เริ่มร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วเล่าต่อไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“ตอนแรกผมจะไม่บอกคุณ กลัวคุณเสียใจ แต่ผมรักคุณมากเกินไป มากจนเกินกว่าจะปิดบังคุณได้ ยังไงผมต้องบอกคุณให้รู้”
“คุณเป็นอะไรไปคะ” น้ำเสียงของฉันแหบเครือ แทบไม่ต่างจากเสียงของเขา
“ผมกำลังจะตื่น”
“อะไรนะคะ...!” ฉันร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง สามีคนดีของฉันเป็นอะไรไปแล้ว เขาบอกว่ากำลังจะตื่น ทั้งที่เขายังนั่งคุยกับฉันอยู่ในห้องรับแขกในบ้านแท้ ๆ เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร พระเจ้าหรือใครก็ได้ช่วยฉันที
“ผมกำลังจะตื่นจริงๆ ผมเพิ่งนึกได้ไม่นานนี่เอง”
สีหน้าท่าทางเขาไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด และสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาเหมาะจะมาพูดเล่น
“ผมรู้ว่าคุณแปลกใจไม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องยากต่อการยอมรับและเข้าใจ ผมถึงลังเลใจในการเล่าให้คุณฟัง”
“คุณเป็นอะไรไปคะที่รัก” ฉันเริ่มร้องไห้อย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาอธิบายต่อไปว่า
“ผมพยายามบอกคุณว่าผมรักคุณแค่ไหน มากขนาดไหน ลึกซึ้งขนาดไหน ดังนั้นผมจะจากคุณไปโดยไม่บอกไม่ลาไม่ได้ ที่รัก... ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในความฝัน ผมเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าผมกำลังฝันอยู่ แต่ผมเริ่มรู้ตัวไม่นานมานี่เอง ผมรู้ว่านี่เป็นความฝัน เพราะผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไปจากความเป็นจริงที่มันควรจะเป็น”
ฉันไม่สามารถแม้แต่จะถามอะไรเขาอีก สมองลั่นครืนมึนงงสับสนไปหมด แต่ยังได้ยินเขาเล่าต่อไปราวกับแว่วมาจากดินแดนแสนไกล
“ก็อย่างที่คุณรู้ เมื่อคนเราอยู่ในความฝัน เรามักจะไม่รู้ตัวเองว่ากำลังฝันอยู่ แต่บางครั้งคนเราจะเริ่มคิดได้ว่า เรากำลังฝัน เมื่อรู้สึกได้ว่าบางอย่างมันผิดปกติไป ผมรู้สึกจำเลือนราง ว่าความจริงผมไม่ได้แต่งงานอยู่กินกับคุณเลย คุณแต่งงานไปแล้วกับคนอื่นไม่ใช่ผม ตอนนี้ผมกำลังฝันไป ใช่ที่รัก... ความจริงตอนนี้ผมกำลังนอนหลับอยู่ และนี่เป็นเพียงความฝันของผม”
หยุดนิ่งครู่หนึ่งแล้วเขาออกไปมองนอกหน้าต่างก่อนอธิบายต่อไปอย่างเจ็บปวดซึมเศร้า
“ข้างนอกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของความฝัน ความจริงคุณก็เป็นส่วนหนึ่งในความฝันของผม แต่ผมก็รักคุณ ผมยอมอยู่ในโลกแห่งความฝันนี้ตลอดกาล โดยไม่ยอมตื่นก็ได้ขอเพียงให้ได้อยู่กับคุณ ถึงจะเป็นความฝันก็เป็นความฝันซึ่งมีความหมายต่อผมเหลือเกิน มากกว่าความจริงเสียด้วยซ้ำ ผมยอมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแลกกับความฝันนี้ แม้จะนอนหลับฝันจนตายไปก็ยอม ผมไม่อยากเสียคุณไป”
