‘อย่าลืม ที่รับปากไว้นะ ไม่งั้นนายตายแน่’ ข้อความทางไลน์สั่นขึ้นในตอนดึก ชายหนุ่มวัย 17 ปีรูปร่างกำยำยืนมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง คิ้วหนาขมวดย่น ในหัวกลับคิดอะไรไม่ออก
...ไปรับปากยัยปลายตอนไหนวะ…
รัตนะกลับมาอยู่ในห้องนอนตัวเอง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ภายใต้บรรยากาศอันเงียบสงบช่วงค่ำคืน เขาออกมายืนเล่นที่ระเบียงห้องนอนเพื่อคลายเครียด อยากสูดอากาศภายนอกให้ปลอดโปร่งใจ แหงนมองท้องฟ้าผืนดำที่มีดวงดาวประดับระยิบระยับอยู่เต็มฟ้าพอให้เพลิดเพลินตา ความรู้สึกลึกๆ มีความคับข้องใจอยู่ในนั้น เหมือนลืมเรื่องอะไรไปบางอย่าง นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก สับสนมึนงงไปหมด จู่ๆ ไปตบปากรับคำอะไรกับยัยคู่อริในตอนเย็น แต่นั้นก็ไม่สำคัญ สิ่งเขานึกถึงในตอนนี้กลับเป็นเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนที่เจอกับหนึ่งธิดาเป็นวันแรก
รัตนะ สิงหสงครามนอนเหยียดกายเต็มตัวอย่างสบายอารมณ์บนเตียงคนไข้ภายในห้องพยาบาล เขานอนเอาแรงช่วงรอเวลาหลังเลิกเรียนเพื่อไปซ้อมฟุตบอล สำหรับการนอนในช่วงบ่ายนี้มันสำคัญ ถือเป็นวินัยเคร่งครัดข้อหนึ่ง เป็นการสะสมพลังงานเพื่อเอามาใช้ได้อย่างเต็มที่
ขณะหลับไหลกำลังได้ที่ มีมือเล็กข้างหนึ่งเขย่าเข้าที่หัวไหล่
“น้องๆ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมได้มานอนที่นี่” สุ่มเสียงปลุกนั้นใสหวาน บ่งบอกถึงอายุคนพูดอยู่ในวัยหนุ่มสาว
เปลือกตาที่ยังเต็มไปด้วยขี้ตาหน่วงหนักให้ลืมตายาก จึงค่อยๆ ปรือตามองหน้าคนปลุกพร้อมกับยันตัวเองขึ้นมานั่ง พอภาพเริ่มสร่างชัด เห็นผู้หญิงวัยยี่สิบกว่าในชุดพยาบาลกางเกงสีฟ้า
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมมานอนพักเอาแรงรอซ้อมบอล” เสียงห้าวตอบอย่างเหนื่อยๆ เพราะอยากนอนต่อกำลังหลับได้ที่ แล้วก็ล้มตัวลง
“เดี๋ยว...ยังงี่ก็กินที่คนอื่นสิ แล้วทำไมไม่อยู่ในห้องเรียน” หญิงสาวรีบดึงแขนไว้ไม่ให้นอน
รัตนะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับถูกดึงขึ้นง่ายเพราะไม่อยากฝืนแรงผู้หญิงที่กำลังหงุดหงิดต้องโมโหไปมากกว่านี้ พอลุกขึ้นนั่งในท่าเดิม เริ่มมองสำรวจภายในห้องเห็นเตียงอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ว่างเปล่า ไม่พบใครเลยนอกจากผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นตั้งใจเบิกตาพิจารณาคนที่กำลังดุใส่เขา
‘หน้าตาพี่เค้าก็ดูน่ารัก ผิวขาวดี ตัวเล็ก สูงไม่น่าเกิน 160 แต่หน้าไม่คุ้นเลยแฮะ’
