การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2)

การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/37061562
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 1) https://pantip.com/topic/37062561
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 2) https://pantip.com/topic/37066188
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 1) https://pantip.com/topic/37106353


การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2)






27 พฤศจิกายน 2006, 08.10 น.


          เขาเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ หลังจากเย็นเมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ เขาหลับเป็นตาย หลับสนิทจนเขาแทบไม่รู้ว่าความแปรปรวนที่อยู่ภายในจิตใจนั้นคืออะไร เขาแทบไม่เคยหลับสนิทมานานมากแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายมันเกิดขึ้นเมื่อใด ธเนศหยิบสมุดโน้ตจากหัวนอน เขาหยิบปากกาที่วางคู่กัน และอีกเช่นเคย เขาพยายามจะเขียนถึงความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้น แน่นอนว่าเขายังคงมีความฝัน เป็นความฝันที่เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนที่เขาจะตื่นนอน แต่เมื่อนั่งอยู่บนเตียงอีกสิบนาที เขากลับเขียนอะไรลงในโน้ตไม่ได้อีก เขาไม่เคยจำความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วครู่นั้นได้เลย อีกเช่นเคยที่เขายังคงหยุดนิ่งในยามเช้า หัวของเขาไม่ชอบทำงานในเวลาแบบนี้ เขายอมแพ้อีกครั้ง และลุกเดินออกจากห้องนอน สาย สีมา เขากำลังนั่งดูโทรทัศน์ในห้องรับแขก

          “ตื่นแล้วหรือ เดี๋ยวลุงอุ่นกับข้าวให้นะ” สาย สีมา บอกธเนศ เขาได้แต่พยักหน้าเพราะหัวของเขาไม่อาจรวบรวมสติที่จะคิดคำพูดขึ้นมาได้ ธเนศเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าและแปรงฟัน เขาพยายามจะรื้อฟื้นความฝันนั้น ด้วยการถามคำถามนั้นกับตัวเอง และพยายามจะทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต และเรื่องราวในความฝัน เป็นไปได้หรือไหมที่ความจริงและความฝันจะมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่สอดคล้องกัน? หรือความฝันนั้นเกิดขึ้นเพราะเขาเหม่อลอยไปเอง เขาเคยคิดว่าความฝันนั้นเกิดจากการที่จิตใต้สำนึกยังคงทำงานอยู่แม้ในเวลาหลับ จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเชื่อว่าเป็นแบบนั้น แต่ความฝันนั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด เพราะเหตุใดธเนศจึงไม่สามารถจดจำความฝันนั้นได้เลยแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย

          เขาออกจากห้องน้ำ หยิบเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าเป้ อากาศในเช้าวันนี้เย็นลงกว่าเมื่อคืน เขาสูดอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินและกลิ่นน้ำค้างตรงหลังบ้าน หมอกเส้นบางๆในยามสายยังคงปกคลุมผืนนาไปสุดลูกตา เขายังมองเห็นนกเป็ดน้ำกำลังเล่นน้ำอยู่ในหนองเล็กๆ และยังเห็นฝูกนกกลุ่มใหญ่บินโฉบเฉี่ยวไปมาระหว่างทุ่งนา เมื่อเดินออกมาไกลจากตัวบ้าน เขาเห็นภูเขาลูกโตหน้าบ้านทอดยาวเป็นตัวโน้ตดนตรีสอดรับกับท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสีในยามสาย

          เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงได้รักบ้านหลังนี้

          เขาเข้าใจแล้วว่าความฝันของเขาทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยเดียวดาย

          หลังจากใช้เวลาเดินรอบบ้าน เขากลับเข้ามาในบ้าน ลุงสาย สีมากำลังทำกับข้าว เขานำไส้อั่วจากบ้านของเขามาอังบนกระทะ ข้าวเหนียวร้อนๆก็ถูกหุงมาจากภรรยาของลุงสายเช่นกัน ด้วยน้ำพริกอ่องที่เก็บไว้ในตู้เย็นเมื่อคืน ลุงสายยังคงมีถุงของแกงจืดที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้านี้ เขากลัวว่าอากาศเย็นแบบนี้จะทำให้คอแห้ง ธเนศช่วยสาย สีมาจัดจานและช่วยย่างไส้อั่ว เมื่ออาหารทุกอย่างพร้อม พวกเขาทั้งสองนั่งลง และสนุกกับอาหารเช้า

          “เอ้อ ’หนู” สายสีมามีเรื่องอยากถาม “หนูจะกลับมาบ้านหลังนี้อีกเมื่อไหร่หรือ?”

