การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/37061562
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 1)
https://pantip.com/topic/37062561
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 2)
https://pantip.com/topic/37066188
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 1)
https://pantip.com/topic/37106353
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2)
https://pantip.com/topic/37400761
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 3)
28 พฤศจิกายน 2006, 10.30 น.
เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามือถือโนเกียของธเนศ เขากำลังสะลืมสะลือหลังจากที่เพิ่งรู้สึกตัว เมื่อคืนเขาดื่มเบียร์และเหล้ารัมผสมน้ำเปล่าอีกแล้ว ฤทธิ์เดชของเครื่องดื่มทั้งสองตีกันจนเขาไปไม่ถูก แต่ก็ยังดีที่ก่อนจะหมดสติไป เขาโทรหานิรุตต์ตามนามบัตรที่เขาให้ไว้ เขาตอบตกลงพร้อมกับตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปสวีเดนในคืนนี้ แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วโดยสารอย่างไรให้ทันบินในคืนนี้ มันช่างกระชั้นชิดเหลือเกินในสายตาของคนอื่นๆ และเช่นกันกับสายการบินที่ปฏิเสธคำขอของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจองตั๋วไปยุโรปให้เสร็จภายในหนึ่งคืน แต่มันก็เป็นไปแล้วเมื่อเขาโทรหานิรุตต์อีกครั้ง และเล่าอุปสรรคที่มีต่อการเดินทางให้นิรุตต์ เขาบอกกลับมาแค่เพียง “สบายมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะนำตั๋วเครื่องบินให้ถึงห้องเลยครับ” เพียงแค่นี้ และธเนศก็สลบไปในห้วงนิทรา
“ฮัลโหล” เสียงของธเนศยังคงขี้เซา
“เพิ่งตื่นหรือครับคุณธเนศ” ปลายสายที่คุ้นเคย นิรุตต์โทรมาจากห้องพักของเขาเช่นกัน
“ใช่ มีอะไรหรือ”
“ผมแค่อยากจะมาถามคุณว่า คุณจัดกระเป๋าของคุณไว้แล้วหรอยัง การเดินทางครั้งนี้คุณควรจะเตรียมพร้อมให้มากที่สุดไม่ใช่หรือครับ?” นิรุตต์ถามด้วยความเป็นห่วง
“อ่อ กระเป๋าน่ะเหรอ” ธเนศเหลือตามองหากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ขนาดความจุมากกว่าสามสิบกิโลกรัม แต่เขายังหาไม่เจอ
“แสดงว่าคุณยังหาไม่เจอใช่ไหมครับ ผมแนะนำว่าคุณควรจะหามันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะบ่ายๆแก่นี้ผมจะเข้าไปที่ห้องของคุณนะครับ”
“อ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว แล้วคุณจะมาหาผมกี่โมง” ธเนศเหลือบมองเข็มนาฬิกาที่อยู่บนหัวนอน
“ยังไม่แน่นอนนะครับเรื่องเวลา เพราะผมยังมีธุระจัดการอีกนิดหน่อย แต่คงไม่เกินบ่ายสี่โมงเย็น”
เขาเบิกตาขึ้นอย่างเต็มตื่น “โอเค ไว้คุณมาหาเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น” เขาวางสาย และเดินไปห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัว เขาไม่โกนหนวดในวันนี้เพราะเห็นว่าหนวดยังไม่ขึ้นมากพอ เขาอาบน้ำ ชโลมสบู่พอกตัวจนหนา ล้างน้ำ และสระผมจนหนังศีรษะของธเนศแห้งจากฤทธิ์ของแชมพู ก่อนที่จะล้างน้ำอีกครั้ง
เขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ หยิบถุงดำถึงใหญ่จากลิ้นชัก เก็บขยะที่อยู่ในห้องให้หมด โดยเฉพาะกระป๋องเบียร์ และขวดโซดาที่เกลื่อนกลาดในห้อง กลิ่นอับชื้นในห้องทำให้เขาต้องเปิดหน้าต่างออกทั้งหมด เขาสูดอากาศในยามสายอีกครั้ง มันช่างแตกต่างจากอากาศที่บ้านของแม่ในอำเภอแม่อายเมื่อวานเสียเหลือเกิน เขาคิดในใจ ไม่มีสิ่งใดที่เทียบได้ในบรรยากาศของบ้านกับคอนโด เขาเข้าใจอีกว่านี่คงเป็นสิ่งที่แม่ไม่ต้องการหากต้องย้ายมารักษาตัวในกรุงเทพฯ
