ห้องปฏิบัติการตามล่าขุมทรัพย์
ดนุได้ดัดแปลงโรงเก็บของหลังร้านอาหารเป็นห้องทำงานตามล่าขุมทรัพย์ของพวกเขานับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาได้เริ่มงานจวบจนถึงวันนี้ครบหนึ่งเดือนพอดีการดำเนินงานด้านต่างๆคืบหน้าด้วยดีจนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีอุปสรรคเลยก็ได้ปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยทำให้เป็นเช่นนี้ได้ก็คือสถาณะภาพเป็นโสดที่พวกเขาทั้งสามคนมีเหมือนกันเพราะเมื่อแต่ละคนมีเวลาว่างจากงานประจำต่างก็ทุ่มเทให้กับงานในหน้าที่ของตนอย่างหามรุ่งหามค่ำ
ภายในห้องปฏิบัติการณ์ตามล่าขุมทรัพย์ ณ เวลานี้มีถูกอัดแน่นไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องคอมพิวเตอร์กองหนังสือตำหรับตำราเอกสารต่างๆมากมายแผ่นที่ถูกติดไว้ทุกด้านของฝาผนังทำให้บรรยากาศดูเข้มขังละม้ายคล้ายกับหนังฝรั่งบางเรื่องที่มีเนื้อหาในแนวเดียวกันนี้หากจะแตกต่างกันบ้างก็เห็นจะมีเพียงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการณ์นี้เป็นเรื่องจริงมิใช้ถูกเขียนแต่งขึ้นดังเช่นในภาพยนตร์
“นุเราพร้อมจะไปสำรวจเส้นทางเดินทัพเอได้เมื่อไร” วิชัยถามขณะจ้องจอดูคอมพิวเตอร์
“ต้องรอข้อมูลจากไพโรจน์อีกนิดหน่อยฉันอยากมั่นใจมากกว่านี้” ดนุตอบพร้อมกับเดินมาหาวิชัยที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาพูดต่อ “เราต้องใช้เงินอย่างละมัดระวังเงินทุนที่ลงขันกันไว้ผ่านมาเดือนเดียวเราใช้ไปเกินกว่าครึ่งมีเรื่องที่จะต้องใช้เงินอีกเยอะ” พูดจบเขาถอนหายใจ
“แล้วไพโรจน์จะเข้ามาเมื่อไร” วิชัยถามขณะที่ไพโรจน์เปิดประตูห้องเข้ามาพอดีพร้อมกับหอบหิ้วถุงและกล่องกระดาษมาอย่างพะรุงพะรัง
“ตายยากจริงโว้ยพูดถึงก็โผล่มาเลย” วิชัยกล่าวทัก
“มีภาพลับสุดยอดจริงๆโอ๊ยหนักจริงๆ” ไพโรจน์พูดพร้อมกับหอบไปด้วยเขาวางกล่องกระดาษลงบนโต๊ะแล้วยื่นถุงพลาสติกให้วิชัย “ตีสี่กว่าแล้วพี่กินก่อนเลยโจ๊กเจ้าเดิมผมเรียบร้อยมาแล้ว” พูดจบเขาเดินไปที่ผนังด้านหนึ่งดึงจอฉายสไลด์ “ภาพสดๆร้อนๆจากคุณหมอนักขุดกรุที่พี่วิชัยนัดแนะให้ผมไปพบ ได้มาก็รีบเผ่นมาเลยไพโรจน์รายงานเสียงตื่นเต้นพร้อมกับจัดเตรียมเครื่องฉายสไลด์” วิชัยเทโจ๊กจากถุงไส่ชามพูดว่า “เป็นหมออยู่ดีๆไม่ชอบดันโลภชอบไปลักขโมยขุดกรุ”
ไพโรจน์พูดเสริมต่อ “แต่กรรมก็ตามทันนะพี่ ญาติของแกแอบเล่าให้ผมฟังว่าหลังจากที่แกถูกโจรที่มาปล้นตีหัวชิงพระที่แกขุดกรุมาได้แกก็เริ่มเพี้ยนบางครั้งแกก็พูดอะไรไม่รู้เรื่องคนไข้หนีหมด”
