บทที่ 12
https://pantip.com/topic/38552910
[….คุณสามารถแบ่งปันการมองเห็นให้เธอได้ 20 % แต่การมองเห็นของตัวคุณเองต้องลดลงตามอัตราส่วนนั้นด้วย…]
ข้อความยังปรากฏขึ้นมาอีกราวกับรอให้ตัดสินใจ
กด 1 เพื่อยอมรับเงื่อนไข
กด 2 เพื่อปฏิเสธเงื่อนไข

.........
ใต้ข้อความมีรูปเจ้าหน้ากลมลอยไปมาพลางทำหน้าตายักคิ้วหลิ่วตาอย่างท้าทาย ในความรู้สึกของสักกะมันดูตลกกวนๆ แบบน่าเตะให้กระเด็น ลองถามหยั่งเชิงกับเกมหน้าจออย่างใจเย็น
“แกทำได้เหรอ นี่มันเกม แกไม่ใช่ยักษ์จินนี่ในตะเกียงวิเศษ”
[…ทำได้...]
ข้อความใหม่โต้ตอบมาสั้นๆ แต่ได้ใจความและไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม
“ทำไมฉันต้องเลือกด้วยล่ะ” เขาถามเรื่อยๆ
[…คุณจะได้รู้หัวใจของตนเอง ได้เรียนรู้ความรัก...]
“โธ่เอ๊ย...ความรักฉันรู้จักมานานแล้วโว้ย ไม่จำเป็นให้เกมอย่างแกมาสอนหรอก”
[...คุณรู้แค่ไหนล่ะ...]
ข้อความถามง่ายๆ แต่มีผลทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปทันที นั่นสินะ เขารู้จักความรักขนาดไหนกัน ผู้หญิงที่เคยมาอาศัยในฐานะคนรักระยะเวลาหนึ่ง ทำให้รู้จักความรักได้ขนาดไหนกัน อะไรคือความผูกพันเชื่อมโยงหัวใจของสองคนเข้าด้วยกัน การเดินจากไปของเธอคนนั้นบอกอะไรได้บ้าง หรือสูญเสียอะไรไปบ้าง นั่นเป็นความรักจริงหรือ รักกันต้องอยู่ด้วยกันแล้วมีอะไรกัน มันแค่นั้นหรืออย่างไร หรือว่ามีอะไรพิเศษลึกล้ำไปอีก แล้วความรู้สึกที่มีต่อสโรชินล่ะ ความรักแบบไหนกัน มีคนพูดว่าความรักเป็นของเรา และก็ไม่ใช่ของเรา หมายความว่าอย่างไรกันแน่ นอกเหนือจากการเล่นคำ
ชายหนุ่มนั่งงงอยู่เพียงครู่เดียว แล้วก็คิดได้ ยิ้มดุๆให้กับข้อความหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไอ้บ้า...ความรักก็คือความรักนั่นละ ไม่เห็นต้องไปหานิยามหรือความหมายให้ยุ่งยากใจ การหาคำนิยายของความรักอาจคล้ายกับการหลับตาล้วงมือควานสุ่มหาตำแหน่งของลูกบอลที่วางอยู่ในกล่อง ย่อมไม่มีทางรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของลูกบอลได้ เพียงแต่ตำแหน่งความความรักน่าจะอยู่ที่ใจ!
“แกคิดว่าฉันจะเลือกกอะไร” เขาถามขึ้นอีก
[…คุณจะเลือก 1...]
“แกรู้ได้ไง”
[…ไม่รู้ คุณต่างหากรู้...]
“แกนะแก...” ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างยอมรับกึ่งยอมแพ้ “กวนได้ใจ ถ้าแกเป็นคนฉันจะพาไปเลี้ยงเหล้าดองยาให้เมาหัวทิ่ม”
การตอบคำถามของเจ้าเกมประหลาด เห็นได้ชัดว่ามันฉลาดในการตอบ ไม่อยากจะทะเลาะอยากคุยต่อไป เอื้อมมือออกไปโดยไม่มีการลังเลใจแม้แต่น้อย
กด 1 อย่างยินยอมพร้อมใจเต็มใจที่สุด
[…คุณแน่ใจนะกับการกดหมายเลข 1 กด Y เพื่อยืนยัน กด N เพื่อยกเลิก...]
