ย้อนรอย...ในห้องใต้ดิน EP. 2
ความเดิมจาก EP.1
“น้องแพนใจเย็นๆนะ เรายังไม่ได้ขับชนเขา และเขาอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้ ตั้งสติดีๆแล้วขับรถมาที่บ้านพี่ เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้กัน” วศินวางสายโทรศัพท์จากน้องแพน ลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย สิ่งที่เขานึกขึ้นได้หลังจากอาบน้ำแปรงฟันเสร็จแล้วก็คือ “ไอ้วินยังอยู่ในห้องใต้ดินนี่หว่า” เขารีบวิ่งลงไปดูยังห้องใต้ดิน นาวินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแต่สิ่งที่ผิดปกติไปคือคอมันพับตกมาอยู่ตรงหน้าอก วศินลองเอามือเขย่าร่างนาวินเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัว ร่างนั้นแน่นิ่งไม่มีการตอบสนองเขาจึงยื่นมือไปแตะใกล้กับรูจมูก “

ไอ้วินตายแล้ว”......
...................................
ด้วยความคึกคะนองอยากได้ เห็นแก่ตัว ทำให้เพื่อนคนหนึ่งต้องตายความลับนี้จะต้องถูกปิดตายไปพร้อมกับห้องใต้ดินนี้ เขาจึงลากศพและเก้าอี้ไปตรงมุมห้องและขนของมาปิดพรางไว้ จนเวลาผ่านไปเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับนาวินค่อยๆเงียบไปและเขายังโชคดีที่ญาดาไม่ได้เอาเรื่องที่เขาข่มขืนเธอเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ เรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังนี้เงียบไปจนผ่านมายี่สิบห้าปีถือว่าพ้นกับความผิดที่ได้ทำแล้ว แต่เขาก็คิดผิดเมื่อความแค้นของนาวินกลับมาทวงคืนในห้องใต้ดินที่ถูกเปิดออกอีกครั้งโดยโจรขโมยของที่หมายจะเข้ามาเอาทรัพย์สินมีค่า แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นการทำให้เขาได้กลับมาพบกับนาวินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเขาเองที่ถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้...
“คงจำกูได้แล้วซินะ ไอ้วศิน จากนี้ไปขอกูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน ให้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับกูและญาดา” ร่างวิญญาณของนาวินจับเก้าอี้พร้อมตัววศินให้นั่งตามเดิม บททรมานได้เริ่มต้นขึ้น สำหรับความแค้นที่สะสมมายี่สิบห้าปี “มือคู่นี้ของคงทำชั่วกับคนอื่นไว้มากล่ะซิ งั้นอย่าเอาไว้เลยล่ะกัน” จู่ๆเชือกที่มัดมือทั้งสองข้างกลับหลุดออกอย่างง่ายดาย แต่แทนที่แขนของวศินจะขยับได้เป็นอิสระกลับตรงกันข้าม มือทั้งคู่เหมือนถูกดึงรั้งเอามาไว้ตรงหน้าตัก วางแนบสนิทไปกับหน้าขาทั้งสองข้าง “ดูๆไปแล้วถ้าไม่มีขาก็คงเดินไปทำร้ายใครไม่ได้ งั้นเสียทั้งมือและขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าไหม ไอ้วศิน” น้ำใสๆไหลออกจากตาวศินทั้งสองข้าง ปากสั่นคอสั่นด้วยความกลัว
“อย่าทำอะไรกูเลยนะ ไอ้วิน กูสำนึกผิดแล้ว” วศินพยายามอ้อนวอนในใจให้วิญญาณผู้ที่เคยเป็นเพื่อนเห็นใจเพราะปากยังถูกปิดสนิทด้วยเทปกาว
“ไม่ต้องกลัวๆ กูทรมานไม่นานหรอก” คำว่า ‘ไม่นาน’ ทำให้วศินใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม และประโยคที่ได้ยินตามมาก็ตรงอย่างที่เขาคิดจริงๆ “ทำไม่นานเดี๋ยวก็ตายแล้ว อย่ากลัวไปเลยเพื่อนรัก” เสียงหัวเราะน่ากลัวออกจากปากร่างของนาวินส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วทั้งห้อง ทันทีที่สิ้นเสียงหัวเราะเหล็กปลายแหลมสองแท่งก็ลอยมาปักเข้าตรงกลางมือแล้วทะลุลงไปปักคาไว้ที่หน้าขาด้วย