ดนุเดินถือชามโจ๊กมานั่งข้างเครื่องฉายสไลด์ถามติดตลก “กลายเป็นหมอผีไปเลยรึไง”
“เป็นหมอเพี้ยนมากกว่าที่ผมล่อหลอกเอาฟีมสไลด์มาได้แต่แกก็อยู่ในอาการไม่เต็มร้อย” ไพโรจน์อมยิ้มตอบแบบขำๆพร้อมหยิบฟีมสไลด์ไสลงเครื่องฉาย วิชัยพูดหยอกไพโรจน์
“นายนี้แน่จริงๆไม่ใช้แค่จีบหญิงเก่งเท่านั้นหลอกคนบ้าก็ได้นี่หว่า”
ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ไพโรจน์พูดเข้าเรื่อง “เห็นภาพเหล่านี้แล้วพี่จะมั่นใจขึ้นไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนไม่ว่าในประเทศไทยเหลือที่ไหนในโลก”
หมดเวลาโฆษณาฉายได้เลย ดนุพูดแทรกขึ้น
พร้อมแล้ครับไพโรจน์พูดตอบ วิชัยเดินไปปิดไฟทั้งห้องมืดลงทันทีมีแต่แสงพราพรายจากจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ไพโรจน์กดสวิทย์เปิดเครื่องฉายสไลด์ฉายภาพแรก ลำแสงพุ่งไปกระทบจอฉายทันใดนั้นจอชายได้หดม้วนกลับไปทันที ทั้งสามคนอุทานขึ้นพร้อมกัน ดนุเดินไปดึงจอฉายลงมาเหมือนเดิม
“งบน้อยต้องทำใจ” เขาพูดติดตลก
ไพโรจน์ฉายภาพซ้ำอีกครั้งฉับพลันจอภาพได้หดม้วนกลับทันทีเหมือนครั้งแรก
“เออเอากันเข้าไปเดียวก็เช้ากันพอดี” วิชัยพูดออกรำคาญ ไพโรจน์ทำสีหน้าฉงนถามเสียงสั่น
“พี่นุต้องจุดธูปบอกเจ้าที่ก่อนรึป่าว”
“ไม่มีอะไรลองอีกครั้ง” ดนุตอบเสียงปกติแต่สีหน้าของเขาเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ
การฉายครั้งที่สามทุกอย่างเป็นปกติ สไลด์ภาพแรกเป็นภาพคนโทน้ำทองคำจังหวะที่สไลด์ภาพที่สองถูกฉายไปบนจอดนุถามไพโรจน์ “ภาพนี้คืออะไร”
“อีตาหมอนั้นบอกว่าเป็นเสื้อคลุมทองคำแกขุดได้ที่กรุในเจดีย์วัดหนึ่งที่อยุธยา”
วิชัยซักต่อ “แกขุดได้เมื่อไรวะ”
“แกว่าถ้าจำไม่ผิด พ.ศ.สองพันห้าร้อย” ไพโรจน์ตอบ
ดนุพูดให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “คงจะเป็นช่วงเวลานั้นแน่นอนในช่วงเวลานั้นอย่างที่เรารู้กันว่าปีนั้นทางราชการได้ให้มีการขุดค้นกรุวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะหลังจากที่พวกหัวขโมยได้ลักลอบขุดไปก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังพบทรัพย์สมบัติทำด้วยทองคำและอัญมณีหลงเหลืออีกเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่จูงใจให้คนร้ายแอบไปลักลอบขุดกรุตามวัดตามเจดีย์โบราณอื่นๆเกิดขึ้นตามมามากมาย”
วิชัยบ่นพรึมพรำ “ไอ้ตาหมอเพี้ยนนี้มีโชคไม่เบาเลยนะเนี่ย”