ดูมันทำ... เขาหัวเราะในลำคอกับการกวนประสาทของเกม แทนที่จะรีบประมวณผล ยังมีหน้ามาถามทำราวกับว่าให้โอกาสเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจอีกครั้ง ชายหนุ่มกดแป้นคีย์บอร์ด Y เป็นการยืนยันอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยความรู้สึกทั้งหงุดหงิดทั้งขบขัน
ทันใดนั้น เสียงดังเปรี๊ยะแล่นเข้ามาในหู แสงสว่างวาบเข้าตาชั่ววินาทีหนึ่ง เหมือนถูกยิงด้วยเข็มแหลมๆขนาดเล็กที่บางกว่าเส้นผมหลายเท่า แต่นั่นก็รุนแรงพอทำให้เขาแสบตาจนร้องโอ๊ยเสียงลั่น
“สักกะ...คุณเป็นอะไรคะ” หูแว่วเสียงร้องอย่างตกใจของสโรชินพร้อมกับหน้าจอสว่างวาบ เป็นภาพของเธอเต็มหน้าท่าทางตกใจ
ชายหนุ่มไม่สามารถตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปรกติได้ในทันที เพราะประสาทชาค้างไปพักหนึ่งก่อนจะสามารถลืมตาขึ้นมาใหม่ รู้สึกได้เลยว่าภาพข้างหน้าพร่ามัวลงไปบ้าง ท่าทางข้อเสนอของเกมจะเป็นเรื่องจริง มันไม่ได้ล้อเล่น
ถ้าอย่างนั้นก็ยังมองเห็นชัดสัก 80% ล่ะนะ ไม่เป็นไร ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย เอามือบังโทรศัพท์ไว้แล้วพูดกับเกมในหน้าจออย่างไม่ต้องการให้เธอได้ยิน
“
รุนแรงกับผมได้ แต่อย่าทำอย่างนี้กับเธอ”
ราวกับจะรับรู้คำขอ หน้าจอปรากฏตัวอักษรสีขาวขึ้นมาทันที
[....ได้ ให้เธอไปนอน พรุ่งนี้สายตาเธอจะดีขึ้น.....]
ไม่มีคำปลอบโยนในคำตอบนั้น แต่จังหวะการเคลื่อนไหวของตัวอักษร ดูเหมือนมันจะเห็นใจเขามากขึ้น เจ้าหน้ากลมทำตาปริบๆ ปรากฏให้เห็นก่อนลอยหายลับไปจากหน้าจอ
“สักกะ... คุณยังอยู่มั้ยคะ ทำไมเงียบไปเลย” สโรชินถามอย่างกังวลมาตามสาย
“ครับ ยังอยู่ ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวก่อนได้มั้ยครับ”
“ค่ะ... แน่ใจนะคะ ว่าคุณไม่เป็นอะไร”
“ครับ อ้อ... คุณก็ ไปนอนนะครับ”
“ค่ะ...” สโรชินรับคำด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแสดงความแปลกใจ สักกะมองแล้วยิ้ม อย่าทำหน้ากังวลอย่างนั้น ที่รัก ผมยังอยากเห็นคุณยิ้ม สักกะได้แต่บอกในใจโดยไม่กล้าพูดออกมา
บางครั้งคำพูดมากมายไม่อาจเปิดเผย แต่การกระทำสำคัญกว่ากันมากนัก การเลือกของสักกะเป็นการตัดสินใจที่ไม่หวังอะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงการเสียสละครั้งนี้ เพียงรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เพื่อคนที่ตนเองรักก็พอใจแล้ว