“อือ อือ...........” เสียงร้องผ่านปากที่ปิดสนิทของวศินบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวดและทรมานได้เป็นอย่างดี
นาวินค่อยๆจับคีมปากแหลมขึ้นมาจากกล่องเครื่องมือ ดูเหมือนว่าห้องใต้ดินนี้จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับการทรมานชั้นดีเยี่ยมเลย ความโหดร้ายมันเพิ่งเริ่มต้น ต่อจากไปนี้ต่างหาก เล็บทั้งสิบนิ้วถูกดึงถอดออกมาทีละนิ้ว ทีละนิ้ว จนครบทั้งสิบนิ้ว เลือดไหลทั่วไปหมด “ปล่อยให้กูตายในห้องนี้โดยที่ขึ้นไปทำกับแฟนของกู ความเจ็บนี้ยังไม่พอหรอกเมื่อเทียบกับที่ความเจ็บที่กูเจอ อยากรู้ใช่ไหมว่ากูเจ็บตรงไหน” นาวินใช้มือควักไปที่ร่างเน่าๆตรงกลางอกแล้วล่วงเอาหัวใจออกมาให้วศินดู สภาพไม่น่าจะเรียกว่าหัวใจมันเป็นเหมือนก้อนเนื้อเน่าๆก้อนหนึ่งที่มีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยเต็มไปหมด รูกลางหน้าอกเปิดออกกว้าง ภายในก็ไม่ต่างจากกองขยะเปียกที่มีหนอนและแมลงสาบชอนไช “กูเจ็บใจที่คนที่กูเรียกว่าเพื่อนอย่างมาทำลายทั้งอนาคตและชีวิตของกู กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับญาดาอีก ถ้ายังไม่ฟังอย่าหาว่ากูไม่เตือน” กำปั้นขวาตรงเข้าที่หน้าจนวศินหน้าหัน แต่ก็คงไม่เจ็บเท่ากับมือและขาแล้วในตอนนี้
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ กูผิดไปแล้ว” เสียงในใจวศินอ้อนวอนอีกครั้ง เขาอยากรอดจากสถานการณ์นี้เต็มทน ถ้าต้องลงไปกราบแทบเท้าเข้าก็ยอม
“ไม่ได้ตั้งใจหรอ แล้วที่กูต้องตายจมกองเลือดคือความสุขของซิท่า” นาวินโมโหหยิบท่อนไม้ท่อนเดียวกันกับที่วศินเคยใช้ทำร้ายเขาขึ้นมา “ไม่ต้องทรมานทั้งคืนเหมือนกูหรอก แค่เจ็บอีกนิดเดียว ฮึ ฮึ..” ไม้หน้าสามฟาดเข้ากลางกะโหลกของวศินจนแหว่งเป็นเสี่ยงๆ เขาสิ้นลมหายใจลงทันที...
...................................................
เพล้ง! เสียงจานแตกดังบนพื้นบ้านชั้นหนึ่งอยู่ตรงเหนือหัวของวศิน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากสลบไปอยู่นานเขาพบว่าตนเองนั้นยังถูกมัดมือไขว้หลังอยู่เหมือนเดิม เหตุการณ์เมื่อซักครู่นี้อาจจะเป็นแค่ห่วงความฝันเท่านั้น แต่ความจริงยังไงก็คือความจริง เขาคือคนที่ทำลายชีวิตของนาวินและญาดา เก้าอี้ที่มีร่างศพของนาวินยังตั้งอยู่ที่เดิมหรือบางทีเหตุการณ์เมื่อครู่คงเป็นจิตอาฆาตที่นาวินอยากจะแก้แค้นเขา ซึ่งนาวินก็บรรลุความต้องการแล้ว เขาได้ตายโดยฝีมือของนาวิน
แต่จะมัวมาโอ้เอ้นั่งรอความตายมันก็กระไรอยู่ แสงแดดยามเย็นที่เคยส่องผ่านช่องลมได้จากไป ความมืดเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ภายในห้องมืดสนิทรูม่านตาพยายามที่จะปรับภาพการมองเห็นให้เห็นสิ่งต่างๆรอบห้องเหมือนเดิม ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นช่างเหมือนกันกับความฝัน เขาหวังว่าเหตุการณ์ที่พบเจอจะไม่เกิดขึ้นอีก ยังไงเขาก็ต้องรอดให้ได้ ช่วงวัยหนุ่มเขาอาจจะใจร้อนก็จริงแต่ตอนนี้ผ่านมายี่สิบกว่าปีเขามีครอบครัวที่ต้องดูแล มีลูกเมียให้ต้องปกป้องซึ่งสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้สิ่งแรกที่นึกถึงคือลูกและเมีย เสียงรื้อค้นของยังคงมีให้ได้ยินอยู่ไกลๆ แสดงว่าช่วงเวลาในความฝันกับช่วงเวลาในตอนนี้ห่างกันเล็กน้อย ‘แพน’ ภรรยาของเขาคงยังไม่กลับบ้านและยังคงปลอดภัย แต่ก็อดดีใจได้ไม่นานเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถ เสียงรื้อค้นเงียบลงทันที...