ไพโรจน์กดสวิทย์เครื่องฉายสไลด์ไปตามลำดับทุกคนจ้องมองอย่างสนใจ สไลด์ภาพที่สามเป็นภาพพานทองคำ ภาพที่สี่เป็นภาพม่านทองคำขณะที่ทุกคนดูภาพบนจออยู่นั้นไพโรจน์ได้เหลือบไปดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังเหนือประตูทางเข้าห้องปฏิบัติการณ์ ประตูครึ่งบนเป็นเป็นกระจกฝ้า เขาเห็นเงาคนยืนอยู่ด้านนอกดูจากลักษณะรูปร่างเป็นชายสูงใหญ่ไส่หมวกมียอดแหลม เขานึกได้ทันทีจากประสบการณ์ทำงานด้านโบราณคดีว่าเหมือนหมวกของแม่ทัพนายกองของทหารไทยสมัยโบราณเขามองดูอย่างฉงน
“ภาพต่อไป” เสียงดนุสั่งแต่ภาพสไลด์บนจอยังคงเป็นภาพเดิม “ภาพต่อไป” ดนุสั่งซ้ำเสียงดังขึ้น ไพโรจน์สะดุ้งเล็กน้อยหันกลับมาฉายภาพสไลด์ต่อไปเป็นภาพมงกุฎทองคำและเมื่อหันกับไปมองที่ประตูอีกครั้งเงานั้นได้หายไปแล้วเขารู้สึกแปลกใจ เอยปากถามดนุด้วยความสงสัย
“พี่นุพ่อครัวพี่มาแล้วหรอ”
“เฮ้ยหิวอีกแล้วเหรอมาแปดโมงนู้น”
“ไม่หิวหรอกพี่”
“งั้นภาพต่อไปเลยน้อง” ดนุสั่งน้ำสียงอยากรู้อยากเห็น
“หมดแล้วครับ”
“อ้าว...ไม่ให้กินเลิกฉายเลยรึงัย” วิชัยแซว
“มีแค่ห้าภาพเท่านั้นพี่” พูดจบไพโรจน์เดินไปเปิดไฟทั้งห้องสว่างขึ้น ภาพเงาที่ปรากฏยังคาใจอยู่เขาเดินไปเปิดประตูโผล่หน้าออกไปดูแต่ก็ไม่พบเห็นใคร ดนุมองตามถามด้วยความสงสัย “นายไปดูอะไร”
“ผมเห็นเงาคนยืนอยู่หน้าประตูว่าจะเรียกให้พี่ดูด้วยหันมาอีกครั้งหายไปเฉยเลย ผมนึกว่าเป็นพ่อครัวของพี่”
“หิวจนตาฝาดเหลือไง” วิชัยไม่เชื่อ
“โธ่ผมเห็นจริงๆพี่” ไพโรจน์ยืนกราน ดนุฟังแล้วนิ่งเงียบเดินไปที่เครื่องฉายสไลด์หยิบฟิล์มสไลด์ขึ้นมาส่องดูกับไฟเพดาน “แกเคยเห็นภาพสมบัติเหล่านี้ที่ไหนมาก่อนรึป่าว” เขาหันไปถามวิชัย วิชัยรับฟิล์มสไลด์มาส่องดุ “คิดว่าไม่เคย”
ดนุหันไปถามไพโรจน์ “เชื่อตาหมอนั้นได้แค่ไหน”
“แกเล่าให้ฟังว่าขุดเจอเห็นเป็นของมีค่ามากจึงถ่ายรูปไว้ให้ลูกหลานดูสมัยนั้นมีแค่ฟิล์มขาวดำแกพึ่งก็อปปี้ลงฟิล์มสไลด์ที่หลังนี้เอง”
“แล้วแกขุดได้เพียงห้าชิ้นเท่านั้นเองหรอ” ดนุซักต่อ
“แกบอกเป็นร้อยส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับและพระเครื่องทองคำอีกเป็นไห”
วิชัยถามบ้าง “มีพยานวัตถุพอจะนำมายืนยันได้บ้างรึป่าว” ไพโรจน์ตอบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมพยายามสอบเค้นแล้วไหก็ไม่เหลือแกขายเรียบ แกบอกเก็บไว้ไม่ได้เป็นของร้อนเพราะเวลาไปลักขุดกรุไปกันหลายคนเมื่อเจอสมบัติก็รู้เห็นกันหมดไม่มีใครไว้ใจใครจำเป็นต้องรีบขายและแบ่งเงินกันก็จบเรื่อง ชิ้นที่เป็นม่านทองคำนั้นแกเล่าให้ฟังเอาไปขายร้านทองมันยังไม่กล้ารับซื้อเพราะกลัวตำรวจตามมาเจอ แกกับพวกต้องนำมาหลอมเป็นแท่งก่อนแล้วเอากลับไปขายใหม่ ร้านทองจึงรับซื้อแต่ก็ขายไม่ได้ราคาเท่าไร” ไพโรจน์สาธยายยาว ดนุหยิบฟิล์มสไลด์ภาพม่านทองคำขึ้นมาส่องดู “เสียดายจริงๆ”