แม้รัตนะจะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงเรียน แต่ในเมื่อเป็นนักกีฬา ต้องฝึกฝนการจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้างให้ได้โดยไว ดังนั้นร้อยละ 90 ของคนทั้งโรงเรียน รัตนะสามารถจดจำใบหน้าได้ ครั้นหากมีใครแปลกปลอมเข้ามาในโรงเรียน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกแยะออกในทันที และยิ่งหญิงสาวตรงหน้ามีบุคลิกเด่น ก็รู้ว่าพึ่งมาทำงานใหม่
รัตนะรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในเมืองพิษณุโลกตั้งแต่ ป.5 จนถึงวัย 30 เวลาเจอเขาจะมีท่าทีขวยเขินเอียงอาย ยิ่งเวลาได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งประหม่าให้เห็นชัด แต่พี่สาวรายนี้กลับมีสีหน้าจริงจัง อีกทั้งยังมีแววตาตำหนิและไร้ซึ่งการชื่นชมในตัวเขา พอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงใช้มุกเดิมอย่างที่เคยทำ
“พี่มาใหม่ละสิ ผมค่อนข้างพิเศษหน่อย ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม ก็ให้ไปถามอาจารย์แดงได้ครับ” รัตนะเลือกใช้คำพูดเดิมๆ ที่เคยใช้กับพยาบาลคนก่อน คือให้ไปหาครูผู้ฝึกสอนของเขาโดยตรง
“อาจารย์แดง?” หล่อนขมวดคิ้วถามซ้ำ
“ไม่รู้จัก?” รัตนะอ่านสีหน้าออก
หล่อนแค่นเสียงในลำคอ “ก็ใช่นะสิ บรรจุเข้าที่นี่ทำงานเป็นวันแรก จะให้รู้จักครูหมดโรงเรียนเลยเหรอ แต่ถึงยังไง...ต่อให้พิเศษแค่ไหน ห้องนี้ก็เป็นห้องสำหรับคนที่ไม่สบาย น้องเองก็ดูแข็งแรงจะตาย มาเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ พี่ไม่ยอมหรอก”
ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แม้เวลาดุกล่าวยังดูสดใสน่ามอง รัตนะมองดูแทนที่จะสำนึกกลับชื่นชมในความสดใสของหล่อน
โดยจรรยาบรรณของพยาบาล คนไข้ต้องมาก่อน และสถานที่ต้องพร้อมตลอดเวลาสำหรับสถานะการณ์ฉุกเฉินที่มาได้ทุกขณะ รัตนะเหม่อมองอยู่ครู่ ไม่เคยเจอผู้หญิงอารมณ์เสียใส่ และผู้หญิงคนนี้เวลาหน้าตาจริงจังกลับดูมีเสนห์น่าชม แต่ก็อยากให้เรื่องมันจบๆ ไป จะได้นอนต่อ จึงกล่าว
“พี่ไปถามอาจารย์แดงเอาเถอะครับ”
หล่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง มองดูใบหน้าหนุ่มหล่ออย่างไม่พอใจ “แล้วอาจารย์แดงอยู่ที่ไหน”
กัปตันทีมฟุตบอลชี้นิ้วไปยังหมวดพละศึกษาที่อยู่นอกหน้าต่างด้านหน้าอาคาร ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากบนเตียงและมีระยะห่างกันไม่ถึง 30 เมตร ร่างเล็กบางเห็นจุดหมายอยู่ใกล้แค่นี้ ตวัดตามองรัตนะ แล้วสบัดหน้าเดินลิ่วออกไปข้างนอกอย่างฉุนเฉียว การทำงานวันแรกก็พบเรื่องไม่ถูกต้องสำหรับวิชาชีพของหล่อน จึงพุ่งเท้าก้าวเดินฉับๆ ตรงไปตามทางที่นิ้วเขาชี้