“กรี๊ดดดด!” เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตรงเข้าหาเสียงร้องอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างก็เงียบลง มันเป็นความเงียบที่เข้ามาทำลายโสตประสาทของวศินอย่างจัง ดวงตาเบิกกว้างเหงื่อเริ่มผุดไหลผสมกับเลือดลงมาเป็นสาย อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ..เสียงความคิดนี้ได้แต่วนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันไม่น่าจะเกิดเรื่องบ้าๆขึ้นกับครอบครัวของเขาเลย เหมือนเขารู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดแต่กลับเข้าไปแก้ไขไม่ได้ วศินพยายามขยับเก้าอี้ไปด้านหลังตรงเข้าไปหาเสากลางห้องหวังที่จะใช้ความคมของเสาทำให้เชือกขาดออก แต่สิ่งที่ได้ยินหลังจากความเงียบด้านบนคือเสียงของแพนพยายามจะหนีจากการถูกข่มขืนของโจรใจชั่ว มันเหมือนเหตุการณ์ที่เขาเคยทำไว้กับนาวินในอดีต ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้เองเหรอเนี่ยมันช่างเจ็บปวดที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยคนที่รักได้เลย หรือกรรมกำลังตามสนองเขาอยู่
น้ำใสๆไหลออกจากตาทั้งสองข้าง แต่ความพยายามที่อยากจะรอดยังคงไม่หายไป อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่แล้วความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น เมื่อถึงเสากลางห้องวศินรีบใช้มือคลำทางหาเหลี่ยมเสาแล้วรูดขึ้นรูดลง ใช้เวลาอยู่นานกว่าเชือกจะขาดออก สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากมือเป็นอิสระคือเช็ดคราบน้ำตาลูกผู้ชายออกไปเพื่อสลัดความกลัว แกะเทปปิดปากออกและก้มแก้เชือกที่มัดข้อเท้าเขาไว้ ตอนนี้ทั้งตัวเขาเป็นอิสระแล้วและพยายามมองหาอาวุธผ่านความมืดเพื่อใช้ป้องกันตัวเมื่อขึ้นไปด้านบน วศินไม่รู้ว่าโจรมันจะมากันกี่คน รอบคอบไว้ก่อนดีที่สุด หลังจากที่ควานหาท่อนไม้เจอเขาค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วงเวลาที่เหยียบลงบนบันไดที่ทำจากแผ่นไม้แทบจะกลั้นหายใจคอยลุ้นไม่ให้เกิดเสียงอะไรที่ไม่ต้องการขึ้นเพราะไม่อยากให้คนร้ายรู้ตัว
กริ๊ก..เสียงลูกบิดดังขึ้นเล็กน้อย วศินมองผ่านช่องประตูที่เขาแง้มไว้ดูลาดเลาก่อนที่จะออกจากห้องใต้ดินเมื่อเห็นว่าชั้นหนึ่งไม่มีใครอยู่ ‘พวกมันคงอยู่ที่ชั้นสอง’ เขาคิดในใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการโทรศัพท์ไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าเกิดเหตุขึ้นที่บ้าน เขาแอบเดินไปหยิบโทรศัพท์ของแพนที่ตกอยู่หน้าบ้านแล้วเดินกลับเข้ามาห้องใต้ดินตามเดิมเพื่อโทรแจ้งความ มีเสียงเดินเกิดขึ้นบนชั้นสองตามที่เขาคาดไว้ วศินเดินขึ้นชั้นสองอย่างระมัดระวังในมือกำท่อนไม้ไว้แน่น ทุกย่างก้าวขึ้นไปด้วยความเงียบเชียบ
“เฮ้ย! เสร็จแล้วกูว่าเราหาสมบัติในห้องนอนก่อนเลยแล้วกัน” เสียงชายคนหนึ่งพูด
“เออ..ก็ดีว่ะ แล้วอีนี่ล่ะ ทำไงกับมันดีว่ะไอ้เบิ้ม” เพื่อนโจรตอบกลับขณะแต่งตัวให้เสร็จ