หญิงสาวชอบความฝันเป็นพิเศษ เพราะความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอหลุดพ้นไปจากวงล้อมแห่งความมืดดำ ความฝันมักจะบรรเจิดเพริดแพร้วเต็มไปด้วยสีสันราวกับจะเป็นการชดเชยชีวิตจริง บางครั้งอาจฝันร้ายน่ากลัวจนสะดุ้งตื่นด้วยหัวใจสั่นระรัว แต่เธอก็เต็มใจที่จะฝัน ขอเพียงให้ความฝันนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงสี ต่อให้ฝันร้ายก็ยอม หลายครั้งความฝันงดงามจนอยากนอนหลับฝันไปตลอดกาลโดยไม่ต้องลุกขึ้นมาเผชิญกับโลกอันมืดมน แต่ไม่ว่าอย่างไรความฝันก็มีวันจบสิ้น ไม่ช้าก็เร็วคนเราต้องตื่นขึ้นมารับสภาพความเป็นจริง
คืนนี้สโรชินฝันถึงท้องทุ่งหญ้าสวยงามโบกพลิ้วไหวไปกับสายลม ฟ้าสีครามกระจ่างสดใสมีเหล่าผีเสื้อจำนวนมากมายกำลังโบยบินแสงแดดส่องสว่างมาจากขอบฟ้าตัดปุยเมฆขาวลอยฟ่องเรียงรายประดับขอบฟ้า
หลังจากตาบอด หญิงสาวมีโอกาสเห็นแสงสีเฉพาะต่อเมื่ออยู่ในความฝันเท่านั้น เช้าวันนี้เมื่อเธอตื่นจากความฝันยังรู้สึกถึงแสงพระอาทิตย์จรัสแสงอยู่เบื้องหลังความพร่ามัวอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนนี่เอง…
และไม่ใช่ความฝัน...
สโรชินเบือนหน้าจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงรางเลือนตรงหน้าต่าง ไม่ควรจ้องมองมันนานเกินไปนัก หญิงสาวลุกจากเตียง เบนสายตามาสำรวจห้องที่มืดสลัว สายตาเริ่มมองเห็นรุปทรงเฟอร์นิเจอร์และข้าวของต่างๆภายในห้องได้บ้าง
โลกไม่ได้มืดและอ้างว้างอย่างที่เคยอีกแล้ว!ยังพอมีภาพและแสงสว่างให้เห็น เป็นไปได้อย่างไร
ฉันเริ่มมองเห็นแล้วล่ะ...แม้จะน้อยนิดแต่ก็ทำให้ความรู้สึกพลุ่งพล่านไปด้วยความยินดีจนหัวใจเต้นแรง เราบอกข่าวนี้ให้ใครก่อน หญิงสาวถามตัวเองไปมาและเริ่มคิดถึงใครบางคน
สักกะ...
เขากลายเป็นคนแรกที่เธออยากบอกข่าวดีตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่น่า... ต้องบอกแจ๋น หรือบอกพ่อแม่สิ สโรชินคว้าโทรศัพท์เพื่อจะกดเบอร์โทรออก ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มไหนด้วยซ้ำ
ใครกันนะ โทรมาแต่เช้า
“สวัสดีค่ะ สโรชินพูดสาย” หญิงสาวกดรับสายนั้นอย่างไม่ลังเลใจ อย่าบอกนะ ว่าเป็น...
“ผม...สักกะนะครับ”
“เอ๋...?” หญิงสาวอุทานพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะประหลาด นึกแล้วไม่มีผิด โทรมาแต่เช้าแบบนี้มีเพียงเขาเท่านั้น
“คุณ...ทำอะไรอยู่ครับ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรจนสัมผัสได้
ฉันก็...
กำลังคิดถึงคุณอยู่...
สโรชินเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ ซ่อนไว้ในความเงียบเพราะยังไม่อยากบอก แล้วเฉไฉตอบไม่ตรงกับใจ “ก็กำลังคุยโทรศัพท์ไงคะ ทำไมวันนี้คุณโทรมาแต่เช้า จะไม่ให้คุยกับคนอื่นเลยหรือยังไง...”
“ขอโทษครับ ผมแค่...” สุ้มเสียงนั้นฟังดูกระอักกระอ่วนใจ
คิดถึงคุณ...