“มันทำกันอย่างงั้นจริงๆเหรอวะ” วิชัยบ่นน้ำเสียงเสียดาย
“จริงไม่จริงก็เหลือแต่รูปนี้ไง” ไพโรจน์ตอบกวน ดนุให้ความเห็นเสริม “สมบัติทองคำที่ตาหมอนี้ขุดได้น่าจะเป็นของกษัตริย์และราฏรทั่วไปที่สร้างอุทิศถวายแด่พระพุทธศาสนา จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าจะต้องมีทรัพย์สมบัติเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในสถานที่ ที่เจ้าของทรัพย์คิดว่าปลอดภัยทั่วเกาะอยุธยา” ดนุหยุดหายใจชั่วครู่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วจะมีสถานที่ใดปลอดภัยเท่าวัด เมื่อครั้งเสียกรุงอยุธยาครั้งที่สองภายในเขตกำแพงเมืองหรือเกาะอยุธยามีวัดวาต่างๆนับร้อยวัด แกสองคนลองคิดคำนวณดูก็แล้วกันว่าจะมีทรัพย์สมบัติเช่นเดียวกันนี้มากมหาศาลเพียงใด”
ไพโรจน์ฟังอย่างสนใจเอามือลูบปากแสดงอาการอยากได้สมบัติ วิชัยพูดแทรกขึ้น“ขนาดที่ลอดหูลอดตาไอ้พวกพม่าหลงเหลือไว้ยังมีค่ามากมายขนาดนี้ ”
“อย่างนั้นที่เราคิดไว้ก็ไม่ผิด” ไพโรจน์สนับสนุน
“มั่นใจได้” ดนุตอบยืนยันขณะที่ไพโรจน์และวิชัยหาวง่วงนอนเกือบพร้อมกัน
“คืนนี้เท่านี้ก่อนดีมั้ย” ดนุถาม ทั้งสามคนเห็นพร้องตามนั้นขณะที่เตรียมจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนไพโรจน์หันไปมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเดิมเป็นเวลา ตีห้าสิบก้าวนาทีและเมื่อเขาลดสายตาลงจ้องมองไปที่ประตูเขาถึงกับข่นลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อเห็นเงาของนักรบลึกลับคนเดิมปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันอยู่ที่หลังกระจกประตูคราวนี้ไม่ได้ยืนนิ่งอยู่เฉยๆเหมือนครั่งก่อนแต่มีท่าทีจะก้าวเดินทะลุประตูเข้ามาทำไห้ไพโรจน์สะดุ้งกลัวสุดขีดเขารีบหันหน้ากลับมาหาดนุและวิชัย “พี่นุพี่วิชัยที่ประตู” เขาร้องเรียกเสียงตระกุกตระกักทั้งคู่หันหน้าไปมองที่ประตูพร้อมกันเห็นเงาลักเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ไสหมวกมียอดแหลมกำลังเดินผ่านหน้าประตูไป ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง อึดใจต่อมาทั้งสามคนหันมาสบตากันและกันความเงียบเข้าคลอบคลุมมีแต่เสียงลมหายใจแรงๆด้วยอาการตื่นตระหนกของไพโรจน์