ฉันรู้ว่าเขาผิด เขาไม่ได้ฝัน เขากำลังตื่นอยู่ เขาอาการหนักกว่าที่คิดเอาไว้ คุณเองก็คงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่นอน ถ้าได้ฟังเขาพูดแบบนี้ ลองคิดดูว่าพวกเราผ่านกาลเวลามานานขนาดไหน เริ่มจากรู้สึกตัวว่าเราเป็นเด็ก มีพ่อแม่คอยดูแล เริ่มเล่นเริ่มเรียนผ่านเวลาแต่ละปีมาอย่างยาวนาน ทั้งทุกข์ทั้งสุข หัวเราะร้องไห้ ทำงาน มีครอบครัว มีผู้คนมากมายที่เรารู้จักเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาตลอดชีวิต แล้วอยู่ดี ๆ จะมาบอกว่าทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นแค่การหลับฝันแล้วตื่นแค่คืนเดียว จะทำใจยอมรับได้อย่างไรกัน
“พอได้แล้ว..” ฉันเริ่มตั้งสติ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายอ่อนแอเจ็บป่วยทางใจ ฉันต้องเข้มแข็งจะต้องหาวิธีการพาเขาไปหาจิตแพทย์ พวกหมอต้องช่วยเขาได้ “ที่รัก เราออกไปพักสมองกันข้างนอกกันดีไหม จะได้หายเครียดไงคะ”
“คุณยังไม่เข้าใจ” ท่าทางเขาสิ้นหวังหนักมากขึ้น เอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันเอาไว้
“เวลาในความฝัน ไม่สัมพันธ์กับเวลาจริง ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ผมไม่อยากตื่นจากความฝันนี้ ผมไม่...
...................
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากเตียงด้วยอาการโผเผ ความฝันงดงามยังคงประทับในความทรงจำชัดเจนราวกับเป็นเรื่องจริง หญิงสาวที่เหมาะสมดงามพบเฉพาะในความฝันหรืออย่างไร เขาอยากจะล้มตัวลงนอนต่อไปเพื่อสะสางเรื่องราวให้จบสิ้น แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บร้าวสะท้านในความรู้สึกกับการสูญเสียนางในฝัน การสูญเสียที่ไม่มีทางแก้ไข ทรมานใจหลือเกิน
เขามีชีวิตที่ต้องสาป ทุกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมา จะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเป็นโลกดีหรือร้ายเขาก็ต้องอยู่กับมัน จนกว่าจะง่วงนอน และเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด เพื่อตื่นขึ้นมาพบกับจักรวาลใหม่ บทบาทใหม่ บางครั้งเป็นราชา บางครั้งเป็นขอทาน บางครั้งเป็นนักบวช เป็นนักรบ อยู่ในโลกและเวลาแตกต่างกันออกไป สารพัดจะกลับกลาย เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งเมื่อตื่นนอน จนไม่รู้ว่าความจริงอยู่แห่งหนใด
วันนี้เขาเป็นอะไร... หรือใครกัน
หลังจากทบทวนความจำพักหนึ่ง ความทรงจำ ประวัติศาสตร์ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ก็เริ่มไหลหลั่งเข้ามาในสมอง มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นมังกรตัวหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือตัวเมือง มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากด้านล่างของเหล่าอัศวิน
ใช่...เขาเป็นอัศวิน มีหน้าที่ปกป้องเมืองนี้จากพวกมังกร
รอก่อนนะแม่นางในฝันแห่งข้า รอให้ข้าไปจัดการกับมังกรตัวร้ายก่อน ถ้าไม่ลืม... ข้าจะรีบกลับมานอน แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดว่า ข้าอาจฝันถึงเจ้าอีกครั้งในคืนนี้
จบจ้า
ที่มาของพล็อต:
นั่งอยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี เกิดความคิดที่ว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนมาบอกว่า ชีวิตของเราที่ผ่านมา เป็นเพียงความฝันของใครบางคน
จะเป็นอย่างไร.....
....................