ประโยคนั้นขาดหาย แต่จังหวะที่เว้นวรรคเหมือนจะเติม 3 คำนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ
“คุณโทรมาพอดี ฉันมีเรื่องจะบอกคุณด้วยค่ะ” สโรชินรีบขัดจังหวะเพราะต้องการบอกข่าวดี “ฉันเริ่มมองเห็นแล้วล่ะ แม้จะเพียงนิดหน่อยแต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ กำลังจะโทรบอกคุณพ่อ ให้มารับไปตรวจสายตา ดีว่าคุณโทรมาไวคุณเลยกลายเป็นคนรู้ข่าวดีคนแรก”
“จริงหรือครับ! โอ...ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆ” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความยินดี รู้เลยว่าเขากำลังจ้องมองมาจากอนาคตด้วยสายตาเป็นประกาย “พออธิบายให้รู้ได้ไหมครับว่ามองเห็นยังไงขนาดไหน”
“เห็นมัวๆรางๆ ค่ะ พอกำหนดรูปทรงวัตถุได้เท่านั้น รายละเอียดยังไม่เห็นค่ะ”
“เป็นข่าวดีที่สุดเลยครับ อีกไม่นานคุณต้องหายเป็นปกติแน่นอนครับ”
“ทำไมถึงเชื่อขนาดนั้นคะ”
“เพราะผมมีลางสังหรณ์ว่าจะได้เจอคุณจริงแท้แน่นอน ถึงวันนั้นคุณห้ามเบี้ยวละ”
เจ้าเล่ห์ชะมัด...หญิงสาวอมยิ้ม ถึงจะรู้ว่าเป็นคำปลอบใจแต่ก็ทำให้รู้สึกดี แต่ก็รีบเปลี่ยนประเด็นป้องกันความรู้สึกของตัวเอง
“แล้วนี่ วันนี้คุณไม่ออกไปไหนหรือคะ”
“ผมก็กำลังจะออกไปหางานครับ แต่เช้านี้อยากจะโทรมาหาคุณก่อน เมื่อวานผมรีบวางสายไป คุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วเช้านี้ คุณหายปวดหัวหรือยังคะ”
“ครับ ก็ดีขึ้นแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้เย็นนี้ เราค่อยคุยกันใหม่นะคะ ฉันต้องรีบโทรหาคุณพ่อแล้ว”
“ครับ”
น้ำเสียงของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกต่างจากสักกะคนเดิมที่มักจะปรากฏแววร่าเริงให้สัมผัสได้เสมอ แต่สโรชินไม่ทันสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยอะไรมากมาย เพราะมัวแต่ดีใจกับปรากฏการณ์อันน่าตื่นใจของตนเองอยู่ หญิงสาววางสายด้วยรอยยิ้มละไม และอธิษฐานให้สักกะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสว่างสดใสเช่นกัน
สโรชินวางสายแล้ว แต่สักกะยังกำหูโทรศัพท์ค้างคาอยู่อย่างนั้น น้ำเสียงดีอกดีใจของเธอยังแว่วกังวานอยู่ในหู ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ดีใจกับเรื่องที่ได้ยิน มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกกับเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ลองหันออกไปมองนอกหน้าต่างห้องของตัวเองบ้าง รู้สึกว่าท้องฟ้ามัวหม่นมืดครึ้มอย่างไรพิกลทั้งที่เป็นฤดูร้อน
คงเพราะเขาเสียความสามารถการมองเห็นไปให้สโรชินสินะ
เกมประหลาดมันทำได้จริงๆ เอาเถอะ ไม่เป็นไร ถ้าทำแล้วส่งผลให้เธอรู้สึกดีขึ้น เขาก็พร้อมจะทำอย่างไม่ลังเล และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกขอบคุณเจ้าเกมประหลาด อย่างน้อยมันทำให้สโรชินมองเห็นบ้าง ไม่ถึงกับอยู่ในโลกมืดมนจนมองไม่เห็นอะไร การได้ทำเพื่อคนที่รักวิเศษแบบนี้เอง ไม่ได้รู้สึกเสียใจในการตัดสินใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมีแต่ความปลาบปลื้มยินดีอัดเต็มหัวใจ
.