การเดินออกไปด้วยสีหน้าบึงตึงเหมือนกำลังจะไปตบใคร หากมีคนเห็นเข้าคงเป็นที่โจษจันทั่วโรงเรียนไปในทางเสียหาย แล้วคงต้องสืบเรื่องราวจนมาถึงเขา นึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาได้ รัตนะอดลุ้นไม่ได้ว่ามีคนเห็นรึเปล่า พื้นที่ที่เคยสุขสบายคงถูกริบคืน จึงรีบลุกขึ้นออกไปสำรวจภายนอกให้ทั่ว พอกวาดสายตามองดูรอบๆ ดีแล้ว ค่อยระบายลมหายใจออกมาได้ โชคดีที่เป็นเวลาบ่ายแก่คนไม่ค่อยมี นักเรียนและครูส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันหมด รัตนะจึงเบาใจลงได้
หนุ่มร่างสูงกลับมานั่งบนเตียง กอดอกมองผ่านกระจกใสหน้าต่างเพื่อดูความเคลื่อนไหวบานประตูหน้าหมวดพลศึกษา ยังไงก็ต้องลุ้นถึงการกลับมาพร้อมคำตอบเจ้าของห้องพยาบาลคนใหม่ มองไปมองมารู้สึกว่าเนินนาน สงสัยคงเคลียร์กันยาว รัตนะจึงเอนกายลงนอนสะสมพลังงานตามเดิม
ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงพี่สาวคนเดิมเปล่งดังอย่างตั้งใจปลุกให้ตื่น “ไม่นึกเลยว่านักกีฬาโรงเรียนนี้ จะมีสิทธิพิเศษแบบนี้กับเขาด้วย”
รัตนะลืมตาตื่นโดยเร็ว หมุนตัวลงจากเตียงยืนเต็มตัว พี่สาวตรงหน้าสูงเพียงไหล่จึงได้เงยหน้าขึ้น
หลังจากไปเจรจาต่อรองกับครูแดงเป็นที่รู้เรื่อง อารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อครู่ก็หายไป หล่อนจึงเริ่มสังเกตรายละเอียดของชายหนุ่มนักเรียนอย่างถี่ถ้วน ความหล่อเหลาบวกกับรูปร่างสมชายชาตรีในชุดวอร์มกีฬา ทำให้ยืนชื่นชมอยู่ครู่ใหญ่ แต่ต้องรักษาฟอร์มจึงเก็บสีหน้าไว้เป็นปกติ
“อาจารย์ว่าไงบ้างพี่ ผมอยู่ที่นี่ต่อได้นะ บอกตามตรง จริงๆ แล้วผมกลับไปนอนรอเวลาซ้อมบอลที่บ้านก็ได้ แต่มันไกล ปั่นจักรยานไปกลับก็ 20 กิโลฯ เอาพลังงานที่เสียไปมาซ้อมบอลดีกว่า อีกอย่างคงไม่มีที่ไหนนอนสบายเหมือนกับที่นี่อีกแล้ว นี่ผมก็นอนมาตั้งแต่ ม.1”
คำพูดที่สุภาพถ่อมตัวน่าฟัง ทำให้หญิงสาวเริ่มใจอ่อนระบายยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ครูเธอนี่ใช่ย่อย ถ้าพี่ไม่สวยสงสัยคงเคลียร์กันยาก คนเก่าคงยอมเพราะเสียงดังข่มใส่สินะ แหม่..ทำชื่อเสียงให้โรงเรียนแล้วไง เป็นนักเรียนก็ต้องเรียนหนังสือสิ นี่ดูท่า...ให้เตะแต่บอลอย่างเดียวเลยละมั้ง”
“ผมก็ส่งการบ้านครบอยู่นะ สอบก็ผ่านหมดทุกวิชา” รัตนะแย้งและให้เหตุผล คำพูดดังกล่าวคล้ายเป็นการต่อว่านักกีฬาทุกคนไม่ใส่ใจการเรียน
หญิงสาวในชุดพยาบาลเดินวนรอบตัวเขาอย่างใคร่ครวญ ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “พี่ตกลงกับอาจารย์ของเธอแล้ว ให้อาศัยนอนที่นี่ก็ได้ แต่ต้องช่วยพี่ทำงาน”
“งั้นผมก็ไม่ได้นอนเอาแรงสิ”
“พูดเหมือนกับครูเธอเปี๊ยบเลย งานของพี่ที่ให้ช่วย ไม่ใช้เวลานานหรอก แค่จัดยาตามชั้น ลงบันทึกการเบิกจ่ายแต่ละวัน ดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ให้พร้อม หากมีคนไม่สบายมานอนพักแล้วเตียงเต็ม เธอต้องลุกให้เค้า ที่สำคัญนะ...”
