Maxim de Winter at Manderley บทที่ 8

ชายหนุ่มอึ้งไปนิดก่อนจะตอบว่า “ได้สิ ได้สิครับ”

“คุณคงไม่ว่าฉันวุ่นวายนะคะ”

“ผมเข้าใจดีครับว่าคุณรู้สึกยังไง ผมพร้อมเสมอนะที่จะทำให้คุณสบายใจมากขึ้น”

หล่อนยิ้มอย่างมีความสุข “งั้นรบกวนด้วยนะคะ”

วันที่สองที่หล่อนอยู่ที่นี่ หล่อนเริ่มด้วยการเช็คว่าป้าคนนั้นน่าจะไม่มีตัวตนอยู่แน่นอน หล่อนเองไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างป้ากับเขา หล่อนอยากให้เขาเป็นคนจริง ๆ มากกว่าและอยากให้ป้าเป็นภาพหลอน แต่คนเราไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป การเช็คทุกอย่างที่เช็คได้เป็นสิ่งที่ควรทำมากในสถานการณ์แบบนี้

ชายหนุ่มพาหล่อนเดินชมห้องในแต่ละห้องเรียงกันตั้งแต่ชั้นหนึ่ง คฤหาสน์นี้มีทั้งหมดห้าชั้น แต่ละชั้นมีห้องอยู่ประมาณสิบกว่าห้อง ถือเป็นคฤหาสน์ที่ค่อนข้างใหญ่ น่าจะใหญ่พอ ๆ กับมันเดอร์เลย์ในนิยายเรื่องรีเบคกา แต่ในเรื่องความหลอนนั้น น่าจะหลอนกว่า ตอนเขาพาหล่อนชมห้อง บางห้องจะมีคนทำความสะอาดอยู่ แต่บางห้องปิดอยู่ บางห้องที่ปิดก็เข้าไปได้เลยเพราะไม่ได้ล็อค บางห้องก็ต้องใช้กุญแจไขเข้าไป พอดูห้องชั้นหนึ่งเสร็จ ชายหนุ่มก็พาหล่อนขึ้นชั้นสอง แล้วก็เริ่มสำรวจห้องในแต่ละห้อง

หล่อนรู้สึกแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งคือในแต่ละชั้นจะมีห้องทั้งใหญ่และเล็ก แต่ทุกห้องเพดานจะสูงมาก ห้องใหญ่จะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าห้องเล็กและเพดานสูงมาก มันจะดูคล้าย ๆ ห้องขัง พอขึ้นไปดูที่ชั้นสามถึงชั้นห้า ลักษณะของห้องก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน การเดินชมทุกห้องและทุกชั้นทำให้หล่อนเหนื่อยมากจนเดินเซ ชายหนุ่มเลยเข้ามาประคอง หล่อนมองหน้าเขา

“ขอโทษด้วยนะครับ เห็นคุณเซเกือบล้มแล้ว เราไปนั่งพักบนดาดฟ้ากันเถอะครับ”

ชายหนุ่มประคองหล่อนไปนั่งพักบนดาดฟ้า หล่อนมีอาการอ่อนเพลียทำให้เขาเป็นห่วงหล่อนมาก

“ผมลงไปเอาน้ำมาให้นะครับ”

“อย่าเลยค่ะ นั่งพักสักแปปก็คงจะหายแล้ว”

ชายหนุ่มนั่งเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ หล่อนเองพยายามมองหาทางที่จะเข้าเมืองได้ แต่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ป่าไปหมด แต่ช่างเถอะ ตอนนี้หล่อนไม่ได้คิดหนีขนาดนั้น แถมยังมีชายหนุ่มอัธยาศัยดีอยู่เป็นเพื่อน แค่นี้ชีวิตก็ดูไม่เสี่ยงแล้ว หล่อนเองก็ยังไม่ปักใจว่าเขาเป็นคนดีจริง ๆ แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาก็ถือว่าโอเค แทบไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก ถ้ามี ก็คงมีอีกไม่มาก