เกมรักพิศวง 13...ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของความรัก
https://pantip.com/topic/38552910
[….คุณสามารถแบ่งปันการมองเห็นให้เธอได้ 20 % แต่การมองเห็นของตัวคุณเองต้องลดลงตามอัตราส่วนนั้นด้วย…]
ข้อความยังปรากฏขึ้นมาอีกราวกับรอให้ตัดสินใจ
กด 1 เพื่อยอมรับเงื่อนไข
กด 2 เพื่อปฏิเสธเงื่อนไข
ใต้ข้อความมีรูปเจ้าหน้ากลมลอยไปมาพลางทำหน้าตายักคิ้วหลิ่วตาอย่างท้าทาย ในความรู้สึกของสักกะมันดูตลกกวนๆ แบบน่าเตะให้กระเด็น ลองถามหยั่งเชิงกับเกมหน้าจออย่างใจเย็น
“แกทำได้เหรอ นี่มันเกม แกไม่ใช่ยักษ์จินนี่ในตะเกียงวิเศษ”
[…ทำได้...]
ข้อความใหม่โต้ตอบมาสั้นๆ แต่ได้ใจความและไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม
“ทำไมฉันต้องเลือกด้วยล่ะ” เขาถามเรื่อยๆ
[…คุณจะได้รู้หัวใจของตนเอง ได้เรียนรู้ความรัก...]
“โธ่เอ๊ย...ความรักฉันรู้จักมานานแล้วโว้ย ไม่จำเป็นให้เกมอย่างแกมาสอนหรอก”
[...คุณรู้แค่ไหนล่ะ...]
ข้อความถามง่ายๆ แต่มีผลทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปทันที นั่นสินะ เขารู้จักความรักขนาดไหนกัน ผู้หญิงที่เคยมาอาศัยในฐานะคนรักระยะเวลาหนึ่ง ทำให้รู้จักความรักได้ขนาดไหนกัน อะไรคือความผูกพันเชื่อมโยงหัวใจของสองคนเข้าด้วยกัน การเดินจากไปของเธอคนนั้นบอกอะไรได้บ้าง หรือสูญเสียอะไรไปบ้าง นั่นเป็นความรักจริงหรือ รักกันต้องอยู่ด้วยกันแล้วมีอะไรกัน มันแค่นั้นหรืออย่างไร หรือว่ามีอะไรพิเศษลึกล้ำไปอีก แล้วความรู้สึกที่มีต่อสโรชินล่ะ ความรักแบบไหนกัน มีคนพูดว่าความรักเป็นของเรา และก็ไม่ใช่ของเรา หมายความว่าอย่างไรกันแน่ นอกเหนือจากการเล่นคำ
ชายหนุ่มนั่งงงอยู่เพียงครู่เดียว แล้วก็คิดได้ ยิ้มดุๆให้กับข้อความหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไอ้บ้า...ความรักก็คือความรักนั่นละ ไม่เห็นต้องไปหานิยามหรือความหมายให้ยุ่งยากใจ การหาคำนิยายของความรักอาจคล้ายกับการหลับตาล้วงมือควานสุ่มหาตำแหน่งของลูกบอลที่วางอยู่ในกล่อง ย่อมไม่มีทางรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของลูกบอลได้ เพียงแต่ตำแหน่งความความรักน่าจะอยู่ที่ใจ!
“แกคิดว่าฉันจะเลือกกอะไร” เขาถามขึ้นอีก
[…คุณจะเลือก 1...]
“แกรู้ได้ไง”
[…ไม่รู้ คุณต่างหากรู้...]
“แกนะแก...” ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างยอมรับกึ่งยอมแพ้ “กวนได้ใจ ถ้าแกเป็นคนฉันจะพาไปเลี้ยงเหล้าดองยาให้เมาหัวทิ่ม”
การตอบคำถามของเจ้าเกมประหลาด เห็นได้ชัดว่ามันฉลาดในการตอบ ไม่อยากจะทะเลาะอยากคุยต่อไป เอื้อมมือออกไปโดยไม่มีการลังเลใจแม้แต่น้อย
กด 1 อย่างยินยอมพร้อมใจเต็มใจที่สุด
[…คุณแน่ใจนะกับการกดหมายเลข 1 กด Y เพื่อยืนยัน กด N เพื่อยกเลิก...]