ดวงตาคมลึกเบิกกว้างอย่างตั้งใจฟัง
“ต้องเป็นผู้ช่วยพี่เวลามีคนป่วย”
“ผมไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย จะให้ช่วยได้ไง จะไม่ป่วยซ้ำเหรอพี่”
“ฟังก่อน...ก็แค่หยิบจับนู้นนี่ให้ ตอนที่พี่ปฐมพยาบาลแค่นั้น ทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็นอนเอาแรงต่อได้”
รัตนะขมวดคิ้ว กลิ้งกลอกตา บุ้ยปากขบคิด
“ก็ได้”
“พูดกับผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงหน่อย”
“ตกลงคร้าบ....”
“ดีมาก-ก น่ารักจริงๆ”
สาวหน้าหวานฉีกยิ้มดีใจ เพราะได้ผู้ช่วยโดยไม่ต้องทำเรื่องถึงผู้อำนวยการให้วุ่นวาย ขั้นตอนดังกล่าวใช้เวลานานเป็นเดือน หล่อนเขย่งเท้ายืดตัวขึ้น มือน้อยๆ ยื่นไปลูบผมเผ้านักเรียนหนุ่มคล้ายเจ้านายกำลังลูบหัวลูกหมาอย่างเอ็นดู รัตนะรู้สึกแปลกประหลาด ยืนอึ้งอยู่พัก ที่ผ่านมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็มาขอให้เอาผ้าเช็ดหน้ามาแตะซับเหงื่อเบาๆ แล้วส่งคืนให้ไว้เป็นที่ระลึก หากเทียบดูแล้วก็ยังไม่เท่ากับผู้หญิงคนนี้ที่พึ่งคุยกัน
หล่อนยิ้มร่าเริง ดวงตาเป็นประกาย “พี่ชื่อแจ๊ส ชื่อจริง ‘หนึ่งธิดา ธนวิชา’ เป็นพยาบาลใหม่ประจำที่นี่ อาคารเล็กๆ หลังนี้ พี่จะเป็นคนดูแลเอง เธอล่ะชื่ออะไร”
“รัตน์ครับ…รัตนะ สิงหสงคราม” เสียงห้าวกล่าวตอบ ยืนมองหน้าคนที่กำลังยิ้มให้ ในใจยังไม่คลายความสงสัยของอารมณ์ตนเองเมื่อครู่
"นายรัตน์!.." เสียงใสสดชื่นร้องทักจากทางด้านหลังตรีรัตนา ร่างระหงถึงกับสะดุ้ง เหมือนโดนคำสั่งชัทดาวน์ทำให้ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวทันที กลืนน้ำลายอย่างฝืดลงคอ ลุ้นคำพูดของคนทักที่จะกล่าวต่อ
ตรีรัตนากำลังเดินผ่านห้อง 5/1 เพื่อลงบันไดไปหาน้ำดื่ม สีหน้าเริ่มเครียด อยากทราบรายละเอียดจากการร้องทักผิดๆ จึงหันหลังไป เห็นปลายนภาที่ทำผมหน้าม้าบดบังหน้าผากและใส่ปลอกรัดข้อมือ เธอรู้ถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างปลายนภากับรัตนะ จึงปั้นหน้าให้ดูเป็นมิตรอย่างที่ไม่เคยทำให้หล่อน พร้อมกับฝืนยิ้ม
"เธอเรียกฉันว่ายังไงนะ?"