ความฝัน...ที่ต้องสาป
คุณรู้ไหมว่ามีเรื่องราวหลายอย่างที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ เพราะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกหลุดโลก เกินสามัญสำนึกของคนเรา ฉันจึงไม่ตำหนิคุณหรอก หากฟังแล้วคุณจะหัวเราะ เพราะฉันเองก็คงจะทำอย่างนี้เหมือนกันถ้าได้ฟังครั้งแรก
มันเริ่มต้นด้วยความกลัว
ฉันมีเหตุผลที่ต้องกลัว แต่ไม่รู้จะเล่าระบายให้ใครฟัง ใช่..ปัญหาไม่ได้มาจากคนไกลตัว ไม่ใช่ใครอื่น คนใกล้ตัวในที่นี้ ก็คุณสามีตัวดีของฉันนั่นเอง ผู้ทำให้ฉันสติแตกจิตตก ความจริงแล้วเราก็อยู่กันอย่างปกติสุขตลอดมา ทั้งหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว จะเรียกว่ามันสมบูรณ์แบบเกินไปเสียด้วยซ้ำ เกินหน้าเกินตาหลายคู่ หลายครอบครัวอิจฉาพวกเรา จัดเป็นครอบครัวที่มีความสุข และฉันเองก็พอใจมากกับชีวิตครอบครัวของฉัน
แต่ความผิดปกติมันก็เริ่มเกิดขึ้นไม่นานมานี่เอง
สามีคนเก่งของฉันเปลี่ยนไปจากเดิม จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเศร้าหมองหดหู่ ลางานมาอยู่กับบ้านมากขึ้น...และมากขึ้น จนฉันเกือบแน่ใจว่าเขาไม่สนใจงานหรือว่าอะไรอีกแล้ว เธอเคยเห็นสีหน้าท่าทางของคนสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากในชีวิตไหม...นั่นล่ะที่เขาเป็น เขาเหมือนคนจะลาตายในไม่ช้า
แน่นอนว่าฉันถามซักไซ้ไล่เรียงหาสาเหตุ เขาได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมอธิบายอะไร แต่มีสีหน้าแววตาลำบากยุ่งยากใจแบบไม่เคยเห็นมาก่อน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับฉันแทบตลอดเวลา ราวกับกำลังจะจากกันไปแบบไม่มีโอกาสกลับมาเห็นหน้ากันอีก
ฟังดูมันน่าใจหายใช่ไหม
ฉันคิดว่าเขาป่วยเป็นโรคร้ายไม่มีทางรักษา และกำลังจะตายวันนี้พรุ่งนี้ แต่เขาปฏิเสธ ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหก เมื่อเธอใช้ชีวิตอยู่กับใครบางคนเป็นเวลานานอย่างน้อยก็พอจะเดาทางกันออกได้ หรือจะตรงข้ามก็ไม่รู้นะ...บางคู่อยู่ด้วยกันมาแทบตลอดชีวิตแต่กลับคล้ายคนแปลกหน้า ไม่รู้จักกันดีพอ แต่ในที่สุดบ่ายวันนี้ เขาก็เริ่มเล่าบางอย่างให้ฉันฟัง หลังจากขาดงานมาเกือบสองสัปดาห์ เขาไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป ถ้าโลกแตกออกเป็นเสี่ยงต่อหน้าต่อตา ฉันว่าสีหน้าท่าทางของเขาคงไม่ตื่นเต้นเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“ผมกำลังจะจากคุณไป จากไปอย่างไม่มีวันเจอคุณอีก” น้ำเสียงของเขาเศร้าและสิ้นหวังอย่างน่าใจหาย ฉันนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนตั้งสติ มองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ว่าเขาพยายามบอกอะไรกับฉัน
“ผมรักคุณเหลือเกิน รักมากจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้คุณเข้าใจ คุณเป็นคนดีที่สุดในโลก ผมไม่เคยรักใครมากเท่าคุณมาก่อน ทั้งอดีตและอนาคต ผมไม่สามารถรักใครได้มากกว่านี้อีกแล้ว คุณเป็นนางฟ้าคนดีที่หนึ่งของผมตลอดไป แต่...”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เริ่มร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วเล่าต่อไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“ตอนแรกผมจะไม่บอกคุณ กลัวคุณเสียใจ แต่ผมรักคุณมากเกินไป มากจนเกินกว่าจะปิดบังคุณได้ ยังไงผมต้องบอกคุณให้รู้”