ดูมันทำ... เขาหัวเราะในลำคอกับการกวนประสาทของเกม แทนที่จะรีบประมวณผล ยังมีหน้ามาถามทำราวกับว่าให้โอกาสเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจอีกครั้ง ชายหนุ่มกดแป้นคีย์บอร์ด Y เป็นการยืนยันอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยความรู้สึกทั้งหงุดหงิดทั้งขบขัน
ทันใดนั้น เสียงดังเปรี๊ยะแล่นเข้ามาในหู แสงสว่างวาบเข้าตาชั่ววินาทีหนึ่ง เหมือนถูกยิงด้วยเข็มแหลมๆขนาดเล็กที่บางกว่าเส้นผมหลายเท่า แต่นั่นก็รุนแรงพอทำให้เขาแสบตาจนร้องโอ๊ยเสียงลั่น
“สักกะ...คุณเป็นอะไรคะ” หูแว่วเสียงร้องอย่างตกใจของสโรชินพร้อมกับหน้าจอสว่างวาบ เป็นภาพของเธอเต็มหน้าท่าทางตกใจ
ชายหนุ่มไม่สามารถตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปรกติได้ในทันที เพราะประสาทชาค้างไปพักหนึ่งก่อนจะสามารถลืมตาขึ้นมาใหม่ รู้สึกได้เลยว่าภาพข้างหน้าพร่ามัวลงไปบ้าง ท่าทางข้อเสนอของเกมจะเป็นเรื่องจริง มันไม่ได้ล้อเล่น
ถ้าอย่างนั้นก็ยังมองเห็นชัดสัก 80% ล่ะนะ ไม่เป็นไร ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย เอามือบังโทรศัพท์ไว้แล้วพูดกับเกมในหน้าจออย่างไม่ต้องการให้เธอได้ยิน
“
รุนแรงกับผมได้ แต่อย่าทำอย่างนี้กับเธอ”
ราวกับจะรับรู้คำขอ หน้าจอปรากฏตัวอักษรสีขาวขึ้นมาทันที
[....ได้ ให้เธอไปนอน พรุ่งนี้สายตาเธอจะดีขึ้น.....]
ไม่มีคำปลอบโยนในคำตอบนั้น แต่จังหวะการเคลื่อนไหวของตัวอักษร ดูเหมือนมันจะเห็นใจเขามากขึ้น เจ้าหน้ากลมทำตาปริบๆ ปรากฏให้เห็นก่อนลอยหายลับไปจากหน้าจอ
“สักกะ... คุณยังอยู่มั้ยคะ ทำไมเงียบไปเลย” สโรชินถามอย่างกังวลมาตามสาย
“ครับ ยังอยู่ ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวก่อนได้มั้ยครับ”
“ค่ะ... แน่ใจนะคะ ว่าคุณไม่เป็นอะไร”
“ครับ อ้อ... คุณก็ ไปนอนนะครับ”
“ค่ะ...” สโรชินรับคำด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแสดงความแปลกใจ สักกะมองแล้วยิ้ม อย่าทำหน้ากังวลอย่างนั้น ที่รัก ผมยังอยากเห็นคุณยิ้ม สักกะได้แต่บอกในใจโดยไม่กล้าพูดออกมา
บางครั้งคำพูดมากมายไม่อาจเปิดเผย แต่การกระทำสำคัญกว่ากันมากนัก การเลือกของสักกะเป็นการตัดสินใจที่ไม่หวังอะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงการเสียสละครั้งนี้ เพียงรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เพื่อคนที่ตนเองรักก็พอใจแล้ว