"ปลายก็แค่ทัก อยากรู้ว่าอีตารัตน์ ได้คุยกับเธอรึยัง" ปลายนภาพูดอย่างเฉื่อยช้าทีละคำ เนื้อเสียงเคลือบความเจ้าเล่ห์แอบแฝงไปด้วยแรงปรารถนา
ตรีรัตนาคิ้วกระตุกเต้นเป็นริ้วๆ ยิ้มกลบเลื่อน "เดี๋ยวอาจารย์คงเข้ามาสอน เอาเป็นว่า เจอกันเที่ยงครึ่งที่สวนหย่อมกระถินณรงค์แล้วกัน" เธอชิงกำหนดนัดหมายไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวปฏิเสธได้ แล้วปลิวตัวจากไป
ปลายนภายืนมองตามแผ่นหลังชุดนักเรียนที่เดินอ้อนแอ้นหายลับไป ยังนิ่งอึ้งค้างเติ่งที่หน้าประตูห้องเรียนของตน กัดมุมปากด้วยความหงุดหงิด ส่วนมากเธอจะเป็นฝ่ายนำหน้าคนที่ต้องการไล่ต้อนเสมอ คราวนี้ทำให้รู้สึกเสียเชิงคู่ปรับ
นิยาย : แกล้งเธอจนเผลอรัก (3. มั่วแล้วรัตน์)
...ไปรับปากยัยปลายตอนไหนวะ…
รัตนะกลับมาอยู่ในห้องนอนตัวเอง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ภายใต้บรรยากาศอันเงียบสงบช่วงค่ำคืน เขาออกมายืนเล่นที่ระเบียงห้องนอนเพื่อคลายเครียด อยากสูดอากาศภายนอกให้ปลอดโปร่งใจ แหงนมองท้องฟ้าผืนดำที่มีดวงดาวประดับระยิบระยับอยู่เต็มฟ้าพอให้เพลิดเพลินตา ความรู้สึกลึกๆ มีความคับข้องใจอยู่ในนั้น เหมือนลืมเรื่องอะไรไปบางอย่าง นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก สับสนมึนงงไปหมด จู่ๆ ไปตบปากรับคำอะไรกับยัยคู่อริในตอนเย็น แต่นั้นก็ไม่สำคัญ สิ่งเขานึกถึงในตอนนี้กลับเป็นเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนที่เจอกับหนึ่งธิดาเป็นวันแรก
รัตนะ สิงหสงครามนอนเหยียดกายเต็มตัวอย่างสบายอารมณ์บนเตียงคนไข้ภายในห้องพยาบาล เขานอนเอาแรงช่วงรอเวลาหลังเลิกเรียนเพื่อไปซ้อมฟุตบอล สำหรับการนอนในช่วงบ่ายนี้มันสำคัญ ถือเป็นวินัยเคร่งครัดข้อหนึ่ง เป็นการสะสมพลังงานเพื่อเอามาใช้ได้อย่างเต็มที่
ขณะหลับไหลกำลังได้ที่ มีมือเล็กข้างหนึ่งเขย่าเข้าที่หัวไหล่
“น้องๆ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมได้มานอนที่นี่” สุ่มเสียงปลุกนั้นใสหวาน บ่งบอกถึงอายุคนพูดอยู่ในวัยหนุ่มสาว
เปลือกตาที่ยังเต็มไปด้วยขี้ตาหน่วงหนักให้ลืมตายาก จึงค่อยๆ ปรือตามองหน้าคนปลุกพร้อมกับยันตัวเองขึ้นมานั่ง พอภาพเริ่มสร่างชัด เห็นผู้หญิงวัยยี่สิบกว่าในชุดพยาบาลกางเกงสีฟ้า
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมมานอนพักเอาแรงรอซ้อมบอล” เสียงห้าวตอบอย่างเหนื่อยๆ เพราะอยากนอนต่อกำลังหลับได้ที่ แล้วก็ล้มตัวลง
“เดี๋ยว...ยังงี่ก็กินที่คนอื่นสิ แล้วทำไมไม่อยู่ในห้องเรียน” หญิงสาวรีบดึงแขนไว้ไม่ให้นอน
รัตนะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับถูกดึงขึ้นง่ายเพราะไม่อยากฝืนแรงผู้หญิงที่กำลังหงุดหงิดต้องโมโหไปมากกว่านี้ พอลุกขึ้นนั่งในท่าเดิม เริ่มมองสำรวจภายในห้องเห็นเตียงอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ว่างเปล่า ไม่พบใครเลยนอกจากผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นตั้งใจเบิกตาพิจารณาคนที่กำลังดุใส่เขา
‘หน้าตาพี่เค้าก็ดูน่ารัก ผิวขาวดี ตัวเล็ก สูงไม่น่าเกิน 160 แต่หน้าไม่คุ้นเลยแฮะ’