ล่าขุมทรัพย์อสูร EP 6
ดนุได้ดัดแปลงโรงเก็บของหลังร้านอาหารเป็นห้องทำงานตามล่าขุมทรัพย์ของพวกเขานับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาได้เริ่มงานจวบจนถึงวันนี้ครบหนึ่งเดือนพอดีการดำเนินงานด้านต่างๆคืบหน้าด้วยดีจนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีอุปสรรคเลยก็ได้ปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยทำให้เป็นเช่นนี้ได้ก็คือสถาณะภาพเป็นโสดที่พวกเขาทั้งสามคนมีเหมือนกันเพราะเมื่อแต่ละคนมีเวลาว่างจากงานประจำต่างก็ทุ่มเทให้กับงานในหน้าที่ของตนอย่างหามรุ่งหามค่ำ
ภายในห้องปฏิบัติการณ์ตามล่าขุมทรัพย์ ณ เวลานี้มีถูกอัดแน่นไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องคอมพิวเตอร์กองหนังสือตำหรับตำราเอกสารต่างๆมากมายแผ่นที่ถูกติดไว้ทุกด้านของฝาผนังทำให้บรรยากาศดูเข้มขังละม้ายคล้ายกับหนังฝรั่งบางเรื่องที่มีเนื้อหาในแนวเดียวกันนี้หากจะแตกต่างกันบ้างก็เห็นจะมีเพียงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการณ์นี้เป็นเรื่องจริงมิใช้ถูกเขียนแต่งขึ้นดังเช่นในภาพยนตร์
“นุเราพร้อมจะไปสำรวจเส้นทางเดินทัพเอได้เมื่อไร” วิชัยถามขณะจ้องจอดูคอมพิวเตอร์
“ต้องรอข้อมูลจากไพโรจน์อีกนิดหน่อยฉันอยากมั่นใจมากกว่านี้” ดนุตอบพร้อมกับเดินมาหาวิชัยที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาพูดต่อ “เราต้องใช้เงินอย่างละมัดระวังเงินทุนที่ลงขันกันไว้ผ่านมาเดือนเดียวเราใช้ไปเกินกว่าครึ่งมีเรื่องที่จะต้องใช้เงินอีกเยอะ” พูดจบเขาถอนหายใจ
“แล้วไพโรจน์จะเข้ามาเมื่อไร” วิชัยถามขณะที่ไพโรจน์เปิดประตูห้องเข้ามาพอดีพร้อมกับหอบหิ้วถุงและกล่องกระดาษมาอย่างพะรุงพะรัง
“ตายยากจริงโว้ยพูดถึงก็โผล่มาเลย” วิชัยกล่าวทัก
“มีภาพลับสุดยอดจริงๆโอ๊ยหนักจริงๆ” ไพโรจน์พูดพร้อมกับหอบไปด้วยเขาวางกล่องกระดาษลงบนโต๊ะแล้วยื่นถุงพลาสติกให้วิชัย “ตีสี่กว่าแล้วพี่กินก่อนเลยโจ๊กเจ้าเดิมผมเรียบร้อยมาแล้ว” พูดจบเขาเดินไปที่ผนังด้านหนึ่งดึงจอฉายสไลด์ “ภาพสดๆร้อนๆจากคุณหมอนักขุดกรุที่พี่วิชัยนัดแนะให้ผมไปพบ ได้มาก็รีบเผ่นมาเลยไพโรจน์รายงานเสียงตื่นเต้นพร้อมกับจัดเตรียมเครื่องฉายสไลด์” วิชัยเทโจ๊กจากถุงไส่ชามพูดว่า “เป็นหมออยู่ดีๆไม่ชอบดันโลภชอบไปลักขโมยขุดกรุ”
ไพโรจน์พูดเสริมต่อ “แต่กรรมก็ตามทันนะพี่ ญาติของแกแอบเล่าให้ผมฟังว่าหลังจากที่แกถูกโจรที่มาปล้นตีหัวชิงพระที่แกขุดกรุมาได้แกก็เริ่มเพี้ยนบางครั้งแกก็พูดอะไรไม่รู้เรื่องคนไข้หนีหมด”