“คุณเป็นอะไรไปคะ” น้ำเสียงของฉันแหบเครือ แทบไม่ต่างจากเสียงของเขา
“ผมกำลังจะตื่น”
“อะไรนะคะ...!” ฉันร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง สามีคนดีของฉันเป็นอะไรไปแล้ว เขาบอกว่ากำลังจะตื่น ทั้งที่เขายังนั่งคุยกับฉันอยู่ในห้องรับแขกในบ้านแท้ ๆ เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร พระเจ้าหรือใครก็ได้ช่วยฉันที
“ผมกำลังจะตื่นจริงๆ ผมเพิ่งนึกได้ไม่นานนี่เอง”
สีหน้าท่าทางเขาไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด และสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาเหมาะจะมาพูดเล่น
“ผมรู้ว่าคุณแปลกใจไม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องยากต่อการยอมรับและเข้าใจ ผมถึงลังเลใจในการเล่าให้คุณฟัง”
“คุณเป็นอะไรไปคะที่รัก” ฉันเริ่มร้องไห้อย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาอธิบายต่อไปว่า
“ผมพยายามบอกคุณว่าผมรักคุณแค่ไหน มากขนาดไหน ลึกซึ้งขนาดไหน ดังนั้นผมจะจากคุณไปโดยไม่บอกไม่ลาไม่ได้ ที่รัก... ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในความฝัน ผมเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าผมกำลังฝันอยู่ แต่ผมเริ่มรู้ตัวไม่นานมานี่เอง ผมรู้ว่านี่เป็นความฝัน เพราะผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไปจากความเป็นจริงที่มันควรจะเป็น”
ฉันไม่สามารถแม้แต่จะถามอะไรเขาอีก สมองลั่นครืนมึนงงสับสนไปหมด แต่ยังได้ยินเขาเล่าต่อไปราวกับแว่วมาจากดินแดนแสนไกล
“ก็อย่างที่คุณรู้ เมื่อคนเราอยู่ในความฝัน เรามักจะไม่รู้ตัวเองว่ากำลังฝันอยู่ แต่บางครั้งคนเราจะเริ่มคิดได้ว่า เรากำลังฝัน เมื่อรู้สึกได้ว่าบางอย่างมันผิดปกติไป ผมรู้สึกจำเลือนราง ว่าความจริงผมไม่ได้แต่งงานอยู่กินกับคุณเลย คุณแต่งงานไปแล้วกับคนอื่นไม่ใช่ผม ตอนนี้ผมกำลังฝันไป ใช่ที่รัก... ความจริงตอนนี้ผมกำลังนอนหลับอยู่ และนี่เป็นเพียงความฝันของผม”
หยุดนิ่งครู่หนึ่งแล้วเขาออกไปมองนอกหน้าต่างก่อนอธิบายต่อไปอย่างเจ็บปวดซึมเศร้า
“ข้างนอกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของความฝัน ความจริงคุณก็เป็นส่วนหนึ่งในความฝันของผม แต่ผมก็รักคุณ ผมยอมอยู่ในโลกแห่งความฝันนี้ตลอดกาล โดยไม่ยอมตื่นก็ได้ขอเพียงให้ได้อยู่กับคุณ ถึงจะเป็นความฝันก็เป็นความฝันซึ่งมีความหมายต่อผมเหลือเกิน มากกว่าความจริงเสียด้วยซ้ำ ผมยอมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแลกกับความฝันนี้ แม้จะนอนหลับฝันจนตายไปก็ยอม ผมไม่อยากเสียคุณไป”
