คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
-แต่มันจะมีกลุ่มคนที่มองๆ แล้วก็ผ่านไป
เขาเดินผ่านเพราะยังไม่ได้ชิมลองใส่แก้วพลาสติคเล็กแล้วชวนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาชิมดู
- ปัญหาถัดมาคือ เรารู้สึกว่า เราได้กำไรน้อยมาก
ที่มีปัญหาตรงนี้เพราะคนเข้าร้านยังน้อยอยู่ ถ้ามีลูกค้าขาประจําและขาจรมากขึ้นปัญหาตรงนี้น่าจะลดลง
-เราคิดถูกไหม ที่คิดใช้วัตถุดิบที่ต้นทุนสูง
ถ้ามีความตั้งใจทําของดี อันนี้เห็นด้วยครับ แต่ต้องคาดการณ์กําไรขาดทุนให้ดีระหว่างที่รอลูกค้าขาประจําและขาจรอยู่ตัว
-อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ที่พ่วงจากข้อด้านบน
ลองดูว่าปัญหาแมวมันกระทบคนที่จะเข้าร้านมากมั้ย ถ้ามากก็ต้องย้ายร้าน แต่ถ้าไม่มากก็ลองหาแผงหรือสกรีนมากั้นแล้วก็คาดการณ์กําไรขาดทุนให้ดี
-พอไปขายที่อื่น มันจะมีค่าที่เป็นต้นทุนเพิ่มเข้ามา
ดูปัญหาเรื่องแมวว่ากระทบคนเข้าร้านมากน้อยแค่ไหน พร้อมกับดูร้านที่ขายอยู่ปัจจุบันว่ายังเรียกคนเข้าร้านเพิ่มได้มั้ย ระหว่างนี้ก็คาดการณ์ดูว่าคนจะเข้าร้านมาที่จํานวนนี้แล้วนะแล้วจะไม่เพิ่มละ แล้วก็วางแผนว่าจะเอายังไงต่อ
-เราเป็นคนใจอ่อน บางครั้งก็คิดว่า
ลองเปลี่ยนจากคนใจอ่อนมาเป็นคนมีนํ้าใจแทน เป็นแม่ค้าต้องเข้มแข็งหนักแน่นเพราะแม่ค้าจะต้องเจอคนมากหน้าหลายตา
-เราเครียดมากเลยค่ะ
มองแล้วแก้ปัญหาไปทีละ ทีละเปราะครับ
เขาเดินผ่านเพราะยังไม่ได้ชิมลองใส่แก้วพลาสติคเล็กแล้วชวนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาชิมดู
- ปัญหาถัดมาคือ เรารู้สึกว่า เราได้กำไรน้อยมาก
ที่มีปัญหาตรงนี้เพราะคนเข้าร้านยังน้อยอยู่ ถ้ามีลูกค้าขาประจําและขาจรมากขึ้นปัญหาตรงนี้น่าจะลดลง
-เราคิดถูกไหม ที่คิดใช้วัตถุดิบที่ต้นทุนสูง
ถ้ามีความตั้งใจทําของดี อันนี้เห็นด้วยครับ แต่ต้องคาดการณ์กําไรขาดทุนให้ดีระหว่างที่รอลูกค้าขาประจําและขาจรอยู่ตัว
-อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ที่พ่วงจากข้อด้านบน
ลองดูว่าปัญหาแมวมันกระทบคนที่จะเข้าร้านมากมั้ย ถ้ามากก็ต้องย้ายร้าน แต่ถ้าไม่มากก็ลองหาแผงหรือสกรีนมากั้นแล้วก็คาดการณ์กําไรขาดทุนให้ดี
-พอไปขายที่อื่น มันจะมีค่าที่เป็นต้นทุนเพิ่มเข้ามา
ดูปัญหาเรื่องแมวว่ากระทบคนเข้าร้านมากน้อยแค่ไหน พร้อมกับดูร้านที่ขายอยู่ปัจจุบันว่ายังเรียกคนเข้าร้านเพิ่มได้มั้ย ระหว่างนี้ก็คาดการณ์ดูว่าคนจะเข้าร้านมาที่จํานวนนี้แล้วนะแล้วจะไม่เพิ่มละ แล้วก็วางแผนว่าจะเอายังไงต่อ
-เราเป็นคนใจอ่อน บางครั้งก็คิดว่า
ลองเปลี่ยนจากคนใจอ่อนมาเป็นคนมีนํ้าใจแทน เป็นแม่ค้าต้องเข้มแข็งหนักแน่นเพราะแม่ค้าจะต้องเจอคนมากหน้าหลายตา
-เราเครียดมากเลยค่ะ
มองแล้วแก้ปัญหาไปทีละ ทีละเปราะครับ
แสดงความคิดเห็น
ปรึกษาค่ะ แม่ค้าขายเมนูนมสด มือใหม่ หน้ามึน สร้างปัญหาขึ้นมา จากความไร้ประสบการณ์ของตัวเอง ช่วยทีค่ะ
....