สิ่งที่ต้องเตรียม ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญในเมื่อเขาจะเดินทางกลับไปสวีเดน เขาหาหนังสือเดินทาง ที่เก็บอยู่ในลิ้นชักหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาเปิดมันดูหน้าวีซ่าของยุโรป เขายังมีเวลาก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุราวๆสองปี ดังนั้นเรื่องการเดินทางเข้าเมืองจึงไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคงเป็นเรื่องเงินโครนของสวีเดนมากกว่า เพราะถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้แลกเงินโครนที่ใดเลย ธเนศรีบแต่งตัว หวีผมของตนให้รีบร้อย จะว่าไปเขาไม่ได้ตัดผมมานานแล้วนี่ เขาควรจะไปตัดผมเสียก่อนให้เรียบร้อย ในเมื่อเขาจะต้องย้อนเวลากลับไปหารินะ ไอซาวะ แต่ในเมื่อเขาคิดได้อีกที การย้อนเวลามันไม่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวเองในสองปีก่อนหรือ นั่นเป็นคำถามที่สำคัญมาก เขาพยายามจะหาคำตอบโยการนึกย้อนไปที่บทสนทนาระหว่างเขากับนิรุตต์ เขาจำได้ว่านิรุตต์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งข้อความไปหานิรุตต์เพื่อถามเรื่องนี้
อีกสองนาทีต่อมา นิรุตต์โทรกลับมาหาเขา
“การย้อนเวลาในครั้งนี้ ย้อนตัวเราในปัจจุบันกลับไปด้วยนะครับ” เขาจับใจความในทำนองนี้ ก่อนที่จะตัดสายใส่นิรุตต์อีกครั้ง เขารีบพรวดออกจากห้อง เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีธนาคารไหนที่จะรับแลกเงินโครนของสวีเดนได้ เขากังวลพอๆกับการที่เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องเตรียมเงินไปใช้ชีวิตที่นั่นเท่าไหร่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการอยู่สวีเดน เขาใช้เงินไปราวๆเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันโครน หรือราวๆหกหมื่นบาทไทย ทั้งนี้ไม่รวมค่าห้องพักที่ทางมหาวิทยาลัยออกให้ ซึ่งคำนวณดูแล้วราคาห้องเช่าคงแพงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว อีกทั้งเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะต้องอยู่ที่นั่นไปอีกนานเท่าใด หากสำเร็จตามที่นิรุตต์วางแผน เขาแทบจะไม่ต้องใช้เงินอะไรด้วยซ้ำ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นก่อนที่เขาจะพาเธอกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน
แต่หากเขาย้อนเวลากลับไปที่นั่นได้จริงละก็ เขาก็ยังคงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์มนี่นา บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักห้องเก่าในวิทยาเขตก็เป็นได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เป็น เพราะนั่นหมายความว่าการย้อนเวลาไปช่วยเหลือรินะจากฆาตกรนั้นไม่สำเร็จ เขาและเธอจะต้องตกอยู่ในปี2005จนกว่าจะหาทางหลุดพ้น
ด้วยเหตุนี่ ภายในเวลาบ่ายสามโมง เงินนำเงินสดจำนวนห้าแสนบาทไปแลกเป็นเงินโครนสวีเดน หลังจากที่เขาต้องตามหาสถานที่เพื่อแลกเงินจนไปจบลงที่ธนาคารสาขาสำนักงานใหญ่ เขาจะนำเงินสดนี้ติดตัวไปยังสวีเดน และธเนศก็พึงพอใจในจำนวนเงินนี้ ว่าด้วยเขาคงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมากนักในสต็อกโฮล์ม เขากลับมาที่ห้องของเขาก่อนถึงสี่โมงเย็น นิรุตต์นั่งรอเขาอยู่ในห้องนั้นแล้ว
“คุณคงไม่ได้ขโมยของในห้องผมใช่ไหม” นี่คือคำทักทายแรกของธเนศ หลังจากที่ไม่ได้เจอนิรุตต์เป็นเวลาสองวัน
“ใจเย็น ๆ สิครับ” นิรุตต์ยิ้ม เขาผละออกจากโซฟา “ดูเหมือนว่ากระเป๋าของคุณยังไม่ได้เตรียมไว้เลยนะครับ ทั้งๆที่คุณจะต้องขึ้นเครื่องคืนนี้”
