การออกกำลังสามารถต้านทานความเสี่ยงจากการนั่งอยู่เฉยๆได้ ไม่ว่าจะเป็นป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจล้มเหลวในอนาคตหากออกกำลังกายมากเพียงพอและหากเริ่มต้นออกกำลังกาย สอดคล้องกับนักวิจัยที่ทำขึ้นโดยแพทย์โรคหัวใจจากศูนย์วิจัยหัวใจ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด การออกกำลังกายควรที่จะเริ่มต้นในช่วงวัยกลางคน (ก่อนที่จะถึงอายุ 65 ปี) จะทำให้หัวใจเริ่มมีการหล่อหลอมและเริ่มกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาใหม่ สอดคล้องกับการค้นพบของนักวิจัยจากสถาบัน IEEM และจากความร่วมมือในภาคส่วนอื่นๆ
และการออกกำลังกายจะต้องออก 4-5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งการออกวันละ 2-3 วันนั้นยังไม่เพียงพอซึ่งนักวิจัยพบเรื่องนี้ก่อนหน้านี้
“งานวิจัยที่ทำขึ้นโดยทีมของพวกเรานั้น ยึดหลักงานวิจัยในช่วง 5 ปีก่อน การออกกำลังกายนี้ถือเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญในชีวิตมาก” กล่าวโดยหัวหน้าวิจัย Dr.Benjamin Levine “ผมคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสุขลักษณะที่เหมาะสมได้ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันหรืออาบน้ำ
การออกกำลังกายเป็นเวลา 4-5 วันต่อสัปดาห์นั้น ปกติแล้วจะต้องใช้เวลาออกกำลังกาย 30 นาทีบวกกับอุ่นเครื่องและยืดเส้นยืดสายหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว
• วันแรกของสัปดาห์จะต้องออกกำลังกายหนักหน่วงถึง 30 นาที อย่างเช่นการแอโรบิคที่ช่วยให้อัตราหัวใจเต้นเร็วขึ้นถึง 95 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลามากถึง 4 นาที พร้อมกับใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองอีก 3 นาทีทุกๆการออกกำลังกาย 4 ครั้ง
• การออกกำลังกายแต่ละครั้งจะต้องมีการฟื้นฟูในระดับการเต้นหัวใจที่ต่ำ
• วันหนึ่งจะต้องออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมงและทำให้ระดับการเต้นหัวใจอยู่ปานกลาง (เนื่องจากเป็นแบบแผนของชีวิต Levine กล่าวว่าควรที่จะทำกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงด้วยอย่างเช่นเล่นเทนนิส เต้นแอโรบิค เดินหรือปั่นจักรยาน)
• ในช่วงวันสองวันจะต้องออกกำลังกายรักษาระดับการเต้นหัวใจปานกลาง หมายความว่าผู้ออกกำลังกายจะต้องทำให้ตัวเองเหงื่ออกมา หายใจในระดับที่ไม่มาก แต่ยังสามารถพูดคุยสนทนากันได้อยู่ จากการวิจัยด้วยการทำแบบทดสอบการพูดคุยกันนั้น แต่ละคนจะต้องทำการพูดคุยระหว่างที่มีการทดสอบการออกกำลังกายและวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
• ในช่วง 1 -2 วันนั้นจะต้องมีการออกกำลังกายสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อโดยการยกน้ำหนักหรือใช้เครื่องออกกำลังกายโดยแยกออกเป็นวันๆหรือหลังจากที่มีความแข็งแรงพอแล้ว
จากการศึกษานั้นผู้เข้าร่วมก็ได้ทำตามขั้นตอนการออกกำลังกาย โดยเริ่มจากการออกกำลังกาย 3 วันเป็นเวลา 30 นาที เริ่มออกกำลังกายในระดับปานกลางในช่วง 3 เดือนแรกและมากที่สุดถึง 10 เดือนเมื่อได้มีการแอโรบิคหนักหน่วงมากขึ้น
ผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คนในงานวิจัยนี้ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มหนึ่งก็จะเป็นผู้ที่ทำการออกกำลังกายภายใต้การควบคุมดูแลและอีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มที่มีการออกกำลังกายโดยใช้โยคะและออกกำลังกายแบบสมดุล
ในช่วงเกือบ 2 ปีของงานวิจัยก็เผยให้เห็นว่าผู้คน 18 เปอร์เซ็นต์มีปริมาณออกซิเจนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่มีการออกกำลังกายและผู้คนมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์มีการให้ความร่วมมือ และกล้ามเนื้อบริเวณหัวใจห้องล่างด้านซ้ายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทางด้าน Dr.Levince ได้บันทึกเอาไว้ว่า เขาได้ทำการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในส่วนของหัวใจและความยืดหยุ่น มีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ยืดเส้นยืดสายกับกลุ่มที่นั่งอยู่เฉยๆ
ผู้สูงอายุที่นั่งอยู่เฉยๆมีโอกาสที่จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบริเวณห้องล่างซ้ายแข็งกระด้างขึ้นมา บริเวณช่องโพรงก็จะเป็นตัวปั้มออกซิเจนกลับคืนสู่ร่างกาย เขาอธิบาย
“เมื่อกล้ามเนื้อแข็งกระด้างขึ้นมา คุณจะต้องเจอกับความกดดันสูงและช่องโพรงหัวใจก็จะไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่หากเกิดวิกฤตขึ้นมา เลือดสามารถสูบฉีดกลับขึ้นไปยังบริเวณปอด จึงยิ่งทำให้มีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจล้มเหลวได้มากขึ้นอีก” กล่าวโดย Dr.Levine
งานวิจัยก่อนหน้านี้จากแพทย์หัวใจที่ Southwestern นั้นก็ชี้ว่า บริเวณหัวใจห้องด้านซ้ายจะแข็งกระด้างเมื่อผู้คนอยู่ในวัยกลางคนที่ไม่เคยออกกำลังกายและไม่แข็งแรง ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงที่ห้องหัวใจที่แข็งกระด้างพร้อมกับไม่สามารถสูบฉีดเหลือได้ดีเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามนักวิจัยก็พบด้วยเหมือนกันว่า ห้องหัวใจของนักกีฬามืออาชีพมีขนาดใหญ่และมีความยืดหยุ่น และการออกกำลังกาย 4-5 วันเป็นเวลามากกว่า 10 ปีก็เพียงพอที่จะแข็งแรงเหมือนกับนักกีฬามืออาชีพได้แล้ว
จากการวิจัยปัจจุบันนั้น นักวิจัยอยากรู้ว่าการออกกำลังกายสามารถฟื้นฟูให้หัวใจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นจากคนที่ชอบอยู่เฉยๆมาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน งานวิจัยก่อนหน้านี้ของ Dr.Levine ก็เผยให้เห็นว่าหัวใจมีความแข็งแรงมากขึ้นในช่วงวัยหนุ่มสาวหลังจากที่มีการออกกำลังกายในแต่ละปี แต่เป็นเรื่องแปลกใจที่หัวใจพัฒนาช้าลงหากเริ่มออกกำลังกายในช่วง 65 ปีขึ้นไป
เริ่มต้นงานวิจัยนั้น นักวิจัยได้ทำการคัดเลือกผู้เข้าร่วม 53 คนที่มีอายุ 45 ถึง 64 ปีให้มาทำการทดสอบศูนย์วิจัยหัวใจดักลาส ซึ่งรวมไปถึงทำผู้ที่อยู่อาศัยดักลาสกว่า 6 พันคนและเป็นศูนย์วิจัยหัวใจแห่งเดียวและศึกษาผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศูนย์วิจัยหัวใจดักลาสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพัฒนาการวินิจฉัย หาแนวทางป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวได้