          “ก็....ผมยังไม่ทราบเลยครับ”

          “งานเยอะหรือช่วงนี้”

          “ครับ ประมาณนั้น” ธเนศโกหก เขาไม่เคยมีงานทำเป็นจริงเป็นจังมานานเป็นปีแล้ว อันที่จริง การที่ไม่มีงานทำล่วงนานเป็นปีแบบนี้ เขาแทบจะไม่มีรายได้เข้ากระเป๋าเลยด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ เขายังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่เดือดร้อน เพราะในทุก ๆ วันที่สองของเดือน จะมีเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทถูกโอนมาจากบัญชีหนึ่ง ในทุกๆเดือนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เขาไม่เคยรู้ว่าเงินจำนวนนั้นมาจากไหน เพราะมันก็เป็นเช่นนี้กับแม่ของเขา บัญชีแม่ก่อนที่แม่ธเนศจะเสียไปก็มีเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทถูกโอนเข้ามาในทุก ๆ เดือน เขาเคยถามแม่เรื่องนี้ แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ทราบ ครั้งหนึ่งเขาเคยไปที่ธนาคารเพื่ออายัตเงินพวกนี้ เพราะเขามั่นใจว่าคงเป็นความเข้าใจผิดอะไรสักอย่างจากเจ้าของบัญชี บางทีเขาหรือเธออาจะโอนเงินมาผิดบัญชีและพวกเขาไม่เคยรู้ตัวเลย เมื่อสืบทราบไปเรื่อย ๆ ธนาคารกลับพบว่าไม่มีเจ้าของบัญชีนี้อยู่จริง หากจะกล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เจ้าของบัญชีที่โอนเงินเข้าบัญชีธเนศและแม่ของเขาก่อนจะเสียไม่มีตัวตน เขาสับสนพอ ๆ กับเรื่องของความฝัน เพราะเมื่อธเนศขอให้ธนาคารอายัตบัญชีนี้ไม่ให้โอนเงินเข้ามา แต่ผลที่ได้กลับเป็นบัญชีอื่น ๆ ที่โอนเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทเข้ากระเป๋าสตางค์ของธเนศเอง มันเป็นเช่นนี้อยู่สี่รอบได้ เขายอมแพ้กับเงินเหล่านี้ และยอมใช้ชีวิตด้วยเงินเหล่านั้นโดยดุษฎี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ทำงานมากว่าหนึ่งปี มันช่วยได้มากทีเดียว

          เขาเคยคิดว่าเงินเหล่านี้คงเป็นของพ่อ แต่พอไตร่ตรองด้วยเหตุและผล มันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าพ่อของเขาไม่ใช่คนที่ร่ำรวยขนาดนั้น ตลอดเวลาที่พ่อและแม่อยู่กับเขา พวกเขามีรถขับอยู่แค่คันเดียว และถึงแม้ว่าจะมีห้องขนาดใหญ่ในคอนโดที่กรุงเทพฯ แต่นั่นก็เป็นเงินจากมรดกของคุณย่า และเขาก็รู้ว่าพ่อเคยเป็นนักบัญชีธรรมดา ๆ คนหนึ่งในบริษัทเอกชน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้วีแววของพ่อเขาอีกเลย ธเนศมักจะตามข่าวบุคคลที่สูญหายมาโดยตลอด ทว่าไม่พบว่าพ่อของเขาสูญหายแต่อย่างใด เขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่รู้ว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุด เขากลับมีความหวังอย่างลึก ๆ ว่าเงินเหล่านี้คงเป็นเงินของพ่อ

          หลังจากมื้อเช้า ธเนศกลับไปเก็บข้าวของที่อยู่ในห้อง เขาไม่ลืมเสื้อผ้าที่ติดตัวมาแค่เพียงชุดเดียว อุปกรณ์ส่วนตัวอย่างเช่นแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้าและมีดโกนหนวด เขาพับเก็บผ้าปูที่นอนให้เข้าที่ แม้ว่าสายสีมาจะร้องขอว่าให้เป็นหน้าที่ของเขาก็ตาม เขากวาดสายตาไปรอบๆห้องนอนของแม่อีกครั้ง จดจำกับรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกองหนังสือ ที่เก็บแผ่นเสียง ถึงแม้ว่าเขาจะจำมันไม่ได้ว่ามีหนังสืออะไร หรือมีแผ่นเสียงและซีดีเพลงของศิลปินคนใดบ้าง แต่ความอบอุ่นในห้องนอนของแม่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะเก็บมันไว้ หลังจากนี้ไปเขาไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกต่อไปแล้ว