“ก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ กูมัดมือมัดเท้าแล้วคงหนีไปไหนไม่ได้ อีกอย่างรับคำสั่งมาว่าไม่ให้ฆ่าใคร แค่จับผัวมันให้อยู่ในห้องใต้ดินแล้วเราก็รอข่มขืนอีนี่ แต่เงินทองกูว่าน่าจะเป็นของแถมติดไม้ติดมือจะได้ไม่เสียเที่ยว” ชายคนแรกพูด วศินได้ยินบทสนทนาที่ไอ้โจรชั่วพูด แสดงว่าต้องมีคนสั่งให้มันสองคนทำและคนๆนั้นจะต้องเป็นฝีมือของคนที่เขาและแพนรู้จักแน่ๆ ที่สามารถเข้านอกออกในได้อย่างสะดวก เพราะไม่มีใครรู้ว่าในบ้านมีห้องลับใต้ดิน จะว่าไปนอกจากเพื่อนที่สนิทกันจริงๆเท่านั้นที่จะรู้ แต่จะเป็นใครค่อยถามหลังจากจัดการมันสองคนนี้ให้ได้ก่อน โจรกระจอกไม่น่าจะพกปืนคงหยิบไม้แถวๆหน้าบ้านเข้ามาแอบทำร้าย อย่างนี้ก็ไม่ยากที่จะจัดการ อีกเดี๋ยวตำรวจก็คงใกล้จะมาถึงแล้ว
“เฮ้ย! เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ค่อยๆหาเงินทองไปแล้วกัน” ชายคนที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จบอกกับเพื่อนแล้วเดินออกมาจากห้องนอนแล้วไปเข้าห้องน้ำตรงสุดทางเดิน
‘จัดการไอ้นี่ก่อนละกัน’ วศินคิดในใจแล้วเดินไปตามทางเดินหลังจากโจรปิดประตูห้องน้ำแล้ว เขารอไม่ถึงนาทีประตูห้องน้ำก็เปิดออก ไม้หน้าสามที่เตรียมอยู่ในมือฟาดเข้าหัวอย่างแรง โจรสลบไป “เสียงอะไรว่ะ ไอ้น้อย” โจรอีกคนที่กำลังค้นของอยู่ในห้องตะโกนถามเพราะได้ยินเสียงดังมาจากห้องน้ำ “เบาๆหน่อยเว้ย เดี๋ยวข้างบ้านจะได้ยินเอา”
จัดการคนแรกได้แล้วต่อไปก็คนที่สอง ดีที่สมัยหนุ่มๆเขาก็เป็นอดีตหัวโจกของกลุ่มในคณะเลยก็ว่าได้ฝีไม้ลายมือยังพอตัวถึงแม้จะไม่ได้ใช้มานานหลังจากแต่งงานมีครอบครัวนิสัยใจร้อนก็เริ่มเบาลง ประกอบกับการทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้พ้นไปเป็นเดือนก็ลำบากอยู่แล้วคงไม่มีเวลาไปหาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้าน มีแต่จะหาทางทำให้ครอบครัวอยู่สบายเพราะต้องผ่อนบ้านหลังนี้เองตั้งแต่พ่อและแม่จากไป
“บ้านก็ออกจะหลังใหญ่ ทำไมของมีค่ามีน้อยจังว่ะ” คนชอบบ่นก็บ่นไปตามเรื่องแต่หารู้ไม่ว่าเจ้าของบ้านเขาได้หลุดออกมาแล้ว แกร๊ก.. วศินบังเอิญเดินไปเกี่ยวพวงกุญแจสำรองที่วางบนเคาน์เตอร์ตกลงพื้น ทำให้โจรอีกคนรู้ตัว “เฮ้ย! ขึ้นมาบนนี้ได้ไงว่ะ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook :
https://www.facebook.com/ShockTimeStory/
ย้อนรอย...ในห้องใต้ดิน EP. 2
ความเดิมจาก EP.1
“น้องแพนใจเย็นๆนะ เรายังไม่ได้ขับชนเขา และเขาอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้ ตั้งสติดีๆแล้วขับรถมาที่บ้านพี่ เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้กัน” วศินวางสายโทรศัพท์จากน้องแพน ลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย สิ่งที่เขานึกขึ้นได้หลังจากอาบน้ำแปรงฟันเสร็จแล้วก็คือ “ไอ้วินยังอยู่ในห้องใต้ดินนี่หว่า” เขารีบวิ่งลงไปดูยังห้องใต้ดิน นาวินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแต่สิ่งที่ผิดปกติไปคือคอมันพับตกมาอยู่ตรงหน้าอก วศินลองเอามือเขย่าร่างนาวินเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัว ร่างนั้นแน่นิ่งไม่มีการตอบสนองเขาจึงยื่นมือไปแตะใกล้กับรูจมูก “
...................................