“ผมไปแลก’ตังมาน่ะ” ธเนศกล่าว พร้อมกับวางซองที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันโครนในนั้น
“ผมเดาว่ามันคงเยอะพอสมควร” นิรุตต์ชันคาง
“ผมยังมีวีซ่าเหลืออยู่อีกนะ เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างง่ายแล้วหลังจากนี้” เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อกันหนาวตัวหนาออกจากพลาสติกที่หุ้มไว้กันฝุ่น
“เอ่อ..ผมควรจะเตรียมชุดไว้กี่ชุดดีครับ?” ธเนศหันหน้ามามองนิรุตต์ เขาตอบไม่ได้ ได้แต่อ้ำอึ้งไปมา นรุตต์เองก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อกี่วัน
“ผมว่า หากคุณมีเงินเยอะขนาดนี้ คงไม่เป็นไรหากคุณจะไปซื้อเสื้อที่นู่นนะครับ ถึงแม้ว่ามันจะราคาแพง”
“แต่ค่าอาหารที่นู่นก็แพงเอาเรื่องอยู่นะ หากผมตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก มันก็จะช่วยให้ผมประหยัดไปเยอะเลย”
“ว่าแต่” ธเนศคิดอะไรออกสักอย่าง
“ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะได้ไปอยู่ที่นู่นกี่วัน คุณว่าผมจะย้อนเวลากลับมาในปี2006ได้เร็วแค่ไหน?”
“นั่นคงขึ้นอยู่กับตัวของคุณแล้วล่ะครับ” นิรุตต์ก้มหน้าหยิบขวดน้ำเปล่าที่เหน็บไว้กับประเป๋าของตนขึ้นมาดื่ม “ผมขอสูบบุหรี่ตรงนี้ได้ไหมครับ?”
ธเนศหยักหน้า “อยากทำอะไรก็ตามใจคุณเลย แต่คุณหมายความตามนั้นจริงๆหรือ?”
“หมายความเรื่องอะไรหรือครับ?”
“ที่คุณบอกว่ามันขึ้นอยู่กับตัวของผม คุณบอกกับผมอย่างนั้น แล้วผมจะถามต่อใครได้ว่าผมจะต้องอยู่ที่นู่นไปอีกนานแค่ไหน”
“เฮ้อ” นิรุตต์ถอนหายใจแรงๆ เขาสูบบุหรี่กรองทิพย์ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อด้านล่าง มวลควันได้กระจายออกหลังจากที่เขาพ่น “อย่างที่ผมบอกคุณเมื่อคืนก่อนนะครับ ภารกิจนี้มีความพิเศษและมีความเฉพาะอยู่มากๆ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย เมื่อคุณต้องย้อนเวลากลับไปในปีที่แล้ว”
ธเนศนิ่งเงียบ เขาผละตัวออกจากกองเสื้อผ้า ขอบุหรี่นิรุตต์หนึ่งมวนพร้อมกับให้นิรุตต์จุดไฟให้ ทั้งสองนิ่งเงียบเป็นเวลานานกว่าห้านาที
“คุณไม่ย้อนเวลากลับไปเป็นเพื่อนของผมหรือ” ธเนศถามนิรุตต์ เพ่งไปยังใบหน้าที่คาดเดาอะไรไม่ได้ของนิรุตต์
“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะการย้อนเวลาเป็นสิ่งที่คุณจะต้องแก้ไขด้วยตัวตนของคุณเอง หากผมย้อนเวลาไปกับคุณด้วย จะทำให้ไทม์ไลน์ชีวิตของคุณยุ่งเหยิงมากกว่านี้” นิรุตต์อธิบายจบ ธเนศพยักหน้าด้วยสีหน้าที่กังวล
“ผมขอดูหน่อยได้ไหม เครื่องย้อนเวลาที่ว่าน่ะ” เขาดับบุหรี่ทิ้งด้วยมือ เพ่งมองและให้ความสนใจไปยังกระเป๋าของนิรุตต์
“เรื่องนั้นย่อมได้อยู่แล้วครับ แต่...”
“แต่อะไรหรือ” ธเนศคิ้วขมวดเล็กน้อย
“ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า หากไม่รังเกียจ เราควรจะไปหาอะไรกินกันก่อนได้ไหมครับ? ผมกลัวว่าเรื่องมันจะต้องอธิบายยาว” ธเนศสะแหยะยิ้ม
“เรื่องนั้นย่อมได้” เขายอกย้อนคำพูดของนิรุตต์
(มีต่อ)
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 3)
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 1) https://pantip.com/topic/37062561
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 2) https://pantip.com/topic/37066188
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 1) https://pantip.com/topic/37106353
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2) https://pantip.com/topic/37400761
28 พฤศจิกายน 2006, 10.30 น.
เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามือถือโนเกียของธเนศ เขากำลังสะลืมสะลือหลังจากที่เพิ่งรู้สึกตัว เมื่อคืนเขาดื่มเบียร์และเหล้ารัมผสมน้ำเปล่าอีกแล้ว ฤทธิ์เดชของเครื่องดื่มทั้งสองตีกันจนเขาไปไม่ถูก แต่ก็ยังดีที่ก่อนจะหมดสติไป เขาโทรหานิรุตต์ตามนามบัตรที่เขาให้ไว้ เขาตอบตกลงพร้อมกับตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปสวีเดนในคืนนี้ แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วโดยสารอย่างไรให้ทันบินในคืนนี้ มันช่างกระชั้นชิดเหลือเกินในสายตาของคนอื่นๆ และเช่นกันกับสายการบินที่ปฏิเสธคำขอของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจองตั๋วไปยุโรปให้เสร็จภายในหนึ่งคืน แต่มันก็เป็นไปแล้วเมื่อเขาโทรหานิรุตต์อีกครั้ง และเล่าอุปสรรคที่มีต่อการเดินทางให้นิรุตต์ เขาบอกกลับมาแค่เพียง “สบายมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะนำตั๋วเครื่องบินให้ถึงห้องเลยครับ” เพียงแค่นี้ และธเนศก็สลบไปในห้วงนิทรา
“ฮัลโหล” เสียงของธเนศยังคงขี้เซา
“เพิ่งตื่นหรือครับคุณธเนศ” ปลายสายที่คุ้นเคย นิรุตต์โทรมาจากห้องพักของเขาเช่นกัน
“ใช่ มีอะไรหรือ”
“ผมแค่อยากจะมาถามคุณว่า คุณจัดกระเป๋าของคุณไว้แล้วหรอยัง การเดินทางครั้งนี้คุณควรจะเตรียมพร้อมให้มากที่สุดไม่ใช่หรือครับ?” นิรุตต์ถามด้วยความเป็นห่วง
“อ่อ กระเป๋าน่ะเหรอ” ธเนศเหลือตามองหากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ขนาดความจุมากกว่าสามสิบกิโลกรัม แต่เขายังหาไม่เจอ
“แสดงว่าคุณยังหาไม่เจอใช่ไหมครับ ผมแนะนำว่าคุณควรจะหามันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะบ่ายๆแก่นี้ผมจะเข้าไปที่ห้องของคุณนะครับ”
“อ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว แล้วคุณจะมาหาผมกี่โมง” ธเนศเหลือบมองเข็มนาฬิกาที่อยู่บนหัวนอน
“ยังไม่แน่นอนนะครับเรื่องเวลา เพราะผมยังมีธุระจัดการอีกนิดหน่อย แต่คงไม่เกินบ่ายสี่โมงเย็น”
เขาเบิกตาขึ้นอย่างเต็มตื่น “โอเค ไว้คุณมาหาเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น” เขาวางสาย และเดินไปห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัว เขาไม่โกนหนวดในวันนี้เพราะเห็นว่าหนวดยังไม่ขึ้นมากพอ เขาอาบน้ำ ชโลมสบู่พอกตัวจนหนา ล้างน้ำ และสระผมจนหนังศีรษะของธเนศแห้งจากฤทธิ์ของแชมพู ก่อนที่จะล้างน้ำอีกครั้ง
เขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ หยิบถุงดำถึงใหญ่จากลิ้นชัก เก็บขยะที่อยู่ในห้องให้หมด โดยเฉพาะกระป๋องเบียร์ และขวดโซดาที่เกลื่อนกลาดในห้อง กลิ่นอับชื้นในห้องทำให้เขาต้องเปิดหน้าต่างออกทั้งหมด เขาสูดอากาศในยามสายอีกครั้ง มันช่างแตกต่างจากอากาศที่บ้านของแม่ในอำเภอแม่อายเมื่อวานเสียเหลือเกิน เขาคิดในใจ ไม่มีสิ่งใดที่เทียบได้ในบรรยากาศของบ้านกับคอนโด เขาเข้าใจอีกว่านี่คงเป็นสิ่งที่แม่ไม่ต้องการหากต้องย้ายมารักษาตัวในกรุงเทพฯ