ดนุเดินถือชามโจ๊กมานั่งข้างเครื่องฉายสไลด์ถามติดตลก “กลายเป็นหมอผีไปเลยรึไง”
“เป็นหมอเพี้ยนมากกว่าที่ผมล่อหลอกเอาฟีมสไลด์มาได้แต่แกก็อยู่ในอาการไม่เต็มร้อย” ไพโรจน์อมยิ้มตอบแบบขำๆพร้อมหยิบฟีมสไลด์ไสลงเครื่องฉาย วิชัยพูดหยอกไพโรจน์
“นายนี้แน่จริงๆไม่ใช้แค่จีบหญิงเก่งเท่านั้นหลอกคนบ้าก็ได้นี่หว่า”
ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ไพโรจน์พูดเข้าเรื่อง “เห็นภาพเหล่านี้แล้วพี่จะมั่นใจขึ้นไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนไม่ว่าในประเทศไทยเหลือที่ไหนในโลก”
หมดเวลาโฆษณาฉายได้เลย ดนุพูดแทรกขึ้น
พร้อมแล้ครับไพโรจน์พูดตอบ วิชัยเดินไปปิดไฟทั้งห้องมืดลงทันทีมีแต่แสงพราพรายจากจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ไพโรจน์กดสวิทย์เปิดเครื่องฉายสไลด์ฉายภาพแรก ลำแสงพุ่งไปกระทบจอฉายทันใดนั้นจอชายได้หดม้วนกลับไปทันที ทั้งสามคนอุทานขึ้นพร้อมกัน ดนุเดินไปดึงจอฉายลงมาเหมือนเดิม
“งบน้อยต้องทำใจ” เขาพูดติดตลก
ไพโรจน์ฉายภาพซ้ำอีกครั้งฉับพลันจอภาพได้หดม้วนกลับทันทีเหมือนครั้งแรก
“เออเอากันเข้าไปเดียวก็เช้ากันพอดี” วิชัยพูดออกรำคาญ ไพโรจน์ทำสีหน้าฉงนถามเสียงสั่น
“พี่นุต้องจุดธูปบอกเจ้าที่ก่อนรึป่าว”
“ไม่มีอะไรลองอีกครั้ง” ดนุตอบเสียงปกติแต่สีหน้าของเขาเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ
การฉายครั้งที่สามทุกอย่างเป็นปกติ สไลด์ภาพแรกเป็นภาพคนโทน้ำทองคำจังหวะที่สไลด์ภาพที่สองถูกฉายไปบนจอดนุถามไพโรจน์ “ภาพนี้คืออะไร”
“อีตาหมอนั้นบอกว่าเป็นเสื้อคลุมทองคำแกขุดได้ที่กรุในเจดีย์วัดหนึ่งที่อยุธยา”
วิชัยซักต่อ “แกขุดได้เมื่อไรวะ”
“แกว่าถ้าจำไม่ผิด พ.ศ.สองพันห้าร้อย” ไพโรจน์ตอบ
ดนุพูดให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “คงจะเป็นช่วงเวลานั้นแน่นอนในช่วงเวลานั้นอย่างที่เรารู้กันว่าปีนั้นทางราชการได้ให้มีการขุดค้นกรุวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะหลังจากที่พวกหัวขโมยได้ลักลอบขุดไปก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังพบทรัพย์สมบัติทำด้วยทองคำและอัญมณีหลงเหลืออีกเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่จูงใจให้คนร้ายแอบไปลักลอบขุดกรุตามวัดตามเจดีย์โบราณอื่นๆเกิดขึ้นตามมามากมาย”
วิชัยบ่นพรึมพรำ “ไอ้ตาหมอเพี้ยนนี้มีโชคไม่เบาเลยนะเนี่ย”