ใกล้เที่ยง ชายหนุ่มจึงพาหล่อนลงไปที่ห้องอาหารเพื่อเตรียมกินอาหารเที่ยง ขาลงค่อนข้างสะดวก หล่อนไม่เหนื่อยมาก เขาไปเอาสำรับที่เตรียมไว้แล้วมาให้หล่อน ครั้งนี้หล่อนขอให้เขามากินข้าวด้วยกัน วันที่สองที่หล่อนมาอยู่ที่นี่เป็นอะไรที่ลงตัวมาก ๆ หล่อนรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่รับงานนี้ แต่หล่อนก็ไม่แน่ใจว่าคุณแม็กจะชอบหล่อนและรับหล่อนเข้าทำงานรึเปล่า เรื่องนี้หล่อนไม่เคยแน่ใจเลย

หล่อนรู้สึกได้ว่าอาหารที่เขาทำมีรสมือเหมือนกับป้าคนนั้นทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ทำให้หล่อนไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนทำอาหารเองรึเปล่า

“เดี๋ยวคุณต้องไปทำอาหารสำหรับมื้อเย็นใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ” เขายิ้ม

“อืม ฉันขอไปดูคุณทำอาหารได้ไหมคะ”

“ได้สิครับ ไม่มีปัญหาหรอก”

พออิ่มหนำสำราญกันแล้ว หล่อนก็เดินตามเขาเข้าไปในครัว ครัวที่นี่ค่อนข้างใหญ่ แต่เครื่องครัวส่วนใหญ่และโต๊ะสำหรับทำอาหารจะวางอยู่เพียงมุมเดียว ชายหนุ่มหาเก้าอี้ให้หล่อนนั่งข้างหน้าโต๊ะที่เขากำลังจะเตรียมทำอาหาร เขาเดินไปเอาผ้ากันเปื้อนมาใส่ ตอนนั้นหล่อนรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก เขาวุ่นวายอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบอยู่พักใหญ่ ๆ เวลาที่หล่อนเห็นเขาเตรียมวัตถุดิบพวกนี้ หล่อนรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์มาก มากกว่าตอนที่นั่งคุยกันเป็นไหน ๆ

“เอาละครับ สวัสดีครับคุณสุภาพสตรีที่น่ารัก วันนี้ผมจะมาทำไก่ป๊อปให้ดูนะครับ”

หล่อนยิ้มไปหัวเราะไปกับลีลาของเขา

“เรามาเริ่มกับการรู้จักวัตถุดิบต่าง ๆ เลย ส่วนผสมมีดังนี้นะครับ”

ตอนเขากำลังจะอธิบายส่วนผสม เขาหันไปมองหล่อนแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น

“ไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว ผงวิ้งแซ่บ พริกไทยป่น แป้งทอดกรอบ เนื้ออกไก่ชิ้นพอดีคำนะครับ แล้วก็น้ำมันพืชนะครับ”

เวลาที่เขาแนะนำส่วนผสม เขาจะผายมือไปตรงส่วนผสมนั้นแล้วก็เงยหน้ามองหล่อนเป็นระยะ ๆ หล่อนรู้สึกว่าผู้ชายที่ทำอาหารได้มีเสน่ห์มาก แต่สำหรับเขา แค่แนะนำส่วนผสมต่าง ๆ ในตอนแรกนี้ หล่อนก็เริ่มหลงเสน่ห์เขาแล้ว เขายังร่ายมนต์สะกดต่อ

“เราเอาชามผสมมานะครับ แล้วก็ใส่เนื้ออกไก่ลงไป แล้วใส่ไข่ไก่ลงไปนะครับ ทำแบบนี้นะ”

หล่อนทึ่งเพราะเขาตอกไข่ได้อย่างทะมัดทแมง

“แล้วเราก็ใส่พริกไทยป่นลงไปเลย แล้วก็เหยาะซีอิ๊วขาวลงไปเล็กน้อย แหะ ๆ แล้วก็คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันนะครับ”