สิ่งที่ต้องเตรียม ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญในเมื่อเขาจะเดินทางกลับไปสวีเดน เขาหาหนังสือเดินทาง ที่เก็บอยู่ในลิ้นชักหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาเปิดมันดูหน้าวีซ่าของยุโรป เขายังมีเวลาก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุราวๆสองปี ดังนั้นเรื่องการเดินทางเข้าเมืองจึงไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคงเป็นเรื่องเงินโครนของสวีเดนมากกว่า เพราะถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้แลกเงินโครนที่ใดเลย ธเนศรีบแต่งตัว หวีผมของตนให้รีบร้อย จะว่าไปเขาไม่ได้ตัดผมมานานแล้วนี่ เขาควรจะไปตัดผมเสียก่อนให้เรียบร้อย ในเมื่อเขาจะต้องย้อนเวลากลับไปหารินะ ไอซาวะ แต่ในเมื่อเขาคิดได้อีกที การย้อนเวลามันไม่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวเองในสองปีก่อนหรือ นั่นเป็นคำถามที่สำคัญมาก เขาพยายามจะหาคำตอบโยการนึกย้อนไปที่บทสนทนาระหว่างเขากับนิรุตต์ เขาจำได้ว่านิรุตต์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งข้อความไปหานิรุตต์เพื่อถามเรื่องนี้
อีกสองนาทีต่อมา นิรุตต์โทรกลับมาหาเขา
“การย้อนเวลาในครั้งนี้ ย้อนตัวเราในปัจจุบันกลับไปด้วยนะครับ” เขาจับใจความในทำนองนี้ ก่อนที่จะตัดสายใส่นิรุตต์อีกครั้ง เขารีบพรวดออกจากห้อง เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีธนาคารไหนที่จะรับแลกเงินโครนของสวีเดนได้ เขากังวลพอๆกับการที่เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องเตรียมเงินไปใช้ชีวิตที่นั่นเท่าไหร่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการอยู่สวีเดน เขาใช้เงินไปราวๆเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันโครน หรือราวๆหกหมื่นบาทไทย ทั้งนี้ไม่รวมค่าห้องพักที่ทางมหาวิทยาลัยออกให้ ซึ่งคำนวณดูแล้วราคาห้องเช่าคงแพงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว อีกทั้งเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะต้องอยู่ที่นั่นไปอีกนานเท่าใด หากสำเร็จตามที่นิรุตต์วางแผน เขาแทบจะไม่ต้องใช้เงินอะไรด้วยซ้ำ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นก่อนที่เขาจะพาเธอกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน
แต่หากเขาย้อนเวลากลับไปที่นั่นได้จริงละก็ เขาก็ยังคงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์มนี่นา บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักห้องเก่าในวิทยาเขตก็เป็นได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เป็น เพราะนั่นหมายความว่าการย้อนเวลาไปช่วยเหลือรินะจากฆาตกรนั้นไม่สำเร็จ เขาและเธอจะต้องตกอยู่ในปี2005จนกว่าจะหาทางหลุดพ้น
ด้วยเหตุนี่ ภายในเวลาบ่ายสามโมง เงินนำเงินสดจำนวนห้าแสนบาทไปแลกเป็นเงินโครนสวีเดน หลังจากที่เขาต้องตามหาสถานที่เพื่อแลกเงินจนไปจบลงที่ธนาคารสาขาสำนักงานใหญ่ เขาจะนำเงินสดนี้ติดตัวไปยังสวีเดน และธเนศก็พึงพอใจในจำนวนเงินนี้ ว่าด้วยเขาคงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมากนักในสต็อกโฮล์ม เขากลับมาที่ห้องของเขาก่อนถึงสี่โมงเย็น นิรุตต์นั่งรอเขาอยู่ในห้องนั้นแล้ว
“คุณคงไม่ได้ขโมยของในห้องผมใช่ไหม” นี่คือคำทักทายแรกของธเนศ หลังจากที่ไม่ได้เจอนิรุตต์เป็นเวลาสองวัน