ไพโรจน์กดสวิทย์เครื่องฉายสไลด์ไปตามลำดับทุกคนจ้องมองอย่างสนใจ สไลด์ภาพที่สามเป็นภาพพานทองคำ ภาพที่สี่เป็นภาพม่านทองคำขณะที่ทุกคนดูภาพบนจออยู่นั้นไพโรจน์ได้เหลือบไปดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังเหนือประตูทางเข้าห้องปฏิบัติการณ์ ประตูครึ่งบนเป็นเป็นกระจกฝ้า เขาเห็นเงาคนยืนอยู่ด้านนอกดูจากลักษณะรูปร่างเป็นชายสูงใหญ่ไส่หมวกมียอดแหลม เขานึกได้ทันทีจากประสบการณ์ทำงานด้านโบราณคดีว่าเหมือนหมวกของแม่ทัพนายกองของทหารไทยสมัยโบราณเขามองดูอย่างฉงน
“ภาพต่อไป” เสียงดนุสั่งแต่ภาพสไลด์บนจอยังคงเป็นภาพเดิม “ภาพต่อไป” ดนุสั่งซ้ำเสียงดังขึ้น ไพโรจน์สะดุ้งเล็กน้อยหันกลับมาฉายภาพสไลด์ต่อไปเป็นภาพมงกุฎทองคำและเมื่อหันกับไปมองที่ประตูอีกครั้งเงานั้นได้หายไปแล้วเขารู้สึกแปลกใจ เอยปากถามดนุด้วยความสงสัย
“พี่นุพ่อครัวพี่มาแล้วหรอ”
“เฮ้ยหิวอีกแล้วเหรอมาแปดโมงนู้น”
“ไม่หิวหรอกพี่”
“งั้นภาพต่อไปเลยน้อง” ดนุสั่งน้ำสียงอยากรู้อยากเห็น
“หมดแล้วครับ”
“อ้าว...ไม่ให้กินเลิกฉายเลยรึงัย” วิชัยแซว
“มีแค่ห้าภาพเท่านั้นพี่” พูดจบไพโรจน์เดินไปเปิดไฟทั้งห้องสว่างขึ้น ภาพเงาที่ปรากฏยังคาใจอยู่เขาเดินไปเปิดประตูโผล่หน้าออกไปดูแต่ก็ไม่พบเห็นใคร ดนุมองตามถามด้วยความสงสัย “นายไปดูอะไร”
“ผมเห็นเงาคนยืนอยู่หน้าประตูว่าจะเรียกให้พี่ดูด้วยหันมาอีกครั้งหายไปเฉยเลย ผมนึกว่าเป็นพ่อครัวของพี่”
“หิวจนตาฝาดเหลือไง” วิชัยไม่เชื่อ
“โธ่ผมเห็นจริงๆพี่” ไพโรจน์ยืนกราน ดนุฟังแล้วนิ่งเงียบเดินไปที่เครื่องฉายสไลด์หยิบฟิล์มสไลด์ขึ้นมาส่องดูกับไฟเพดาน “แกเคยเห็นภาพสมบัติเหล่านี้ที่ไหนมาก่อนรึป่าว” เขาหันไปถามวิชัย วิชัยรับฟิล์มสไลด์มาส่องดุ “คิดว่าไม่เคย”
ดนุหันไปถามไพโรจน์ “เชื่อตาหมอนั้นได้แค่ไหน”
“แกเล่าให้ฟังว่าขุดเจอเห็นเป็นของมีค่ามากจึงถ่ายรูปไว้ให้ลูกหลานดูสมัยนั้นมีแค่ฟิล์มขาวดำแกพึ่งก็อปปี้ลงฟิล์มสไลด์ที่หลังนี้เอง”
“แล้วแกขุดได้เพียงห้าชิ้นเท่านั้นเองหรอ” ดนุซักต่อ
“แกบอกเป็นร้อยส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับและพระเครื่องทองคำอีกเป็นไห”
วิชัยถามบ้าง “มีพยานวัตถุพอจะนำมายืนยันได้บ้างรึป่าว” ไพโรจน์ตอบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมพยายามสอบเค้นแล้วไหก็ไม่เหลือแกขายเรียบ แกบอกเก็บไว้ไม่ได้เป็นของร้อนเพราะเวลาไปลักขุดกรุไปกันหลายคนเมื่อเจอสมบัติก็รู้เห็นกันหมดไม่มีใครไว้ใจใครจำเป็นต้องรีบขายและแบ่งเงินกันก็จบเรื่อง ชิ้นที่เป็นม่านทองคำนั้นแกเล่าให้ฟังเอาไปขายร้านทองมันยังไม่กล้ารับซื้อเพราะกลัวตำรวจตามมาเจอ แกกับพวกต้องนำมาหลอมเป็นแท่งก่อนแล้วเอากลับไปขายใหม่ ร้านทองจึงรับซื้อแต่ก็ขายไม่ได้ราคาเท่าไร” ไพโรจน์สาธยายยาว ดนุหยิบฟิล์มสไลด์ภาพม่านทองคำขึ้นมาส่องดู “เสียดายจริงๆ”