ด้วยความคึกคะนองอยากได้ เห็นแก่ตัว ทำให้เพื่อนคนหนึ่งต้องตายความลับนี้จะต้องถูกปิดตายไปพร้อมกับห้องใต้ดินนี้ เขาจึงลากศพและเก้าอี้ไปตรงมุมห้องและขนของมาปิดพรางไว้ จนเวลาผ่านไปเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับนาวินค่อยๆเงียบไปและเขายังโชคดีที่ญาดาไม่ได้เอาเรื่องที่เขาข่มขืนเธอเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ เรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังนี้เงียบไปจนผ่านมายี่สิบห้าปีถือว่าพ้นกับความผิดที่ได้ทำแล้ว แต่เขาก็คิดผิดเมื่อความแค้นของนาวินกลับมาทวงคืนในห้องใต้ดินที่ถูกเปิดออกอีกครั้งโดยโจรขโมยของที่หมายจะเข้ามาเอาทรัพย์สินมีค่า แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นการทำให้เขาได้กลับมาพบกับนาวินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเขาเองที่ถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้...
“คงจำกูได้แล้วซินะ ไอ้วศิน จากนี้ไปขอกูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน ให้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับกูและญาดา” ร่างวิญญาณของนาวินจับเก้าอี้พร้อมตัววศินให้นั่งตามเดิม บททรมานได้เริ่มต้นขึ้น สำหรับความแค้นที่สะสมมายี่สิบห้าปี “มือคู่นี้ของคงทำชั่วกับคนอื่นไว้มากล่ะซิ งั้นอย่าเอาไว้เลยล่ะกัน” จู่ๆเชือกที่มัดมือทั้งสองข้างกลับหลุดออกอย่างง่ายดาย แต่แทนที่แขนของวศินจะขยับได้เป็นอิสระกลับตรงกันข้าม มือทั้งคู่เหมือนถูกดึงรั้งเอามาไว้ตรงหน้าตัก วางแนบสนิทไปกับหน้าขาทั้งสองข้าง “ดูๆไปแล้วถ้าไม่มีขาก็คงเดินไปทำร้ายใครไม่ได้ งั้นเสียทั้งมือและขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าไหม ไอ้วศิน” น้ำใสๆไหลออกจากตาวศินทั้งสองข้าง ปากสั่นคอสั่นด้วยความกลัว
“อย่าทำอะไรกูเลยนะ ไอ้วิน กูสำนึกผิดแล้ว” วศินพยายามอ้อนวอนในใจให้วิญญาณผู้ที่เคยเป็นเพื่อนเห็นใจเพราะปากยังถูกปิดสนิทด้วยเทปกาว
“ไม่ต้องกลัวๆ กูทรมานไม่นานหรอก” คำว่า ‘ไม่นาน’ ทำให้วศินใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม และประโยคที่ได้ยินตามมาก็ตรงอย่างที่เขาคิดจริงๆ “ทำไม่นานเดี๋ยวก็ตายแล้ว อย่ากลัวไปเลยเพื่อนรัก” เสียงหัวเราะน่ากลัวออกจากปากร่างของนาวินส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วทั้งห้อง ทันทีที่สิ้นเสียงหัวเราะเหล็กปลายแหลมสองแท่งก็ลอยมาปักเข้าตรงกลางมือแล้วทะลุลงไปปักคาไว้ที่หน้าขาด้วย
“อือ อือ...........” เสียงร้องผ่านปากที่ปิดสนิทของวศินบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวดและทรมานได้เป็นอย่างดี