“ใจเย็น ๆ สิครับ” นิรุตต์ยิ้ม เขาผละออกจากโซฟา “ดูเหมือนว่ากระเป๋าของคุณยังไม่ได้เตรียมไว้เลยนะครับ ทั้งๆที่คุณจะต้องขึ้นเครื่องคืนนี้”
“ผมไปแลก’ตังมาน่ะ” ธเนศกล่าว พร้อมกับวางซองที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันโครนในนั้น
“ผมเดาว่ามันคงเยอะพอสมควร” นิรุตต์ชันคาง
“ผมยังมีวีซ่าเหลืออยู่อีกนะ เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างง่ายแล้วหลังจากนี้” เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อกันหนาวตัวหนาออกจากพลาสติกที่หุ้มไว้กันฝุ่น
“เอ่อ..ผมควรจะเตรียมชุดไว้กี่ชุดดีครับ?” ธเนศหันหน้ามามองนิรุตต์ เขาตอบไม่ได้ ได้แต่อ้ำอึ้งไปมา นรุตต์เองก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อกี่วัน
“ผมว่า หากคุณมีเงินเยอะขนาดนี้ คงไม่เป็นไรหากคุณจะไปซื้อเสื้อที่นู่นนะครับ ถึงแม้ว่ามันจะราคาแพง”
“แต่ค่าอาหารที่นู่นก็แพงเอาเรื่องอยู่นะ หากผมตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก มันก็จะช่วยให้ผมประหยัดไปเยอะเลย”
“ว่าแต่” ธเนศคิดอะไรออกสักอย่าง
“ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะได้ไปอยู่ที่นู่นกี่วัน คุณว่าผมจะย้อนเวลากลับมาในปี2006ได้เร็วแค่ไหน?”
“นั่นคงขึ้นอยู่กับตัวของคุณแล้วล่ะครับ” นิรุตต์ก้มหน้าหยิบขวดน้ำเปล่าที่เหน็บไว้กับประเป๋าของตนขึ้นมาดื่ม “ผมขอสูบบุหรี่ตรงนี้ได้ไหมครับ?”
ธเนศหยักหน้า “อยากทำอะไรก็ตามใจคุณเลย แต่คุณหมายความตามนั้นจริงๆหรือ?”
“หมายความเรื่องอะไรหรือครับ?”
“ที่คุณบอกว่ามันขึ้นอยู่กับตัวของผม คุณบอกกับผมอย่างนั้น แล้วผมจะถามต่อใครได้ว่าผมจะต้องอยู่ที่นู่นไปอีกนานแค่ไหน”
“เฮ้อ” นิรุตต์ถอนหายใจแรงๆ เขาสูบบุหรี่กรองทิพย์ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อด้านล่าง มวลควันได้กระจายออกหลังจากที่เขาพ่น “อย่างที่ผมบอกคุณเมื่อคืนก่อนนะครับ ภารกิจนี้มีความพิเศษและมีความเฉพาะอยู่มากๆ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย เมื่อคุณต้องย้อนเวลากลับไปในปีที่แล้ว”
ธเนศนิ่งเงียบ เขาผละตัวออกจากกองเสื้อผ้า ขอบุหรี่นิรุตต์หนึ่งมวนพร้อมกับให้นิรุตต์จุดไฟให้ ทั้งสองนิ่งเงียบเป็นเวลานานกว่าห้านาที
“คุณไม่ย้อนเวลากลับไปเป็นเพื่อนของผมหรือ” ธเนศถามนิรุตต์ เพ่งไปยังใบหน้าที่คาดเดาอะไรไม่ได้ของนิรุตต์
“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะการย้อนเวลาเป็นสิ่งที่คุณจะต้องแก้ไขด้วยตัวตนของคุณเอง หากผมย้อนเวลาไปกับคุณด้วย จะทำให้ไทม์ไลน์ชีวิตของคุณยุ่งเหยิงมากกว่านี้” นิรุตต์อธิบายจบ ธเนศพยักหน้าด้วยสีหน้าที่กังวล
“ผมขอดูหน่อยได้ไหม เครื่องย้อนเวลาที่ว่าน่ะ” เขาดับบุหรี่ทิ้งด้วยมือ เพ่งมองและให้ความสนใจไปยังกระเป๋าของนิรุตต์
“เรื่องนั้นย่อมได้อยู่แล้วครับ แต่...”
“แต่อะไรหรือ” ธเนศคิ้วขมวดเล็กน้อย
“ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า หากไม่รังเกียจ เราควรจะไปหาอะไรกินกันก่อนได้ไหมครับ? ผมกลัวว่าเรื่องมันจะต้องอธิบายยาว” ธเนศสะแหยะยิ้ม
“เรื่องนั้นย่อมได้” เขายอกย้อนคำพูดของนิรุตต์
(มีต่อ)