หญิงสาวชอบความฝันเป็นพิเศษ เพราะความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอหลุดพ้นไปจากวงล้อมแห่งความมืดดำ ความฝันมักจะบรรเจิดเพริดแพร้วเต็มไปด้วยสีสันราวกับจะเป็นการชดเชยชีวิตจริง บางครั้งอาจฝันร้ายน่ากลัวจนสะดุ้งตื่นด้วยหัวใจสั่นระรัว แต่เธอก็เต็มใจที่จะฝัน ขอเพียงให้ความฝันนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงสี ต่อให้ฝันร้ายก็ยอม หลายครั้งความฝันงดงามจนอยากนอนหลับฝันไปตลอดกาลโดยไม่ต้องลุกขึ้นมาเผชิญกับโลกอันมืดมน แต่ไม่ว่าอย่างไรความฝันก็มีวันจบสิ้น ไม่ช้าก็เร็วคนเราต้องตื่นขึ้นมารับสภาพความเป็นจริง
คืนนี้สโรชินฝันถึงท้องทุ่งหญ้าสวยงามโบกพลิ้วไหวไปกับสายลม ฟ้าสีครามกระจ่างสดใสมีเหล่าผีเสื้อจำนวนมากมายกำลังโบยบินแสงแดดส่องสว่างมาจากขอบฟ้าตัดปุยเมฆขาวลอยฟ่องเรียงรายประดับขอบฟ้า
หลังจากตาบอด หญิงสาวมีโอกาสเห็นแสงสีเฉพาะต่อเมื่ออยู่ในความฝันเท่านั้น เช้าวันนี้เมื่อเธอตื่นจากความฝันยังรู้สึกถึงแสงพระอาทิตย์จรัสแสงอยู่เบื้องหลังความพร่ามัวอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนนี่เอง…
และไม่ใช่ความฝัน...
สโรชินเบือนหน้าจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงรางเลือนตรงหน้าต่าง ไม่ควรจ้องมองมันนานเกินไปนัก หญิงสาวลุกจากเตียง เบนสายตามาสำรวจห้องที่มืดสลัว สายตาเริ่มมองเห็นรุปทรงเฟอร์นิเจอร์และข้าวของต่างๆภายในห้องได้บ้าง
โลกไม่ได้มืดและอ้างว้างอย่างที่เคยอีกแล้ว!ยังพอมีภาพและแสงสว่างให้เห็น เป็นไปได้อย่างไร
ฉันเริ่มมองเห็นแล้วล่ะ...แม้จะน้อยนิดแต่ก็ทำให้ความรู้สึกพลุ่งพล่านไปด้วยความยินดีจนหัวใจเต้นแรง เราบอกข่าวนี้ให้ใครก่อน หญิงสาวถามตัวเองไปมาและเริ่มคิดถึงใครบางคน
สักกะ...
เขากลายเป็นคนแรกที่เธออยากบอกข่าวดีตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่น่า... ต้องบอกแจ๋น หรือบอกพ่อแม่สิ สโรชินคว้าโทรศัพท์เพื่อจะกดเบอร์โทรออก ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มไหนด้วยซ้ำ
ใครกันนะ โทรมาแต่เช้า
“สวัสดีค่ะ สโรชินพูดสาย” หญิงสาวกดรับสายนั้นอย่างไม่ลังเลใจ อย่าบอกนะ ว่าเป็น...
“ผม...สักกะนะครับ”
“เอ๋...?” หญิงสาวอุทานพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะประหลาด นึกแล้วไม่มีผิด โทรมาแต่เช้าแบบนี้มีเพียงเขาเท่านั้น
“คุณ...ทำอะไรอยู่ครับ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรจนสัมผัสได้
ฉันก็...
กำลังคิดถึงคุณอยู่...
สโรชินเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ ซ่อนไว้ในความเงียบเพราะยังไม่อยากบอก แล้วเฉไฉตอบไม่ตรงกับใจ “ก็กำลังคุยโทรศัพท์ไงคะ ทำไมวันนี้คุณโทรมาแต่เช้า จะไม่ให้คุยกับคนอื่นเลยหรือยังไง...”
“ขอโทษครับ ผมแค่...” สุ้มเสียงนั้นฟังดูกระอักกระอ่วนใจ
คิดถึงคุณ...