นาวินค่อยๆจับคีมปากแหลมขึ้นมาจากกล่องเครื่องมือ ดูเหมือนว่าห้องใต้ดินนี้จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับการทรมานชั้นดีเยี่ยมเลย ความโหดร้ายมันเพิ่งเริ่มต้น ต่อจากไปนี้ต่างหาก เล็บทั้งสิบนิ้วถูกดึงถอดออกมาทีละนิ้ว ทีละนิ้ว จนครบทั้งสิบนิ้ว เลือดไหลทั่วไปหมด “ปล่อยให้กูตายในห้องนี้โดยที่ขึ้นไปทำกับแฟนของกู ความเจ็บนี้ยังไม่พอหรอกเมื่อเทียบกับที่ความเจ็บที่กูเจอ อยากรู้ใช่ไหมว่ากูเจ็บตรงไหน” นาวินใช้มือควักไปที่ร่างเน่าๆตรงกลางอกแล้วล่วงเอาหัวใจออกมาให้วศินดู สภาพไม่น่าจะเรียกว่าหัวใจมันเป็นเหมือนก้อนเนื้อเน่าๆก้อนหนึ่งที่มีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยเต็มไปหมด รูกลางหน้าอกเปิดออกกว้าง ภายในก็ไม่ต่างจากกองขยะเปียกที่มีหนอนและแมลงสาบชอนไช “กูเจ็บใจที่คนที่กูเรียกว่าเพื่อนอย่างมาทำลายทั้งอนาคตและชีวิตของกู กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับญาดาอีก ถ้ายังไม่ฟังอย่าหาว่ากูไม่เตือน” กำปั้นขวาตรงเข้าที่หน้าจนวศินหน้าหัน แต่ก็คงไม่เจ็บเท่ากับมือและขาแล้วในตอนนี้
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ กูผิดไปแล้ว” เสียงในใจวศินอ้อนวอนอีกครั้ง เขาอยากรอดจากสถานการณ์นี้เต็มทน ถ้าต้องลงไปกราบแทบเท้าเข้าก็ยอม
“ไม่ได้ตั้งใจหรอ แล้วที่กูต้องตายจมกองเลือดคือความสุขของซิท่า” นาวินโมโหหยิบท่อนไม้ท่อนเดียวกันกับที่วศินเคยใช้ทำร้ายเขาขึ้นมา “ไม่ต้องทรมานทั้งคืนเหมือนกูหรอก แค่เจ็บอีกนิดเดียว ฮึ ฮึ..” ไม้หน้าสามฟาดเข้ากลางกะโหลกของวศินจนแหว่งเป็นเสี่ยงๆ เขาสิ้นลมหายใจลงทันที...
...................................................
เพล้ง! เสียงจานแตกดังบนพื้นบ้านชั้นหนึ่งอยู่ตรงเหนือหัวของวศิน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากสลบไปอยู่นานเขาพบว่าตนเองนั้นยังถูกมัดมือไขว้หลังอยู่เหมือนเดิม เหตุการณ์เมื่อซักครู่นี้อาจจะเป็นแค่ห่วงความฝันเท่านั้น แต่ความจริงยังไงก็คือความจริง เขาคือคนที่ทำลายชีวิตของนาวินและญาดา เก้าอี้ที่มีร่างศพของนาวินยังตั้งอยู่ที่เดิมหรือบางทีเหตุการณ์เมื่อครู่คงเป็นจิตอาฆาตที่นาวินอยากจะแก้แค้นเขา ซึ่งนาวินก็บรรลุความต้องการแล้ว เขาได้ตายโดยฝีมือของนาวิน
แต่จะมัวมาโอ้เอ้นั่งรอความตายมันก็กระไรอยู่ แสงแดดยามเย็นที่เคยส่องผ่านช่องลมได้จากไป ความมืดเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ภายในห้องมืดสนิทรูม่านตาพยายามที่จะปรับภาพการมองเห็นให้เห็นสิ่งต่างๆรอบห้องเหมือนเดิม ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นช่างเหมือนกันกับความฝัน เขาหวังว่าเหตุการณ์ที่พบเจอจะไม่เกิดขึ้นอีก ยังไงเขาก็ต้องรอดให้ได้ ช่วงวัยหนุ่มเขาอาจจะใจร้อนก็จริงแต่ตอนนี้ผ่านมายี่สิบกว่าปีเขามีครอบครัวที่ต้องดูแล มีลูกเมียให้ต้องปกป้องซึ่งสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้สิ่งแรกที่นึกถึงคือลูกและเมีย เสียงรื้อค้นของยังคงมีให้ได้ยินอยู่ไกลๆ แสดงว่าช่วงเวลาในความฝันกับช่วงเวลาในตอนนี้ห่างกันเล็กน้อย ‘แพน’ ภรรยาของเขาคงยังไม่กลับบ้านและยังคงปลอดภัย แต่ก็อดดีใจได้ไม่นานเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถ เสียงรื้อค้นเงียบลงทันที...