แม้รัตนะจะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงเรียน แต่ในเมื่อเป็นนักกีฬา ต้องฝึกฝนการจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้างให้ได้โดยไว ดังนั้นร้อยละ 90 ของคนทั้งโรงเรียน รัตนะสามารถจดจำใบหน้าได้ ครั้นหากมีใครแปลกปลอมเข้ามาในโรงเรียน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกแยะออกในทันที และยิ่งหญิงสาวตรงหน้ามีบุคลิกเด่น ก็รู้ว่าพึ่งมาทำงานใหม่
รัตนะรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในเมืองพิษณุโลกตั้งแต่ ป.5 จนถึงวัย 30 เวลาเจอเขาจะมีท่าทีขวยเขินเอียงอาย ยิ่งเวลาได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งประหม่าให้เห็นชัด แต่พี่สาวรายนี้กลับมีสีหน้าจริงจัง อีกทั้งยังมีแววตาตำหนิและไร้ซึ่งการชื่นชมในตัวเขา พอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงใช้มุกเดิมอย่างที่เคยทำ
“พี่มาใหม่ละสิ ผมค่อนข้างพิเศษหน่อย ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม ก็ให้ไปถามอาจารย์แดงได้ครับ” รัตนะเลือกใช้คำพูดเดิมๆ ที่เคยใช้กับพยาบาลคนก่อน คือให้ไปหาครูผู้ฝึกสอนของเขาโดยตรง
“อาจารย์แดง?” หล่อนขมวดคิ้วถามซ้ำ
“ไม่รู้จัก?” รัตนะอ่านสีหน้าออก
หล่อนแค่นเสียงในลำคอ “ก็ใช่นะสิ บรรจุเข้าที่นี่ทำงานเป็นวันแรก จะให้รู้จักครูหมดโรงเรียนเลยเหรอ แต่ถึงยังไง...ต่อให้พิเศษแค่ไหน ห้องนี้ก็เป็นห้องสำหรับคนที่ไม่สบาย น้องเองก็ดูแข็งแรงจะตาย มาเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ พี่ไม่ยอมหรอก”
ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แม้เวลาดุกล่าวยังดูสดใสน่ามอง รัตนะมองดูแทนที่จะสำนึกกลับชื่นชมในความสดใสของหล่อน
โดยจรรยาบรรณของพยาบาล คนไข้ต้องมาก่อน และสถานที่ต้องพร้อมตลอดเวลาสำหรับสถานะการณ์ฉุกเฉินที่มาได้ทุกขณะ รัตนะเหม่อมองอยู่ครู่ ไม่เคยเจอผู้หญิงอารมณ์เสียใส่ และผู้หญิงคนนี้เวลาหน้าตาจริงจังกลับดูมีเสนห์น่าชม แต่ก็อยากให้เรื่องมันจบๆ ไป จะได้นอนต่อ จึงกล่าว
“พี่ไปถามอาจารย์แดงเอาเถอะครับ”
หล่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง มองดูใบหน้าหนุ่มหล่ออย่างไม่พอใจ “แล้วอาจารย์แดงอยู่ที่ไหน”
กัปตันทีมฟุตบอลชี้นิ้วไปยังหมวดพละศึกษาที่อยู่นอกหน้าต่างด้านหน้าอาคาร ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากบนเตียงและมีระยะห่างกันไม่ถึง 30 เมตร ร่างเล็กบางเห็นจุดหมายอยู่ใกล้แค่นี้ ตวัดตามองรัตนะ แล้วสบัดหน้าเดินลิ่วออกไปข้างนอกอย่างฉุนเฉียว การทำงานวันแรกก็พบเรื่องไม่ถูกต้องสำหรับวิชาชีพของหล่อน จึงพุ่งเท้าก้าวเดินฉับๆ ตรงไปตามทางที่นิ้วเขาชี้
การเดินออกไปด้วยสีหน้าบึงตึงเหมือนกำลังจะไปตบใคร หากมีคนเห็นเข้าคงเป็นที่โจษจันทั่วโรงเรียนไปในทางเสียหาย แล้วคงต้องสืบเรื่องราวจนมาถึงเขา นึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาได้ รัตนะอดลุ้นไม่ได้ว่ามีคนเห็นรึเปล่า พื้นที่ที่เคยสุขสบายคงถูกริบคืน จึงรีบลุกขึ้นออกไปสำรวจภายนอกให้ทั่ว พอกวาดสายตามองดูรอบๆ ดีแล้ว ค่อยระบายลมหายใจออกมาได้ โชคดีที่เป็นเวลาบ่ายแก่คนไม่ค่อยมี นักเรียนและครูส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันหมด รัตนะจึงเบาใจลงได้