เขาเอาถุงมือสำหรับคลุกมาใส่ แล้วก็คลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ อย่างสบายอารมณ์ คลุกไปเงยหน้ามองหล่อนไปด้วย หล่อนเองรู้สึกว่าตอนนี้ ความหล่อของนายคนนี้ฉายแสงมาก ๆ ออร่าจับกันเลยทีเดียว

“ส่วนผสมจานนี้เราจะพักไว้ประมาณสิบนาทีนะครับ”

เขาหันหน้าไปหาหล่อน “ระหว่างรอเราจะทำอะไรกันดีครับ เต้นรำกันมั้ย”

“แต่ฉันเต้นไม่เป็นนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมสอนให้”

ชายหนุ่มเดินไปเปิดเพลงแล้วถอดถุงมือคลุกอาหาร หลังจากนั้นจึงเดินไปหาหล่อน

“เพลงเพราะมากเลยนะครับ คุณเอามือนี้มาแตะตรงนี้นะครับ ส่วนมือนี้ก็แตะตรงนี้”

เขาโยกตามจังหวะเพลงแล้วแนะนำให้หล่อนโยกตาม

“โยกแบบนี้นะครับ”

“เออะ สนุกดีค่ะ”

หล่อนไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ หล่อนป่วยด้วยอาการประสาทหลอนจนหล่อนไปกล้าจะไปเจอใคร ทำให้หล่อนไม่มีเพื่อนสนิท หลังจากพ่อกับแม่ตายแล้ว หล่อนก็เริ่มเหงาหนัก หล่อนมาพบว่าตัวเองยังเป็นโรคความจำสั้นอีกด้วย สมองของหล่อนต้องมีปัญหาแน่ ๆ แต่หมอก็ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากลงความเห็นว่าสารเคมีในสมองของหล่อนมีปัญหาหนัก หล่อนไม่ค่อยเข้าใจอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ หล่อนจึงเก็บตัวเงียบ ทั้งชีวิต สิ่งที่หล่อนทำมากที่สุดคือการอ่านนิยาย และนิยายที่อ่านบ่อยมากคือเรื่องรีเบคกา

ถึงหล่อนจะไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนกับนางเอกในนิยาย แต่ลึก ๆ แล้วหล่อนก็อยากพบผู้ชายอย่างแม็กซิม พระเอกของเรื่อง ตอนแรกที่หล่อนเห็นนามแฝง Maxim de Winter at Manderley หล่อนรู้สึกฉงน แต่ก็มีความคาดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ หล่อนไม่กล้าเปิดเผยอาการแปลก ๆ ของหล่อนต่อใครเลย หล่อนรู้สึกว่ามันเป็นปมด้อย แต่ถึงจะรู้สึกอย่างนั้นและปิดตัวเองมาตลอด หล่อนก็ยังอยากจะเจอผู้ชายอย่างแม็กซิม

แต่วันนี้หล่อนรู้สึกว่าหล่อนได้เจอผู้ชายที่น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว หล่อนคงไม่คาดหวังถึงขนาดที่ว่าในอนาคตจะต้องเป็นแฟนกัน ขอให้ได้ใกล้ชิด เต้นรำกันแบบนี้สักครั้งก็มีความสุขแล้ว ผู้หญิงอย่างหล่อน มี moment แบบนี้ก็ดีถมไปแล้ว หล่อนเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าฝันฝห้มันมากเกินไป เราเป็นแบบนี้ ต้องเจียมตัวไว้บ้าง ทุกวันหล่อนจึงอยู่อย่างเจียมตัวเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีใครรับหล่อนได้ วันนี้หล่อนได้เต้นรำกับเขาผู้นี้ก็มีความสุขมาก ๆ แล้วถึงแม้เขาอาจจะเป็นเพียงภาพหลอนที่หล่อนสร้างขึ้นมาก็ตาม.


โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่