“กรี๊ดดดด!” เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตรงเข้าหาเสียงร้องอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างก็เงียบลง มันเป็นความเงียบที่เข้ามาทำลายโสตประสาทของวศินอย่างจัง ดวงตาเบิกกว้างเหงื่อเริ่มผุดไหลผสมกับเลือดลงมาเป็นสาย อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ..เสียงความคิดนี้ได้แต่วนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันไม่น่าจะเกิดเรื่องบ้าๆขึ้นกับครอบครัวของเขาเลย เหมือนเขารู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดแต่กลับเข้าไปแก้ไขไม่ได้ วศินพยายามขยับเก้าอี้ไปด้านหลังตรงเข้าไปหาเสากลางห้องหวังที่จะใช้ความคมของเสาทำให้เชือกขาดออก แต่สิ่งที่ได้ยินหลังจากความเงียบด้านบนคือเสียงของแพนพยายามจะหนีจากการถูกข่มขืนของโจรใจชั่ว มันเหมือนเหตุการณ์ที่เขาเคยทำไว้กับนาวินในอดีต ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้เองเหรอเนี่ยมันช่างเจ็บปวดที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยคนที่รักได้เลย หรือกรรมกำลังตามสนองเขาอยู่
น้ำใสๆไหลออกจากตาทั้งสองข้าง แต่ความพยายามที่อยากจะรอดยังคงไม่หายไป อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่แล้วความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น เมื่อถึงเสากลางห้องวศินรีบใช้มือคลำทางหาเหลี่ยมเสาแล้วรูดขึ้นรูดลง ใช้เวลาอยู่นานกว่าเชือกจะขาดออก สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากมือเป็นอิสระคือเช็ดคราบน้ำตาลูกผู้ชายออกไปเพื่อสลัดความกลัว แกะเทปปิดปากออกและก้มแก้เชือกที่มัดข้อเท้าเขาไว้ ตอนนี้ทั้งตัวเขาเป็นอิสระแล้วและพยายามมองหาอาวุธผ่านความมืดเพื่อใช้ป้องกันตัวเมื่อขึ้นไปด้านบน วศินไม่รู้ว่าโจรมันจะมากันกี่คน รอบคอบไว้ก่อนดีที่สุด หลังจากที่ควานหาท่อนไม้เจอเขาค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วงเวลาที่เหยียบลงบนบันไดที่ทำจากแผ่นไม้แทบจะกลั้นหายใจคอยลุ้นไม่ให้เกิดเสียงอะไรที่ไม่ต้องการขึ้นเพราะไม่อยากให้คนร้ายรู้ตัว
กริ๊ก..เสียงลูกบิดดังขึ้นเล็กน้อย วศินมองผ่านช่องประตูที่เขาแง้มไว้ดูลาดเลาก่อนที่จะออกจากห้องใต้ดินเมื่อเห็นว่าชั้นหนึ่งไม่มีใครอยู่ ‘พวกมันคงอยู่ที่ชั้นสอง’ เขาคิดในใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการโทรศัพท์ไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าเกิดเหตุขึ้นที่บ้าน เขาแอบเดินไปหยิบโทรศัพท์ของแพนที่ตกอยู่หน้าบ้านแล้วเดินกลับเข้ามาห้องใต้ดินตามเดิมเพื่อโทรแจ้งความ มีเสียงเดินเกิดขึ้นบนชั้นสองตามที่เขาคาดไว้ วศินเดินขึ้นชั้นสองอย่างระมัดระวังในมือกำท่อนไม้ไว้แน่น ทุกย่างก้าวขึ้นไปด้วยความเงียบเชียบ