หนุ่มร่างสูงกลับมานั่งบนเตียง กอดอกมองผ่านกระจกใสหน้าต่างเพื่อดูความเคลื่อนไหวบานประตูหน้าหมวดพลศึกษา ยังไงก็ต้องลุ้นถึงการกลับมาพร้อมคำตอบเจ้าของห้องพยาบาลคนใหม่ มองไปมองมารู้สึกว่าเนินนาน สงสัยคงเคลียร์กันยาว รัตนะจึงเอนกายลงนอนสะสมพลังงานตามเดิม
ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงพี่สาวคนเดิมเปล่งดังอย่างตั้งใจปลุกให้ตื่น “ไม่นึกเลยว่านักกีฬาโรงเรียนนี้ จะมีสิทธิพิเศษแบบนี้กับเขาด้วย”
รัตนะลืมตาตื่นโดยเร็ว หมุนตัวลงจากเตียงยืนเต็มตัว พี่สาวตรงหน้าสูงเพียงไหล่จึงได้เงยหน้าขึ้น
หลังจากไปเจรจาต่อรองกับครูแดงเป็นที่รู้เรื่อง อารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อครู่ก็หายไป หล่อนจึงเริ่มสังเกตรายละเอียดของชายหนุ่มนักเรียนอย่างถี่ถ้วน ความหล่อเหลาบวกกับรูปร่างสมชายชาตรีในชุดวอร์มกีฬา ทำให้ยืนชื่นชมอยู่ครู่ใหญ่ แต่ต้องรักษาฟอร์มจึงเก็บสีหน้าไว้เป็นปกติ
“อาจารย์ว่าไงบ้างพี่ ผมอยู่ที่นี่ต่อได้นะ บอกตามตรง จริงๆ แล้วผมกลับไปนอนรอเวลาซ้อมบอลที่บ้านก็ได้ แต่มันไกล ปั่นจักรยานไปกลับก็ 20 กิโลฯ เอาพลังงานที่เสียไปมาซ้อมบอลดีกว่า อีกอย่างคงไม่มีที่ไหนนอนสบายเหมือนกับที่นี่อีกแล้ว นี่ผมก็นอนมาตั้งแต่ ม.1”
คำพูดที่สุภาพถ่อมตัวน่าฟัง ทำให้หญิงสาวเริ่มใจอ่อนระบายยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ครูเธอนี่ใช่ย่อย ถ้าพี่ไม่สวยสงสัยคงเคลียร์กันยาก คนเก่าคงยอมเพราะเสียงดังข่มใส่สินะ แหม่..ทำชื่อเสียงให้โรงเรียนแล้วไง เป็นนักเรียนก็ต้องเรียนหนังสือสิ นี่ดูท่า...ให้เตะแต่บอลอย่างเดียวเลยละมั้ง”
“ผมก็ส่งการบ้านครบอยู่นะ สอบก็ผ่านหมดทุกวิชา” รัตนะแย้งและให้เหตุผล คำพูดดังกล่าวคล้ายเป็นการต่อว่านักกีฬาทุกคนไม่ใส่ใจการเรียน
หญิงสาวในชุดพยาบาลเดินวนรอบตัวเขาอย่างใคร่ครวญ ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “พี่ตกลงกับอาจารย์ของเธอแล้ว ให้อาศัยนอนที่นี่ก็ได้ แต่ต้องช่วยพี่ทำงาน”
“งั้นผมก็ไม่ได้นอนเอาแรงสิ”
“พูดเหมือนกับครูเธอเปี๊ยบเลย งานของพี่ที่ให้ช่วย ไม่ใช้เวลานานหรอก แค่จัดยาตามชั้น ลงบันทึกการเบิกจ่ายแต่ละวัน ดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ให้พร้อม หากมีคนไม่สบายมานอนพักแล้วเตียงเต็ม เธอต้องลุกให้เค้า ที่สำคัญนะ...”
ดวงตาคมลึกเบิกกว้างอย่างตั้งใจฟัง
“ต้องเป็นผู้ช่วยพี่เวลามีคนป่วย”
“ผมไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย จะให้ช่วยได้ไง จะไม่ป่วยซ้ำเหรอพี่”
“ฟังก่อน...ก็แค่หยิบจับนู้นนี่ให้ ตอนที่พี่ปฐมพยาบาลแค่นั้น ทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็นอนเอาแรงต่อได้”
รัตนะขมวดคิ้ว กลิ้งกลอกตา บุ้ยปากขบคิด
“ก็ได้”
“พูดกับผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงหน่อย”
“ตกลงคร้าบ....”