การออกกำลังสามารถต้านทานความเสี่ยงจากการนั่งอยู่เฉยๆได้ ไม่ว่าจะเป็นป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจล้มเหลวในอนาคตหากออกกำลังกายมากเพียงพอและหากเริ่มต้นออกกำลังกาย สอดคล้องกับนักวิจัยที่ทำขึ้นโดยแพทย์โรคหัวใจจากศูนย์วิจัยหัวใจ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด การออกกำลังกายควรที่จะเริ่มต้นในช่วงวัยกลางคน (ก่อนที่จะถึงอายุ 65 ปี) จะทำให้หัวใจเริ่มมีการหล่อหลอมและเริ่มกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาใหม่ สอดคล้องกับการค้นพบของนักวิจัยจากสถาบัน IEEM และจากความร่วมมือในภาคส่วนอื่นๆ
และการออกกำลังกายจะต้องออก 4-5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งการออกวันละ 2-3 วันนั้นยังไม่เพียงพอซึ่งนักวิจัยพบเรื่องนี้ก่อนหน้านี้
“งานวิจัยที่ทำขึ้นโดยทีมของพวกเรานั้น ยึดหลักงานวิจัยในช่วง 5 ปีก่อน การออกกำลังกายนี้ถือเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญในชีวิตมาก” กล่าวโดยหัวหน้าวิจัย Dr.Benjamin Levine “ผมคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสุขลักษณะที่เหมาะสมได้ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันหรืออาบน้ำ
การออกกำลังกายเป็นเวลา 4-5 วันต่อสัปดาห์นั้น ปกติแล้วจะต้องใช้เวลาออกกำลังกาย 30 นาทีบวกกับอุ่นเครื่องและยืดเส้นยืดสายหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว
• วันแรกของสัปดาห์จะต้องออกกำลังกายหนักหน่วงถึง 30 นาที อย่างเช่นการแอโรบิคที่ช่วยให้อัตราหัวใจเต้นเร็วขึ้นถึง 95 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลามากถึง 4 นาที พร้อมกับใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองอีก 3 นาทีทุกๆการออกกำลังกาย 4 ครั้ง
• การออกกำลังกายแต่ละครั้งจะต้องมีการฟื้นฟูในระดับการเต้นหัวใจที่ต่ำ
• วันหนึ่งจะต้องออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมงและทำให้ระดับการเต้นหัวใจอยู่ปานกลาง (เนื่องจากเป็นแบบแผนของชีวิต Levine กล่าวว่าควรที่จะทำกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงด้วยอย่างเช่นเล่นเทนนิส เต้นแอโรบิค เดินหรือปั่นจักรยาน)
• ในช่วงวันสองวันจะต้องออกกำลังกายรักษาระดับการเต้นหัวใจปานกลาง หมายความว่าผู้ออกกำลังกายจะต้องทำให้ตัวเองเหงื่ออกมา หายใจในระดับที่ไม่มาก แต่ยังสามารถพูดคุยสนทนากันได้อยู่ จากการวิจัยด้วยการทำแบบทดสอบการพูดคุยกันนั้น แต่ละคนจะต้องทำการพูดคุยระหว่างที่มีการทดสอบการออกกำลังกายและวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
• ในช่วง 1 -2 วันนั้นจะต้องมีการออกกำลังกายสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อโดยการยกน้ำหนักหรือใช้เครื่องออกกำลังกายโดยแยกออกเป็นวันๆหรือหลังจากที่มีความแข็งแรงพอแล้ว
จากการศึกษานั้นผู้เข้าร่วมก็ได้ทำตามขั้นตอนการออกกำลังกาย โดยเริ่มจากการออกกำลังกาย 3 วันเป็นเวลา 30 นาที เริ่มออกกำลังกายในระดับปานกลางในช่วง 3 เดือนแรกและมากที่สุดถึง 10 เดือนเมื่อได้มีการแอโรบิคหนักหน่วงมากขึ้น
ผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คนในงานวิจัยนี้ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มหนึ่งก็จะเป็นผู้ที่ทำการออกกำลังกายภายใต้การควบคุมดูแลและอีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มที่มีการออกกำลังกายโดยใช้โยคะและออกกำลังกายแบบสมดุล
ในช่วงเกือบ 2 ปีของงานวิจัยก็เผยให้เห็นว่าผู้คน 18 เปอร์เซ็นต์มีปริมาณออกซิเจนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่มีการออกกำลังกายและผู้คนมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์มีการให้ความร่วมมือ และกล้ามเนื้อบริเวณหัวใจห้องล่างด้านซ้ายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทางด้าน Dr.Levince ได้บันทึกเอาไว้ว่า เขาได้ทำการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในส่วนของหัวใจและความยืดหยุ่น มีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ยืดเส้นยืดสายกับกลุ่มที่นั่งอยู่เฉยๆ
ผู้สูงอายุที่นั่งอยู่เฉยๆมีโอกาสที่จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบริเวณห้องล่างซ้ายแข็งกระด้างขึ้นมา บริเวณช่องโพรงก็จะเป็นตัวปั้มออกซิเจนกลับคืนสู่ร่างกาย เขาอธิบาย
“เมื่อกล้ามเนื้อแข็งกระด้างขึ้นมา คุณจะต้องเจอกับความกดดันสูงและช่องโพรงหัวใจก็จะไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่หากเกิดวิกฤตขึ้นมา เลือดสามารถสูบฉีดกลับขึ้นไปยังบริเวณปอด จึงยิ่งทำให้มีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจล้มเหลวได้มากขึ้นอีก” กล่าวโดย Dr.Levine
งานวิจัยก่อนหน้านี้จากแพทย์หัวใจที่ Southwestern นั้นก็ชี้ว่า บริเวณหัวใจห้องด้านซ้ายจะแข็งกระด้างเมื่อผู้คนอยู่ในวัยกลางคนที่ไม่เคยออกกำลังกายและไม่แข็งแรง ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงที่ห้องหัวใจที่แข็งกระด้างพร้อมกับไม่สามารถสูบฉีดเหลือได้ดีเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามนักวิจัยก็พบด้วยเหมือนกันว่า ห้องหัวใจของนักกีฬามืออาชีพมีขนาดใหญ่และมีความยืดหยุ่น และการออกกำลังกาย 4-5 วันเป็นเวลามากกว่า 10 ปีก็เพียงพอที่จะแข็งแรงเหมือนกับนักกีฬามืออาชีพได้แล้ว
จากการวิจัยปัจจุบันนั้น นักวิจัยอยากรู้ว่าการออกกำลังกายสามารถฟื้นฟูให้หัวใจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นจากคนที่ชอบอยู่เฉยๆมาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน งานวิจัยก่อนหน้านี้ของ Dr.Levine ก็เผยให้เห็นว่าหัวใจมีความแข็งแรงมากขึ้นในช่วงวัยหนุ่มสาวหลังจากที่มีการออกกำลังกายในแต่ละปี แต่เป็นเรื่องแปลกใจที่หัวใจพัฒนาช้าลงหากเริ่มออกกำลังกายในช่วง 65 ปีขึ้นไป
เริ่มต้นงานวิจัยนั้น นักวิจัยได้ทำการคัดเลือกผู้เข้าร่วม 53 คนที่มีอายุ 45 ถึง 64 ปีให้มาทำการทดสอบศูนย์วิจัยหัวใจดักลาส ซึ่งรวมไปถึงทำผู้ที่อยู่อาศัยดักลาสกว่า 6 พันคนและเป็นศูนย์วิจัยหัวใจแห่งเดียวและศึกษาผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศูนย์วิจัยหัวใจดักลาสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพัฒนาการวินิจฉัย หาแนวทางป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com