ประโยคนั้นขาดหาย แต่จังหวะที่เว้นวรรคเหมือนจะเติม 3 คำนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ
“คุณโทรมาพอดี ฉันมีเรื่องจะบอกคุณด้วยค่ะ” สโรชินรีบขัดจังหวะเพราะต้องการบอกข่าวดี “ฉันเริ่มมองเห็นแล้วล่ะ แม้จะเพียงนิดหน่อยแต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ กำลังจะโทรบอกคุณพ่อ ให้มารับไปตรวจสายตา ดีว่าคุณโทรมาไวคุณเลยกลายเป็นคนรู้ข่าวดีคนแรก”
“จริงหรือครับ! โอ...ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆ” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความยินดี รู้เลยว่าเขากำลังจ้องมองมาจากอนาคตด้วยสายตาเป็นประกาย “พออธิบายให้รู้ได้ไหมครับว่ามองเห็นยังไงขนาดไหน”
“เห็นมัวๆรางๆ ค่ะ พอกำหนดรูปทรงวัตถุได้เท่านั้น รายละเอียดยังไม่เห็นค่ะ”
“เป็นข่าวดีที่สุดเลยครับ อีกไม่นานคุณต้องหายเป็นปกติแน่นอนครับ”
“ทำไมถึงเชื่อขนาดนั้นคะ”
“เพราะผมมีลางสังหรณ์ว่าจะได้เจอคุณจริงแท้แน่นอน ถึงวันนั้นคุณห้ามเบี้ยวละ”
เจ้าเล่ห์ชะมัด...หญิงสาวอมยิ้ม ถึงจะรู้ว่าเป็นคำปลอบใจแต่ก็ทำให้รู้สึกดี แต่ก็รีบเปลี่ยนประเด็นป้องกันความรู้สึกของตัวเอง
“แล้วนี่ วันนี้คุณไม่ออกไปไหนหรือคะ”
“ผมก็กำลังจะออกไปหางานครับ แต่เช้านี้อยากจะโทรมาหาคุณก่อน เมื่อวานผมรีบวางสายไป คุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วเช้านี้ คุณหายปวดหัวหรือยังคะ”
“ครับ ก็ดีขึ้นแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้เย็นนี้ เราค่อยคุยกันใหม่นะคะ ฉันต้องรีบโทรหาคุณพ่อแล้ว”
“ครับ”
น้ำเสียงของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกต่างจากสักกะคนเดิมที่มักจะปรากฏแววร่าเริงให้สัมผัสได้เสมอ แต่สโรชินไม่ทันสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยอะไรมากมาย เพราะมัวแต่ดีใจกับปรากฏการณ์อันน่าตื่นใจของตนเองอยู่ หญิงสาววางสายด้วยรอยยิ้มละไม และอธิษฐานให้สักกะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสว่างสดใสเช่นกัน
สโรชินวางสายแล้ว แต่สักกะยังกำหูโทรศัพท์ค้างคาอยู่อย่างนั้น น้ำเสียงดีอกดีใจของเธอยังแว่วกังวานอยู่ในหู ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ดีใจกับเรื่องที่ได้ยิน มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกกับเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ลองหันออกไปมองนอกหน้าต่างห้องของตัวเองบ้าง รู้สึกว่าท้องฟ้ามัวหม่นมืดครึ้มอย่างไรพิกลทั้งที่เป็นฤดูร้อน
คงเพราะเขาเสียความสามารถการมองเห็นไปให้สโรชินสินะ
เกมประหลาดมันทำได้จริงๆ เอาเถอะ ไม่เป็นไร ถ้าทำแล้วส่งผลให้เธอรู้สึกดีขึ้น เขาก็พร้อมจะทำอย่างไม่ลังเล และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกขอบคุณเจ้าเกมประหลาด อย่างน้อยมันทำให้สโรชินมองเห็นบ้าง ไม่ถึงกับอยู่ในโลกมืดมนจนมองไม่เห็นอะไร การได้ทำเพื่อคนที่รักวิเศษแบบนี้เอง ไม่ได้รู้สึกเสียใจในการตัดสินใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมีแต่ความปลาบปลื้มยินดีอัดเต็มหัวใจ
.