“ดีมาก-ก น่ารักจริงๆ”
สาวหน้าหวานฉีกยิ้มดีใจ เพราะได้ผู้ช่วยโดยไม่ต้องทำเรื่องถึงผู้อำนวยการให้วุ่นวาย ขั้นตอนดังกล่าวใช้เวลานานเป็นเดือน หล่อนเขย่งเท้ายืดตัวขึ้น มือน้อยๆ ยื่นไปลูบผมเผ้านักเรียนหนุ่มคล้ายเจ้านายกำลังลูบหัวลูกหมาอย่างเอ็นดู รัตนะรู้สึกแปลกประหลาด ยืนอึ้งอยู่พัก ที่ผ่านมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็มาขอให้เอาผ้าเช็ดหน้ามาแตะซับเหงื่อเบาๆ แล้วส่งคืนให้ไว้เป็นที่ระลึก หากเทียบดูแล้วก็ยังไม่เท่ากับผู้หญิงคนนี้ที่พึ่งคุยกัน
หล่อนยิ้มร่าเริง ดวงตาเป็นประกาย “พี่ชื่อแจ๊ส ชื่อจริง ‘หนึ่งธิดา ธนวิชา’ เป็นพยาบาลใหม่ประจำที่นี่ อาคารเล็กๆ หลังนี้ พี่จะเป็นคนดูแลเอง เธอล่ะชื่ออะไร”
“รัตน์ครับ…รัตนะ สิงหสงคราม” เสียงห้าวกล่าวตอบ ยืนมองหน้าคนที่กำลังยิ้มให้ ในใจยังไม่คลายความสงสัยของอารมณ์ตนเองเมื่อครู่
"นายรัตน์!.." เสียงใสสดชื่นร้องทักจากทางด้านหลังตรีรัตนา ร่างระหงถึงกับสะดุ้ง เหมือนโดนคำสั่งชัทดาวน์ทำให้ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวทันที กลืนน้ำลายอย่างฝืดลงคอ ลุ้นคำพูดของคนทักที่จะกล่าวต่อ
ตรีรัตนากำลังเดินผ่านห้อง 5/1 เพื่อลงบันไดไปหาน้ำดื่ม สีหน้าเริ่มเครียด อยากทราบรายละเอียดจากการร้องทักผิดๆ จึงหันหลังไป เห็นปลายนภาที่ทำผมหน้าม้าบดบังหน้าผากและใส่ปลอกรัดข้อมือ เธอรู้ถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างปลายนภากับรัตนะ จึงปั้นหน้าให้ดูเป็นมิตรอย่างที่ไม่เคยทำให้หล่อน พร้อมกับฝืนยิ้ม
"เธอเรียกฉันว่ายังไงนะ?"
"ปลายก็แค่ทัก อยากรู้ว่าอีตารัตน์ ได้คุยกับเธอรึยัง" ปลายนภาพูดอย่างเฉื่อยช้าทีละคำ เนื้อเสียงเคลือบความเจ้าเล่ห์แอบแฝงไปด้วยแรงปรารถนา
ตรีรัตนาคิ้วกระตุกเต้นเป็นริ้วๆ ยิ้มกลบเลื่อน "เดี๋ยวอาจารย์คงเข้ามาสอน เอาเป็นว่า เจอกันเที่ยงครึ่งที่สวนหย่อมกระถินณรงค์แล้วกัน" เธอชิงกำหนดนัดหมายไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวปฏิเสธได้ แล้วปลิวตัวจากไป
ปลายนภายืนมองตามแผ่นหลังชุดนักเรียนที่เดินอ้อนแอ้นหายลับไป ยังนิ่งอึ้งค้างเติ่งที่หน้าประตูห้องเรียนของตน กัดมุมปากด้วยความหงุดหงิด ส่วนมากเธอจะเป็นฝ่ายนำหน้าคนที่ต้องการไล่ต้อนเสมอ คราวนี้ทำให้รู้สึกเสียเชิงคู่ปรับ