“มันทำกันอย่างงั้นจริงๆเหรอวะ” วิชัยบ่นน้ำเสียงเสียดาย
“จริงไม่จริงก็เหลือแต่รูปนี้ไง” ไพโรจน์ตอบกวน ดนุให้ความเห็นเสริม “สมบัติทองคำที่ตาหมอนี้ขุดได้น่าจะเป็นของกษัตริย์และราฏรทั่วไปที่สร้างอุทิศถวายแด่พระพุทธศาสนา จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าจะต้องมีทรัพย์สมบัติเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในสถานที่ ที่เจ้าของทรัพย์คิดว่าปลอดภัยทั่วเกาะอยุธยา” ดนุหยุดหายใจชั่วครู่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วจะมีสถานที่ใดปลอดภัยเท่าวัด เมื่อครั้งเสียกรุงอยุธยาครั้งที่สองภายในเขตกำแพงเมืองหรือเกาะอยุธยามีวัดวาต่างๆนับร้อยวัด แกสองคนลองคิดคำนวณดูก็แล้วกันว่าจะมีทรัพย์สมบัติเช่นเดียวกันนี้มากมหาศาลเพียงใด”
ไพโรจน์ฟังอย่างสนใจเอามือลูบปากแสดงอาการอยากได้สมบัติ วิชัยพูดแทรกขึ้น“ขนาดที่ลอดหูลอดตาไอ้พวกพม่าหลงเหลือไว้ยังมีค่ามากมายขนาดนี้ ”
“อย่างนั้นที่เราคิดไว้ก็ไม่ผิด” ไพโรจน์สนับสนุน
“มั่นใจได้” ดนุตอบยืนยันขณะที่ไพโรจน์และวิชัยหาวง่วงนอนเกือบพร้อมกัน
“คืนนี้เท่านี้ก่อนดีมั้ย” ดนุถาม ทั้งสามคนเห็นพร้องตามนั้นขณะที่เตรียมจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนไพโรจน์หันไปมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเดิมเป็นเวลา ตีห้าสิบก้าวนาทีและเมื่อเขาลดสายตาลงจ้องมองไปที่ประตูเขาถึงกับข่นลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อเห็นเงาของนักรบลึกลับคนเดิมปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันอยู่ที่หลังกระจกประตูคราวนี้ไม่ได้ยืนนิ่งอยู่เฉยๆเหมือนครั่งก่อนแต่มีท่าทีจะก้าวเดินทะลุประตูเข้ามาทำไห้ไพโรจน์สะดุ้งกลัวสุดขีดเขารีบหันหน้ากลับมาหาดนุและวิชัย “พี่นุพี่วิชัยที่ประตู” เขาร้องเรียกเสียงตระกุกตระกักทั้งคู่หันหน้าไปมองที่ประตูพร้อมกันเห็นเงาลักเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ไสหมวกมียอดแหลมกำลังเดินผ่านหน้าประตูไป ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง อึดใจต่อมาทั้งสามคนหันมาสบตากันและกันความเงียบเข้าคลอบคลุมมีแต่เสียงลมหายใจแรงๆด้วยอาการตื่นตระหนกของไพโรจน์