สำหรับเมนูนมสด
เราคัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างอย่างดี
เริ่มจากนมสด เราซื้อทุกยี่ห้อในตลาดมานั่งกิน
ทดลองทำ และเปรียบเทียบสูตร
และค้นหายี่ห้อที่ดีที่สุดอร่อยเข้มข้นกลมกล่อมสุด
เอามาเป็นนมสดหลักของเรา ต้นทุนสูงกว่าหน่อย ไม่เป็นไร
ส่วนประกอบอื่นๆ ค้นหาอย่างดี เอาที่อร่อยจริงๆ
และเข้ากับวัตถุดิบอื่นได้อย่างดี
เพราะบางที ตัวมันอร่อย
แต่พอรวมกันคนอื่น คือไม่ได้เลย
เราก็ทดลองเก็บข้อมูล จนได้ ชุดวัตถุดิบ
ที่ลงตัวสุดมาสำหรับเมนูนมสดของเรา
....
ช็อคโกแลต เราใส่เข้มข้นสุด เท่าที่เราจะอัดได้
เราถือว่าเราขายหน้าบ้านตัวเอง ลดต้นทุนค่าเช่าที่ได้
มาเป็นกำไรให้ลูกค้า ช็อคโกแลตที่ดี มันต้องเข้มข้นจัดๆ
กินแล้วถึงใจ เราก็ใส่เต็มที่เหมือนทำให้ตัวเองกิน
....
ปัญหาคือ... เราขายมาประมาณ 1 เดือน
ลูกค้าที่มาซื้อคือกลุ่มเดิมที่มาซื้อช่วง 1 -2 อาทิตย์แรก
เรียกได้ว่าขาประจำเพราะตั้งแต่ซื้อไปแก้วแรก ก็ซื้อทุกวันเลย
อันนี้เราโอเค....
แต่มันจะมีกลุ่มคนที่มองๆ แล้วก็ผ่านไป
คือส่วนนึง เรารู้สึก เหมือนไม่ได้รับโอกาส
เราค่อนข้างเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ
แต่เหมือนกลุ่มเป้าหมายจะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควรเลยค่ะ
เราควรทำยังไง กลยุทธ์แบบไหนดีค่ะ
ที่จะเป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่ามีเราอยู่ตรงนี้
....
