วิโมกข์ที่ ๑ : ผู้ได้รูปฌานย่อมเห็นรูป นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๑

กระทู้สนทนา
ผู้ที่ได้ฌานนั้น ฌานที่ 2 จะทำให้นามกายเข้าไปสงบระงับได้ เพราะอารมณ์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กายดับไป  เมื่อไม่มีอารมณ์วิญญานจึงตั้งอยู่ไม่ได้
จะเข้าไปสงบระงับที่ใจ เมื่อออกจากฌาน ผู้ที่ได้ตั้งแต่ฌาน 2 ขึ้นไปเมื่ออยู่นิ่ง ๆ ไม่รับรู้อารมณ์ก็จะมีความรู้สึกว่า วิญญาน/เวทนาจะเข้าไปสงบระงับของมันเอง เราจะเรียกว่าวิญญานหรือเวทนาก็ได้ เพราะธรรมใด ๆ ย่อมประชุมลงในเวทนา และกลายเป็นนามกาย ถ้าทำฌานไปถึงฌานที่สาม เราจะรู้สึกว่า นามกายกับร่างกายจะแยกออกจากกันชัดเจน เหมือนมีความรู้สึกว่า มีตัวเรา 2 ร่างตอนนั่งสมาธิ ที่เป็นเหตุนี้เพราะว่า วิญญานมันหาที่ตั้งในร่างกายเราไม่ได้แล้วนั่นเอง นามกายมันจะตั้งอยู่บน เวทนาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะฉะนั้น ฌานที่สามท่านจึงกล่าวว่า เสวยสุขอยู่ด้วยนามกาย

เมื่อเราไปทำวิปัสสนา ใช้โยนิโสมนสิการในการกืน ดื่ม มีสติในอริยาบท เวลา เราเกิดความอยากหรือตัณหามาก ๆ เราจะเห็นนามกายเคลื่อนไหวออกจากตัวเราไปด้วยความอยาก เช่น เวลาทานอาหาร หรือเวลาคิดอยากอะไรมาก ๆ จะเห็นนามกายมันเคลื่อนออกไปจะเข้าไปยึดถือมโนสังขารด้วยอำนาจของตัณหา ถ้าสมมุติว่า เรากำหนดรู้ทุกข์ เห็นเหตุให้เกิดทุกข์และจิตละตัณหาได้แล้ว

นามกายนี้จะค่อยสลายไปช้า ๆ ในอากาศธาตุ ดับทวนกระแสปฏิจจสมุปบาทไป แล้วจึงเกิดปฏิจจสมุปบาทมาอีกครั้ง ตามธรรมที่เหลือที่ยังละไม่ได้

แต่จะเห็นว่า นามกายถูกตัด. ดับไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ ถ้าอยู่นิ่ง ๆ หรือตื่นนอนก็จะสามารถมองเห็นด้วยตาของจิตได้

การที่เห็นว่านามกายดับไปเท่าไหร่นี่แหละ คือ กายสักขี มีนามกายเป็นพยานยืนยันในการบรรลุธรรมของตน

เพราะผู้บรรลุธรรมเมื่อธรรมกำเริบอาจจะมีข้อสงสัยว่า ตนได้บรรลุธรรมจริงหรือไม่ เมื่อเห็นนามกายของตนที่ถูกตัดขาดไปแล้ว จึงเกิดความแน่ใจขึ้นมาอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่