          ก่อนลงจากรถเพื่อเข้าไปในอาคารของสนามบินเชียงราย ธเนศหยิบสมุดเช็คขึ้นมาหนึ่งเล่ม เขากางมันและใช้ปากกาที่พกติดตัวเขียนไปในกระดาษเช็ค เขาฉีกมันตามรอยประและยื่นมันให้สาย สีมา

          “อะไรกันนี่หนู” ลุงสาย สีมาเพ่งดวงตามาที่ธเนศ เขารู้สึกประหลาดใจ

          “ลุงเอาเช็คใบนี้ไปขึ้นเงินนะครับ ที่ธนาคารไหนก็ได้ อย่าลืมพกสมุดบัญชีของลุงไปด้วย”

          “เรื่องนั้น ลุงเข้าใจดี” สาย สีมาไม่กล้ารับเช็คใบนั้น “แต่นี่มันตั้งสองล้านบาทนะ หนูให้ลุงทำไม ลุงไม่กล้ารับหรอก”

          ธเนศนิ่งไปสักพัก เขาพยายามจะรวบรวมคำพูด “ผมตั้งใจจะให้ลุงสายตั้งแรกอยู่แล้ว เพราะลุงสายก็ไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัวของพวกเรา ทั้งแม่และผม ผมเองก็อยู่กับลุงสายมาตั้งแต่เด็กๆ เลยคิดว่าเงินจำนวนนี้ลุงจะได้ใช้บำรุงรักษาบ้านหลังนั้น เพราะผมเองก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก ทั้งค่าน้ำและค่าไฟ ทั้งค่าซ่อมบ้านต่างๆ อย่างค่าน้ำค่าไฟก็คงมีบ้างที่ผมให้ แต่สำหรับค่าซ่อมแซมบ้าน นี่จึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะตอบแทนลุงได้บ้างน่ะครับ”

          “แต่ลุงรับมันไว้ไม่ได้หรอกนะ เพราะแม่ของหนูเองก็มีบุญคุณกับลุงไว้เยอะ ใช่ว่าลุงจะดูแลบ้านนั้นอย่างเดียว ลุงยังใช้ที่ดินของแม่เธอปลูกนาอีกด้วย ถือซะว่าค่าทำนุบำรุงบ้านก็เป็นสิ่งที่ลุงจะตอบแทนให้หนูละกัน” เขาปฏิเสธ ดันมือของธเนศกลับไปคล้ายกับจะสื่อว่าให้เก็บไว้

          “เก็บไว้เถอะครับลุง ผมขอร้องล่ะ” เขาวิงวอน “ผมรู้นะครับว่าลุงเคยเป็นหนี้ธกส.อยู่แปดแสน และผมก็ยังไม่ทราบว่าตอนนี้ลุงจัดการมันอย่างไรแล้วในตอนนี้ แต่การหลุดพ้นจากวงจรหนี้ของชาวไร่ชาวนามันช่างลำบากเหลือเกิน”

          “เรื่องหนี้สินใครๆเขาก็มีกันทั้งนั้นแหละ, ลุงไม่กล้ารับจริงๆนะหนู อย่ายัดเยียดให้ลุงเลย”

          “’งั้นลุงอยากจะรับสักเท่าไหร่ดีล่ะครับ? ถ้าเงินสองล้านมันเยอะเกินไป ลุงจะอยากเท่าไหร่ครับ?”

          “ลุงไม่อยากได้อะไรเลยนะ แค่เห็นหนูมาที่บ้านลุงก็ดีใจแล้ว” คำพูดของสาย สีมาทำให้ธเนศถึงกับจุกอก เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อใดเขาจะได้กลับมาที่นี่อีก ในชีวิตของเขาข่างไม่แน่นอนอะไรเลย อย่างไรก็คาม ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปเลยเถิดกว่านี้ เขาฉีกกระดาษเช็คใบนั้น แล้วเขียนอีกใบใหม่

          “หกแสนพอไหมครับลุง?” เขาเซ็นเช็คและยื่นมันให้กับสาย สีมาอีกครั้ง “คราวนี้ลุงจะปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วนะครับ ลุงต้องรับมันไว้”
สาย สีมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำตาจากทั้งสองดวงตาของเขาเอ่อนอง ไหลอาบใบหน้าอันหยาบกร้าน ซึ่งบ่งบอกได้ถึงการตรากตรำทำงานอย่างไม่รู้คืนวัน เพื่อให้ตนเองและครอบครัวพอประทังชีวิต มือที่แข็งและแตกแห้งล้วนผ่านการหยิบจับของหนักมาแล้วทั้งสิน สาย สีมาพนมมือไหวธเนศอยู่ร่ำไร พวกเขาทั้งสองบอกลากัน โดยหวังว่าจะได้พบกันอีกในเร็ววัน

(จบ ตอนที่ 3 part 2)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่