ปัญหาถัดมาคือ เรารู้สึกว่า เราได้กำไรน้อยมาก
จากการสำรวจตลาด ก็ต้องยอมรับตรงๆว่า
ในระหว่างที่เราทดลองหาวัตถุดิบ เราสืบมาเยอะมาก
ว่าร้านอื่นๆ ร้านต่างๆ ไม่ว่าจะราคาชาวบ้าน หรือ ราคามหาแพง
ที่เราใช้การสังเกตสังกา ส่วนใหญ่เรารู้วัตถุดิบของเขา
และก็พบว่าต้นทุนเราสูงกว่าเค้าอยู่
แต่ด้วยความที่เราไม่อยากจะขายแพงมาก
คิดเอาว่าขายราคาเท่าๆกับเขาก็ยังพอมีกำไรบ้าง
ด้วยใจคิดว่า เออ เราทำอร่อยเข้มข้นนะ
เราเน้นปริมาณลูกค้าเอาก็ได้ ....
แต่กลายเป็นว่า เราขายได้น้อยกว่าที่คิด
จนเราจะจุนเจือตัวเองไม่ไหวแล้ว.....
....
เราคิดถูกไหม ที่คิดใช้วัตถุดิบที่ต้นทุนสูง
เพื่อให้ลูกค้าได้กินของอร่อยๆ ในราคาที่เข้าถึงง่าย.....
ต้นทุนสูง ราคาขายกลางๆ ได้กำไรต่ำ เพื่อใจแลกใจกับลูกค้า
และต้องรับกับความเสี่ยงที่ หากเราขายได้แค่วันละ 10 แก้ว
นั่นคือ เราได้ค่าข้าวมื้อเดียว......
เรากลัวโลกความจริงจะทำลายอุดมคติเราจนหมดสิ้น
เราควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ เราคิดถูกไหม
....
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ที่พ่วงจากข้อด้านบน
คือเราจำเป็นต้องย้ายร้าน
เพราะหน้าบ้านเรา มีปัญหาเรื่อง "แมวที่ย่าเลี้ยง"
คือแกชอบเลี้ยงแมวจรมากๆ จนแมวจรก็มาเป็นแมวบ้านเรา
เราพยายามทำความสะอาดบริเวณหน้าร้าน
ดูแลเรื่องกลิ่นและพวกแมว ไม่ให้มาบริเวณหน้าบ้าน...
แต่ก็เหมือนจะยังไม่พอ
เราคิดไว้ว่าสาเหตุนึง ที่ลูกค้าเดินผ่านไป ก็คงจะเรื่องนี้ด้วย
เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องย้ายไปขายที่อื่น
เพราะเราย้ายแมวไม่ได้
....
พอไปขายที่อื่น มันจะมีค่าที่เป็นต้นทุนเพิ่มเข้ามา....
เราเกรงว่า กำไรเราเป็นศูนย์แน่ ถ้าไม่เพิ่มราคา...
แต่เราก็กลัวว่า ถ้าเพิ่มราคา มันจะสูงเกินไปจนทำให้ขายยากไปอีก
ใจนึงเคยมีคนพูดว่า อย่าเอาของดีมาขายถูก เพราะบางที
ก็จะถูกเหมาว่ามันคือของถูก... คำนี้มันจริงไหม
เรากลัวเหลือเกินจริงๆ
....
เราเป็นคนใจอ่อน บางครั้งก็คิดว่า
เราใจอ่อนเกินกว่าจะมาเป็นแม่ค้าไหม??
ลูกค้าบอกขอเพิ่มนั่นหน่อย ขอเพิ่มนี่หน่อย...
เราไม่ได้บวกราคามาเผื่อ แต่เราก็ปฏิเสธลูกค้าไม่เป็น
ผลสรุป แก้วนั้น กำไรเหลือ ไม่ถึง 6 บาท...
....
เราเครียดมากเลยค่ะ ช่วยแนะแนวทางให้เราที่
เราอยากเป็นแม่ค้า เพราะเรารู้สึกดี มีความสุข
เวลาลูกค้ากินแล้วยิ้มแย้ม ถือแก้วเราแล้วยิ้มให้
ชมว่าอร่อย และกลับมาซื้อใหม่อีกครั้ง
....
เราอยากสู้ต่อ แต่เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ยังไงช่วยหน่อยนะคะ
ได้โปรด....
....