“เฮ้ย! เสร็จแล้วกูว่าเราหาสมบัติในห้องนอนก่อนเลยแล้วกัน” เสียงชายคนหนึ่งพูด
“เออ..ก็ดีว่ะ แล้วอีนี่ล่ะ ทำไงกับมันดีว่ะไอ้เบิ้ม” เพื่อนโจรตอบกลับขณะแต่งตัวให้เสร็จ
“ก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ กูมัดมือมัดเท้าแล้วคงหนีไปไหนไม่ได้ อีกอย่างรับคำสั่งมาว่าไม่ให้ฆ่าใคร แค่จับผัวมันให้อยู่ในห้องใต้ดินแล้วเราก็รอข่มขืนอีนี่ แต่เงินทองกูว่าน่าจะเป็นของแถมติดไม้ติดมือจะได้ไม่เสียเที่ยว” ชายคนแรกพูด วศินได้ยินบทสนทนาที่ไอ้โจรชั่วพูด แสดงว่าต้องมีคนสั่งให้มันสองคนทำและคนๆนั้นจะต้องเป็นฝีมือของคนที่เขาและแพนรู้จักแน่ๆ ที่สามารถเข้านอกออกในได้อย่างสะดวก เพราะไม่มีใครรู้ว่าในบ้านมีห้องลับใต้ดิน จะว่าไปนอกจากเพื่อนที่สนิทกันจริงๆเท่านั้นที่จะรู้ แต่จะเป็นใครค่อยถามหลังจากจัดการมันสองคนนี้ให้ได้ก่อน โจรกระจอกไม่น่าจะพกปืนคงหยิบไม้แถวๆหน้าบ้านเข้ามาแอบทำร้าย อย่างนี้ก็ไม่ยากที่จะจัดการ อีกเดี๋ยวตำรวจก็คงใกล้จะมาถึงแล้ว
“เฮ้ย! เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ค่อยๆหาเงินทองไปแล้วกัน” ชายคนที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จบอกกับเพื่อนแล้วเดินออกมาจากห้องนอนแล้วไปเข้าห้องน้ำตรงสุดทางเดิน
‘จัดการไอ้นี่ก่อนละกัน’ วศินคิดในใจแล้วเดินไปตามทางเดินหลังจากโจรปิดประตูห้องน้ำแล้ว เขารอไม่ถึงนาทีประตูห้องน้ำก็เปิดออก ไม้หน้าสามที่เตรียมอยู่ในมือฟาดเข้าหัวอย่างแรง โจรสลบไป “เสียงอะไรว่ะ ไอ้น้อย” โจรอีกคนที่กำลังค้นของอยู่ในห้องตะโกนถามเพราะได้ยินเสียงดังมาจากห้องน้ำ “เบาๆหน่อยเว้ย เดี๋ยวข้างบ้านจะได้ยินเอา”
จัดการคนแรกได้แล้วต่อไปก็คนที่สอง ดีที่สมัยหนุ่มๆเขาก็เป็นอดีตหัวโจกของกลุ่มในคณะเลยก็ว่าได้ฝีไม้ลายมือยังพอตัวถึงแม้จะไม่ได้ใช้มานานหลังจากแต่งงานมีครอบครัวนิสัยใจร้อนก็เริ่มเบาลง ประกอบกับการทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้พ้นไปเป็นเดือนก็ลำบากอยู่แล้วคงไม่มีเวลาไปหาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้าน มีแต่จะหาทางทำให้ครอบครัวอยู่สบายเพราะต้องผ่อนบ้านหลังนี้เองตั้งแต่พ่อและแม่จากไป
“บ้านก็ออกจะหลังใหญ่ ทำไมของมีค่ามีน้อยจังว่ะ” คนชอบบ่นก็บ่นไปตามเรื่องแต่หารู้ไม่ว่าเจ้าของบ้านเขาได้หลุดออกมาแล้ว แกร๊ก.. วศินบังเอิญเดินไปเกี่ยวพวงกุญแจสำรองที่วางบนเคาน์เตอร์ตกลงพื้น ทำให้โจรอีกคนรู้ตัว “เฮ้ย! ขึ้นมาบนนี้ได้ไงว่ะ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook : https://www.facebook.com/ShockTimeStory/