ฉันรู้ว่าเขาผิด เขาไม่ได้ฝัน เขากำลังตื่นอยู่ เขาอาการหนักกว่าที่คิดเอาไว้ คุณเองก็คงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่นอน ถ้าได้ฟังเขาพูดแบบนี้ ลองคิดดูว่าพวกเราผ่านกาลเวลามานานขนาดไหน เริ่มจากรู้สึกตัวว่าเราเป็นเด็ก มีพ่อแม่คอยดูแล เริ่มเล่นเริ่มเรียนผ่านเวลาแต่ละปีมาอย่างยาวนาน ทั้งทุกข์ทั้งสุข หัวเราะร้องไห้ ทำงาน มีครอบครัว มีผู้คนมากมายที่เรารู้จักเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาตลอดชีวิต แล้วอยู่ดี ๆ จะมาบอกว่าทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นแค่การหลับฝันแล้วตื่นแค่คืนเดียว จะทำใจยอมรับได้อย่างไรกัน
“พอได้แล้ว..” ฉันเริ่มตั้งสติ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายอ่อนแอเจ็บป่วยทางใจ ฉันต้องเข้มแข็งจะต้องหาวิธีการพาเขาไปหาจิตแพทย์ พวกหมอต้องช่วยเขาได้ “ที่รัก เราออกไปพักสมองกันข้างนอกกันดีไหม จะได้หายเครียดไงคะ”
“คุณยังไม่เข้าใจ” ท่าทางเขาสิ้นหวังหนักมากขึ้น เอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันเอาไว้
“เวลาในความฝัน ไม่สัมพันธ์กับเวลาจริง ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ผมไม่อยากตื่นจากความฝันนี้ ผมไม่...
...................
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากเตียงด้วยอาการโผเผ ความฝันงดงามยังคงประทับในความทรงจำชัดเจนราวกับเป็นเรื่องจริง หญิงสาวที่เหมาะสมดงามพบเฉพาะในความฝันหรืออย่างไร เขาอยากจะล้มตัวลงนอนต่อไปเพื่อสะสางเรื่องราวให้จบสิ้น แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บร้าวสะท้านในความรู้สึกกับการสูญเสียนางในฝัน การสูญเสียที่ไม่มีทางแก้ไข ทรมานใจหลือเกิน
เขามีชีวิตที่ต้องสาป ทุกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมา จะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเป็นโลกดีหรือร้ายเขาก็ต้องอยู่กับมัน จนกว่าจะง่วงนอน และเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด เพื่อตื่นขึ้นมาพบกับจักรวาลใหม่ บทบาทใหม่ บางครั้งเป็นราชา บางครั้งเป็นขอทาน บางครั้งเป็นนักบวช เป็นนักรบ อยู่ในโลกและเวลาแตกต่างกันออกไป สารพัดจะกลับกลาย เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งเมื่อตื่นนอน จนไม่รู้ว่าความจริงอยู่แห่งหนใด
วันนี้เขาเป็นอะไร... หรือใครกัน
หลังจากทบทวนความจำพักหนึ่ง ความทรงจำ ประวัติศาสตร์ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ก็เริ่มไหลหลั่งเข้ามาในสมอง มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นมังกรตัวหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือตัวเมือง มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากด้านล่างของเหล่าอัศวิน
ใช่...เขาเป็นอัศวิน มีหน้าที่ปกป้องเมืองนี้จากพวกมังกร
รอก่อนนะแม่นางในฝันแห่งข้า รอให้ข้าไปจัดการกับมังกรตัวร้ายก่อน ถ้าไม่ลืม... ข้าจะรีบกลับมานอน แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดว่า ข้าอาจฝันถึงเจ้าอีกครั้งในคืนนี้
จบจ้า
ที่มาของพล็อต:
นั่งอยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี เกิดความคิดที่ว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนมาบอกว่า ชีวิตของเราที่ผ่านมา เป็นเพียงความฝันของใครบางคน
จะเป็นอย่างไร.....
....................